“ภูมิธรรม” แอ่นอกพร้อมรับไม้คุมดีเอสไอแทน “ทวี” ติงอย่ามโนนิติสงครามขั้วแดง-น้ำเงิน ยันคดีฮั้วเลือก สว.ทำตามอำนาจหน้าที่ “ทนายอั๋น” ยื่นหนังสือ สว.พันธุ์ใหม่ รวบรวมรายชื่อ สว.ส่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งกลุ่ม สว.โดนข้อหา หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว “นันทนา” เฉ่งฉุดภาพลักษณ์สภาสูงตกต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ฮั้วเข้ามาโดยกติกาวิปริต ขอเสียงข้างน้อยร่วมรักษาเกียรติภูมิวุฒิสภา พท.ปัด กธ.เป็นพรรคสาขาสอง ป้องนายกฯไม่รู้เรื่องด้วยเกมดูดงูเห่าย้ายคอก “ไผ่ ลิกค์” ยื่นสอบจริยธรรมเด็ก ปชน. ท้าเปิดหลักฐานทุ่มซื้อ สส. 55 ล้าน พร้อมเงินเดือน 2.5 แสนพ่วงรถหรู “พิเชษฐ์” รับลูกเป็นบทเรียนอย่าพูดมันปาก “นายกฯอิ๊งค์”ถก JCR ไทย-เวียดนาม สานต่องานพ่อ เปิดศักราชใหม่หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน จับมือยกระดับเศรษฐกิจสองประเทศการสอบสวนและไต่สวนคดีฮั้วเลือก สว. ยังคงเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง ส่วนการแต่งตั้งบุคคลที่จะทำหน้าที่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แทน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ควบคุมดูแลดีเอสไอ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ระบุพร้อมจะเข้าทำหน้าที่ดังกล่าว หากนายก รัฐมนตรีมอบหมาย“อ้วน” พร้อมรับบัญชาคุมดีเอสไอเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 16 พ.ค. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รองประธาน กคพ.หยุดปฏิบัติหน้าที่ควบคุมดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ กคพ.ว่า ทราบจากนายกฯว่าวันที่ 20 พ.ค.จะพิจารณาแต่งตั้งบุคคลมากำกับดูแล ส่วนตนศาลให้ความเมตตา ไม่มีปัญหาอะไรที่เกี่ยวข้อง ยอมรับสบายใจขึ้น เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง แต่กำกับดูแลคดีและดำเนินการตามครรลองในฐานะประธาน กคพ.ที่มีเรื่องเสนอขึ้นมา เมื่อถามว่าหากนายกฯมอบหมายให้ดูแลดีเอสไอโดยตรง หนักใจหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า หากผู้บังคับบัญชามอบหมายก็ปฏิบัติตามนั้น ไม่กังวลว่าต้องถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.ทวี เพราะต้องดำเนินไปตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่ ทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการอย่ามโนแต่นิติสงครามแดง–น้ำเงินนายภูมิธรรมกล่าวว่า วันนั้นพิจารณาแล้วแยกคดีอะไรที่เป็นอำนาจ กกต.ให้ว่าไป อะไรที่เป็นอำนาจคดีพิเศษไปรวบรวมหลักฐาน ยังไม่ได้ตัดสินว่าใครเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับข้อกล่าวหา และหลักฐานไปถึงหรือไม่ หากหลักฐานครอบคลุมไปถึงว่าไปตามนั้น หากครอบคลุมไม่ถึง อยู่ที่ดุลพินิจของศาลพิจารณา เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้เป็นนิติสงครามระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นนานาทัศนะ ตนถือว่าทำตามหน้าที่ เมื่อถามว่า มองไปถึงขั้นว่าสีแดงกำลังเพลี่ยงพล้ำสีน้ำเงิน นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มีแดง ไม่มีน้ำเงิน เรื่องนี้เป็นไปตามกฎหมาย ถ้าข้อเท็จจริงสะท้อนว่ามีปัญหาว่าไปตามปัญหาที่มี อย่าไปจินตนาการเรื่องขัดแย้งเยอะ ตนยังส่งแจกันดอกไม้ไปเยี่ยมรัฐมนตรีที่ป่วยทุกคน“ทนายอั๋น” ยื่นสั่ง สว.น้ำเงินยุติทำหน้าที่เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋นบุรีรัมย์ เข้ายื่นหนังสือต่อ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. เพื่อขอให้รวมชื่อ สว.