“เรากำลังใช้วิทยาศาสตร์เป็นภาษากลางของหัวใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงโลก ไม่ใช่แค่เพื่อคนรุ่นนี้ แต่เพื่ออนาคตของลูกหลานเรา”นี่เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดและวิสัยทัศน์จาก “รมว.ผึ้ง-ศุภมาส อิศรภักดี” หญิงเก่งตัวแทนประเทศไทย ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ที่ได้กล่าวไว้บนเวทีการประชุมระดับโลก “The 10th Multi-stakeholder Forum on Science, Technology and Innovation for the Sustainable Development Goals” (STI 2025) ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (UN) มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยการประชุมครั้งนี้มีผู้แทนระดับสูงจากกว่า 19 ประเทศเข้าร่วม เพื่อหารือแนวทางการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ประโยคที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ใช่เพียงถ้อยคำสวยหรูแต่อย่างใด หากเป็นสิ่งที่กลั่นออกมาจากหัวใจ เพราะหากย้อนกลับไปดูอีกบทบาทที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือบทบาทการเป็นคุณแม่ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกใหม่ถึง 4 คน เธอกล่าวไว้ตั้งแต่มีลูกคนแรกว่า ผึ้งอยากทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาและมีเทคโนโลยีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ อยากวางรากฐานอนาคตที่ดีให้ประเทศไทย เพื่อลูกๆจะได้เติบโตในสิ่งแวดล้อมที่ดี ได้มีการศึกษาที่ดี และอยู่ในสังคมที่มีคุณภาพ “รมว.ผึ้ง” เชื่อว่า ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่คิดเช่นนี้ แม่ทุกคนย่อมมีความหวังเช่นเดียวกับเธอ คืออยากเลี้ยงลูกให้เติบโตในพื้นที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และมีโอกาสที่ทุกคนเข้าถึงได้ จึงได้นำเสนอวิสัยทัศน์สำคัญ นั่นคือ “วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ครอบคลุมและยืดหยุ่น ทั้งระดับบุคคล ชุมชน ประเทศ และของโลก” สำหรับการไปร่วมประชุมและแสดงวิสัยทัศน์บนเวทีระดับโลกครั้งล่าสุด “รมว.ผึ้ง” ไม่ได้ทำเพื่อความหวังในการพัฒนาอนาคตของประเทศเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำงานในฐานะตัวแทนของคุณแม่ทุกคนอีกด้วย ในที่ประชุมระดับโลก STI 2025 “รมว.ผึ้ง” แสดงวิสัยทัศน์ไว้อย่างน่าสนใจตอนหนึ่งว่า “ในนามผู้แทนประเทศไทย ขอเชิญชวนประชาคมโลกเร่งเสริมสร้างความร่วมมือ ยกระดับนวัตกรรม และขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกัน เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ถือเป็นการตอกย้ำอีกครั้งถึงพันธกิจใหญ่ที่ตั้งใจมุ่งมั่น เพื่อผลักดันให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้ใช้เทคโนโลยีสร้างความเป็นธรรม ความเท่าเทียม และการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้คนไทยทั้งประเทศ พร้อมกันนี้ยังมีนโยบายพัฒนาการศึกษาและวิทยาศาสตร์ให้ทุกคนเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างเท่าเทียมกันในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ผ่านหลากหลายโครงการ อาทิ การขยายการเรียนรู้ตลอดชีวิต การฝึกอบรมทักษะสูงในสาขาเทคโนโลยีที่สำคัญ และการเสริม พลังสตรีผ่านการศึกษาและการฝึกทักษะใหม่ที่ครอบคลุม เมื่อกล่าวถึงบทบาทความเป็นแม่ แม้จะภารกิจยุ่งเหยิงขนาดไหน แต่ “รมว.ผึ้ง” ก็ใช้เวลาช่วงพักสั้นๆ วิดีโอคอลหาลูกๆเสมอ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการทำงานและแนวคิดจากบุคคลสำคัญที่มีโอกาสพบเจอให้ลูกๆฟัง ขณะเดียวกันก็ให้ลูกๆได้ผลัดกันเล่าเรื่องราวในแต่ละวันให้คุณแม่ฟังด้วย เพื่อกระชับสายใยในครอบครัว โดย “รมว.ผึ้ง” เชื่อว่า การหมั่นอัปเดตเรื่องราวต่างๆแบบนี้ ทำให้ลูกๆรู้สึกว่าแม่ไม่ได้ทิ้งพวกเขาไปไหน งานไม่ได้พรากแม่ไปจากพวกเขา ลูกๆยังเป็นสิ่งสำคัญในหัวใจแม่ ทั้งในบ้านและนอกบ้าน สายใยความเป็นแม่ยังคงโอบอุ้มพวกเราให้อยู่เคียงข้างกัน แม้จะอยู่ห่างไกลกันคนละซีกโลกก็ตาม จากที่ได้คลุกคลีกับงานด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมมานาน ทำให้มีโอกาสใกล้ชิดและแลกเปลี่ยนทัศนคติกับผู้นำระดับโลกมากมาย “รมว.ผึ้ง” พบว่า การจะพัฒนาวิทยาศาสตร์นั้น ไม่ได้อาศัยเพียงแค่ความรู้ด้านเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่วิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม มีจุดเริ่มต้นเช่นเดียวกับการทำงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือทั้งสองอย่างล้วนต้องมีจินตนาการเป็นพื้นฐานสำคัญ ดังนั้นยามมีเวลาว่าง เธอจะพาลูกๆออกไปสัมผัสห้องเรียนธรรมชาติ และเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น การนั่งปิกนิก ฟังดนตรีในสวนสาธารณะใกล้บ้านด้วยกัน พาไปสวนสัตว์ หรือไปเที่ยวชมธรรมชาติที่ต่างประเทศ ทั้งหมดเพื่อให้ลูกได้มีจินตนาการ ต่อยอดความคิด กล้าตั้งคำถาม และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง เป็นการสอนให้ลูกได้เรียนรู้อย่างยั่งยืน เตรียมพร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอนาคต “โรซาลินด์ แฟรงคลิน” นักวิทยาศาสตร์หญิงชาวอังกฤษ เคยกล่าวไว้ว่า “วิทยาศาสตร์และชีวิตประจำวันไม่สามารถและไม่ควรที่จะถูกแยกออกจากกัน” ดังนั้นต่อให้ภาระหน้าที่ที่กระทรวงจะรัดตัวแค่ไหนก็ตาม “รมว.ผึ้ง” จะพยายามวางตารางชีวิตเพื่อให้ได้ใช้เวลาร่วมกับลูกๆให้ได้มากที่สุด แม้จะผ่านทางออนไลน์ก็ตาม “เพราะลูกเป็นเด็กได้เพียงครั้งเดียว” เธอยังยืนยันเช่นนั้น ต้องขอบคุณเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ที่ทำให้โลกสองใบของคุณแม่คนเก่งคนนี้อยู่ร่วมกันได้อย่างดี และทำให้เธอมีเรี่ยวแรงในการมุ่งมั่นทำงานด้วยหัวใจ เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูกหลานไทย รวมทั้งสร้างอนาคตในทุกมิติให้พร้อมสำหรับประชาชนชาวไทยทุกคน โดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน.ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม