อธิบดีดีเอสไอร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงยึดสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดมโหฬาร 1.8 ล้านลิตร หลังปูพรมค้น 5 จุด กทม.-สมุทรปราการ ขยายผลกรณีด่านตรวจห้วยยะอุ แม่สอด จ.ตาก ยึดรถบรรทุกสารเคมีอะซิโตนสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดน้ำหนัก 12.8 ตัน เมื่อปลาย ก.ย.67 การข่าวพบว่า เตรียมลอบข้ามแดนเข้าเมียนมาเขตอิทธิพลกะเหรี่ยงพุทธ ดีเคบีเอ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลหาความสัมพันธ์เชิงลึกระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ขณะเดียวกันพบมีการสวมชื่อคนตาย 1 ราย สั่งซื้อด้วยยึดสารตั้งต้นผลิตยานรก 1.8 ล้านลิตรครั้งนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. กรมสอบ สวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายสุวิทย์ สิงห์อยู่ ผอ.ส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมายสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 6 น.ส.กรรณิการ์ สุทธพจนารักษ์ นักนิติวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ว่าที่ ร.ต.ยงยุทธ ภูมิประเทศ รักษาการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต กรมสรรพสามิต และ พ.ต.อ.โชคชัย วระศาสตร์ ผกก.2 บก.ปส.1 บช.ปส. ร่วมแถลงผลตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 5 จุดใน กทม.และปริมณฑล ตรวจยึดสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดกว่า 1,800,000 ลิตรพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหมายค้นศาลอาญาที่ 450-454/2568 เข้าตรวจค้นเป้าหมายหลังขยายผลกรณีด่านตรวจห้วยยะอุ อ.แม่สอด จ.ตาก ยึดรถบรรทุกสารเคมีอะซิโตน เป็นสารเคมีควบคุมประเภท 3 ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ.2556 ลำดับ 367 บัญชี 5.1 เป็นสารละลาย (สารตั้งต้น : Pre-product) ผลิตยาเสพติด 80 แกลลอน น้ำหนัก 12,800 กิโลกรัม (12.8 ตัน) เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.67 กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีผู้ขับรถบรรทุกในความผิดฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต”อธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่า จากการขยายผลพบรถบรรทุกที่ตรวจยึด รับสินค้ามาจากโกดังแห่งหนึ่งใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และพื้นที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ ซื้อวัตถุอันตรายจากบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ไปส่งยังท่าข้าม 28 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก ลักลอบข้ามแดนไปประเทศเมียนมา พื้นที่อิทธิพลกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย DKBA ดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจค้น 5 จุด ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ที่อาจเชื่อมโยงและเข้าข่ายกระทำความนำเข้า-ส่งออก และครอบ ครองวัตถุอันตรายที่ต้องควบคุมตามกฎหมาย โดยมิได้รับอนุญาตพ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า ผลตรวจค้นทั้ง 5 จุดพบสารตั้งต้น อาทิ สารโทลูอีน สารอะซิโตน สารเมทิลีน คลอไรด์ สารไตรคลอโรเอทิลีน และสารเคมีอันตรายอื่นๆหลายรายการ รวมสารเคมีที่พบทั้งสิ้นกว่า 1.8 ล้านลิตร หรือกว่า 1,800 ตัน มี 3 แห่งที่ผู้ประกอบการไม่สามารถแสดงใบอนุญาตครอบครองวัตถุอันตรายตามบัญชี 5.1 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ประกอบกับสารเคมีบางชนิดอยู่ในบัญชีรายชื่อสารเคมีแนบท้ายประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กำหนดชื่อสารเคมีพื้นที่ควบคุม และหน้าที่ผู้ทำธุรกรรมภายใต้มาตรการป้องกันการลักลอบนำสารเคมี วัสดุ หรือเครื่องมือ บางประเภทไปใช้ผลิตยาเสพติด พ.ศ. 2559 บัญชี 2 ด้วย เจ้าหน้าที่ได้ยึดอายัดเก็บตัวอย่างสารเคมีและวัตถุต้องสงสัยไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเข้าลักษณะการประกาศฉบับที่ 8 เป็นลักษณะคดีที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สามารถใช้อำนาจอนุมัติรับให้เป็นคดีพิเศษได้เอง โดยไม่ต้องนำเสนอเรื่องเข้าบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อจะได้ดำเนินคดีในส่วนผู้เกี่ยวข้องต่อไปขณะที่นายสุวิทย์ สิงห์อยู่ ผอ.ส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 6 กล่าวถึงตัวละครในสถานที่โกดังทั้ง 5 จุด ว่า มีผู้เกี่ยวข้อง 2 กลุ่ม คือ ผู้ที่ขายให้กับเคสหลัก และเป็นคำซัดทอดว่าผู้ขายนี้ไปรับมาจากบริษัทนี้ ลักษณะเหมือนคู่ค้าทั่วไปที่สั่งซื้อกันปกติ แต่ความสัมพันธ์เชิงลึกเรื่องเส้นทางการติดต่อหรือเส้นทางการเงินอยู่ระหว่างขยายผล แต่ละคนทำหน้าที่แตกต่างกันไป สารเคมีตัวดังกล่าวได้จำหน่ายให้คนอื่นด้วย แต่การสั่งซื้อสารเคมีวัตถุอันตรายเหล่านี้ ต้องขออนุญาตจากหลายหน่วยไม่ว่าจะเป็นกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือการ ครอบครองไว้นั้นต้องได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิตด้วย ตอนนี้ความเชื่อมโยงแต่ละบริษัทยังไม่พบต้องสืบสวนต่อไปก่อน รวมทั้งยังพบว่ามีการสวมชื่อคนตาย 1 ราย มาสั่งซื้อ ระยะเวลา 5 ปีมีรายงานว่า สารตั้งต้นที่ตรวจยึดนั้น น้ำหนัก 1 ตันจะสามารถผลิตยาบ้าได้ประมาณ 1 ล้านเม็ดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่