ส่งหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพฤติการณ์ของ สว. โดยนายภัทรพงศ์กล่าวว่า ข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนว่ากลุ่ม สว.ที่ถูกหมายเรียกไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมือง พฤติการณ์ส่อให้เห็นถึงการฝักใฝ่พรรคการเมือง ทำให้วุฒิสภาตกต่ำ จึงมายื่นหนังสือให้ น.ส.นันทนา ให้ปฏิบัติตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ ขอให้รวบรวมรายชื่อ สว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือไม่น้อยกว่า 20 คน ส่งให้ประธานวุฒิสภาเพื่อส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าพฤติการณ์ของ สว.ที่มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 113 ที่ระบุ สว.ต้องไม่ฝักใฝ่ หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใดๆ และทำให้สมาชิกภาพของ สว.สิ้นสุดลงหรือไม่ จะรอดูว่าใครจะลงชื่อบ้าง หวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้ สว.กลุ่มนี้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน แต่มีสายลับแจ้งว่าคาดว่าได้รับการสนับสนุนเกิน 20 คนแน่นอน“นันทนา” ฉะฉุดภาพลักษณ์ตกต่ำสุดด้าน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. กล่าวว่า ถือเป็นกติกาวิปริตส่งผลให้มีการฮั้วกันเข้ามา และสังคมรับทราบแล้วว่าการได้มา สว.ชุดนี้ ไม่ได้มาโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เป็นข้อสงสัยมาตลอด ตอนนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และดีเอสไอคลี่คลายปัญหา แจ้งข้อกล่าวหา สว. 55 คน มีแนวโน้มว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาไปถึงกลุ่มผู้บงการและ สว.คนอื่น อีก ภาพลักษณ์ สว.ขณะนี้ตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ประชาชนไม่เชื่อถือการทำหน้าที่ เพราะที่มาไม่ชัดเจนเป็นที่กังขาและสงสัยจวกไม่สง่างามจี้ยุติการปฏิบัติหน้าที่น.ส.นันทนากล่าวว่า เคยประกาศในที่ประชุมวุฒิสภาว่า ตนพร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและขอหยุดปฏิบัติหน้าที่ในการลงมติในการเห็นชอบแต่งตั้งองค์กรอิสระ เพราะประชาชนตั้งข้อสงสัยว่า การที่ สว.มีที่มาไม่ถูกต้อง แต่ทำหน้าที่ลงมติเห็นชอบผู้มาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ ย่อมเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกัน เพราะมีผลประโยชน์อย่างชัดเจน และเมื่อทันทีที่ สว.ลงมติเห็นชอบ ผู้ดำรงตำแหน่งแล้วคนเหล่านั้นกลับมาตรวจสอบ สว.เอง แล้วจะชอบธรรม ถูกต้อง โปร่งใส อย่างไร ถือเป็นการตอบแทนระหว่างผู้ลงมติกับผู้ดำรงตำแหน่ง จึงไม่สง่างามและไม่ควรจะเกิดขึ้น เรียกร้องมาแต่ต้นให้ สว.หยุดเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลในองค์กรอิสระทั้งสิ้น แต่ยังไม่มีใครยอมทำเพราะห่วงอำนาจ คิดว่าเป็นอำนาจสำคัญที่ตัวเองจะได้ประโยชน์ต่างตอบแทน หากปล่อยให้ สว.ทั้งคณะนี้ทำหน้าที่ต่อไป ประเทศชาติป่นปี้พินาศแน่ จึงขอเสียง สว.ข้างน้อย เป็นอิสระไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการฮั้ว ร่วมลงชื่อเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และรักษาภาพลักษณ์เกียรติภูมิของวุฒิสภา“อ้วน” อู้อี้ กธ.–พท.พรรคพี่น้องนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) และผู้บริหารพรรค นัดพูดคุยกับ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายการุณ โหสกุล อดีต สส.กทม.