“รองเต่า” เผยตำรวจ ปปป.บุกตรวจค้นวัดม่วง แล้ว กดดันจนเจ้าอาวาสให้ความร่วมมือมอบ บัญชีธนาคารส่วนตัว 2 เล่มให้ตรวจสอบแล้ว 1 บัญชีไม่มีเงิน อีกบัญชีมีเงิน 13 ล้านบาท เบิกออกมา 10 ล้านบาท ตรงตามที่เจ้าอาวาสให้การว่าเอาไปซื้อทอง เบื้องต้นยังไม่พบการ โอนเงินมาจากบัญชีวัด ต้องหาตัวไวยาวัจกรผู้ถือบัญชี ธนาคารของวัดมาสอบสวนให้ได้ก่อน ถึงสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้อย่างแน่ชัด ด้าน ผกก.สน.เพชรเกษม เผยคดีลักทรัพย์สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องในวัดหมดแล้ว ทั้งเจ้าอาวาสผู้เสียหาย ไวยาวัจกร พระลูกวัด คนสนิท ยันร้านทองที่เอาเงินไปซื้อทอง 300 บาท มาเก็งกำไร มั่นใจได้ตัวหัวขโมยผู้ก่อคดีแน่กรณีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกเข้าไปลักทรัพย์ภายในกุฏิพระราชวัชรพัฒนาทร (ณรงค์ ปสนฺโน) เจ้าอาวาสวัดม่วง และเป็นเจ้าคณะเขตหนองแขม ได้เงินสด 10 ล้านบาท และทองคำแท่งหนัก 250 บาท รวมมูลค่ากว่า 22 ล้านบาทหลบหนีไป หลังทราบเรื่องตำรวจ สน.เพชรเกษม เข้าสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีได้ข้อมูลว่า เงินทั้งหมดไม่ได้เป็นเงินของวัด แต่เป็นเงินเก็บส่วนตัวที่พระราชวัชรพัฒนาทรสะสมมาหลายสิบปี บางส่วนเอาไปลงทุนซื้อทองคำมาเก็บไว้ และเพิ่งเบิกเงินสดมาเตรียมไว้ลงทุนเพิ่มอีก นอกจากตำรวจ สน.เพชรเกษม จะดำเนินการติดตามคนร้ายแล้ว ตำรวจ บก.ปปป.ยังเข้าตรวจสอบที่มาของเงินที่ถูกขโมยไปด้วยว่า ได้มาถูกต้องตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ความคืบหน้าจาก สน.เพชรเกษม เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 ก.ค. พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม เผยว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานไปแล้ว 6—7 ปาก ประกอบด้วยเจ้าอาวาสวัดม่วง ไวยาวัจกร คนใกล้ชิด พระลูกวัด และร้านขายทอง ขณะเดียวกันฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนเร่งคลี่คลายคดีเพราะทุกคนสามารถเป็นคนร้ายได้หมด ใครทำอะไรไว้ก็ “กมฺมุนา วตฺตตี โลโก” คือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เหตุเกิดขึ้นในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะ เมื่อคืนนี้ตำรวจประชุมชุดทำงานกันถึงตีหนึ่ง เชื่อว่าคดีนี้จะใช้เวลาคลี่คลายไม่นาน“ส่วนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ลงพื้นที่มาตรวจสอบเส้นทางการเงิน ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาฯว่า เงินของวัดมีจำนวนเท่าใด และของเจ้าอาวาสมีเท่าใด แต่ที่ตรวจสอบแล้วยืนยันว่า มีการเบิกเงินจากบัญชีส่วนตัวพระจริง และนำไปซื้อทองคำ ทองคำซื้อมาตั้งแต่เดือน มี.ค.ครั้งเดียว 300 บาท ต่อมารู้ว่าหายไป 50 บาท แต่ยังไม่ได้แจ้งความ เดือน พ.ค.เจ้าอาวาสเบิกเงิน 10 ล้านบาทใส่กระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้ว ต่อมาทองคำ 250 บาท และเงิน 10 ล้านบาทหายไปถึงแจ้งความ ยืนยันว่าตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบด้าน ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ทำความจริงให้กระจ่างให้ได้ว่า ทรัพย์สินหายไปได้อย่างไร” ผกก.สน.เพชรเกษมกล่าวผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการสอบสวนพระราชวัชรพัฒนาทร เบื้องต้นสงสัยในตัวไวยาวัจกร เนื่องจากสามารถเข้าออกสำนักงานได้ และรู้ความเคลื่อนไหวภายในวัดทุกเรื่อง แถมยังเป็นคนแนะนำให้ไปเบิกเงินสดมาเก็บไว้เพื่อลงทุนซื้อทองเก็งกำไรด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า เมื่อวาน บก.ปปป.เข้าตรวจค้นวัดม่วง ตอนแรกเจ้าอาวาสไม่ให้ความร่วมมือจนตำรวจต้องกดดัน สุดท้ายเจ้าอาวาสยอมมอบบัญชีธนาคารส่วนตัว 2 บัญชีให้ตำรวจ บัญชีแรกเคยมีเงินอยู่ 13 ล้านบาท ก่อนเจ้าอาวาสถอนออกไปช่วงเดือน พ.ค. 10 ล้านบาท ทำให้เหลือเงินในบัญชี 3 ล้านบาท ส่วนอีกบัญชีเคยมีเงิน 10 ล้านบาท ถูกถอนออกไปหมดบัญชีเมื่อเดือน มี.ค. จึงไม่มียอดเงินคงเหลือในบัญชีแล้ว เจ้าอาวาสอ้างว่าเป็นเงินส่วนตัวที่สะสมมาตั้งแต่บวชเมื่อปี 2516 แต่บัญชีธนาคารดังกล่าวเพิ่งเปิด ทำให้ตำรวจยังไม่เชื่อคำให้การ ขอตรวจสอบที่มาของเงินก่อนแล้วนำไปเปรียบเทียบกับบัญชีของวัด แต่ยังไม่พบข้อมูลการโอนจากบัญชีวัดเข้าบัญชีส่วนตัวเจ้าอาวาสโดยตรง“ส่วนบัญชีของวัดอยู่ระหว่างรอไวยาวัจกรส่งมอบ เพราะเป็นคนถือบัญชีวัดแต่เพียงผู้เดียว จากการลงพื้นที่ตำรวจยังไม่พบตัว ทำให้ยังไม่ได้บัญชีมาดู ไวยาวัจกรถือว่าเป็นคีย์สำคัญที่จะใช้ตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า มีเงินจากบัญชีของวัดไหลเข้าบัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาสหรือไม่ หรือเงินถูกนำไปใช้ทำอะไร กรณีพระนิทัศน์ อดีตคนสนิทเจ้าอาวาสวัดม่วง ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ทราบที่มาของเงินนั้น สามารถมาร้องทุกข์และเข้าให้ข้อมูลกับ บก.ปปป.ได้เลย เดี๋ยวตำรวจจะรับเรื่องไว้ตรวจสอบ หรือให้ตำรวจไปสอบปากคำที่วัดก็ได้ เพียงขอให้มีข้อมูลและพยานหลักฐานเพื่อตำรวจสามารถตรวจสอบได้” รอง ผบช.ก.กล่าวอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่