คนเก่าพรรค พท. เป็นเรื่องของพรรค กธ. ไม่ใช่เรื่องของตน เมื่อถามว่ามีคนมองว่าพรรค กธ. เป็นพรรคพี่พรรคน้องหรือพรรคสาขาของพรรค พท.นายภูมิธรรมกล่าวว่า จับมือร่วมกันตั้งรัฐบาล 6 พรรค ก็เป็นพรรคพี่พรรคน้องกันทั้งหมด“ดนุพร” ปัดไม่ใช่สาขามีแสงในตัวเองนายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าพรรค กธ. เป็นพรรคสาขาของพรรค พท.ว่า ไม่ใช่ เข้าใจคนที่มองเช่นนั้น เพราะ สส.พรรค กธ.ปัจจุบันหลายคน ตอนปี 2554 เคยลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค พท. อาจทำให้มีการมองเช่นนั้นได้ แต่ปี 62 เขาย้ายไปพลังประชารัฐ และแตกออกมาเป็นพรรค กธ. ไม่อยากให้มองว่าเป็นพรรคสาขาของ พท. เพราะมีอุดมการณ์ของเขา ยืนยันพรรค พท.ไม่มีสาขาสอง ผลการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.นครศรีธรรมราช ทำให้เราเห็นแล้วว่าพรรค กธ.มีแสงของตัวเอง พรรค พท.ไม่ได้มีฐานเสียงสำคัญหรือคะแนนจำนวนมากอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช จุดอ่อนของพรรค พท.อยู่ที่ภาคใต้ หากจะเอาฐานเสียงของพรรค พท.อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้พรรคเขาชนะแน่ แต่เขาเป็นพรรคทางเลือกหนึ่งของคนนครศรีธรรมราช จึงทำให้เขาชนะมาป้องนายกฯ ไม่รู้เรื่องด้วยดูดงูเห่าเมื่อถามถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ระบุว่า นายกฯ ปล่อยให้พรรค กธ.ที่เป็นพรรคร่วมดูด สส.งูเห่าเข้าพรรค พรรค พท.ควรเข้าใจเรื่องนี้มากที่สุด และอยากให้นายกฯแก้ปัญหาระบบซื้อตัว สส. นายดนุพรกล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรค ปชน.กับ สส.ในพรรคที่เป็นปัญหากัน ตามข่าวพบว่าเกิดการน้อยใจกัน ทำให้ สส.อยากไปสังกัดพรรคอื่น นายรังสิมันต์โยนมาที่นายกฯ นายกฯไม่ทราบหรอกว่าพวกคุณมีปัญหาอะไรกัน ท่านไม่รู้จัก สส.ที่จะย้ายพรรค ในสภาฯ มีคณะ กมธ.อยู่ สส.แต่ละพรรคอาจสนิทกัน อาจพูดคุยและปรึกษากัน ไม่อยากให้นายรังสิมันต์มองว่าการเกิดงูเห่าแล้วนายกฯ ต้องรับผิดชอบ ถามว่านายกฯ จะไปสั่งพรรค กธ.ได้หรือ ไม่สามารถสั่งได้ ขนาดหัวหน้าพรรค ปชน.ยังสั่งลูกพรรคไม่ได้ แล้วจะให้นายกฯ ไปสั่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาพรรค กธ.ได้อย่างไรก็ไม่ได้ เราอยู่คนละพรรคกัน พรรค ปชน.เขาอาจคุยกันไม่ได้ ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล หากเวลาผ่านไปสักพัก ทุกคนอาจใจเย็นกันมากขึ้น แล้วกลับมาคุยกันอีกครั้งเพราะยังไม่ขับ สส.ชลบุรี พ้นพรรค“ไผ่” ยื่นสอบจริยธรรม สส.ปชน.เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชรและเลขาธิการพรรคกล้าธรรม (กธ.) ยื่นหนังสือต่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมนายยอดชาย พึ่งพร สส.ชลบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) กรณีออกมาเปิดเผยข้อมูลว่ามีพรรคการเมืองหนึ่งยื่นข้อเสนอเป็นเงินสด 55 ล้านบาท พร้อมเงินเดือนให้ สส.อีก 250,000 บาท และรถตู้หรู 1 คัน เพื่อให้สส.ย้ายพรรค นายไผ่กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ สส. ข้อที่ 11 นำเรื่องเท็จมาอภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะ ถือเป็นการกระทำขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หากข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่นายยอดชายกล่าวอ้าง นายยอดชายที่มีหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับผู้มาเสนอเงินสินบนหรือผลประโยชน์แลกเปลี่ยน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 144 การไม่แจ้งความให้ดำเนินคดี จึงเข้าข่ายการกระทำที่ส่อไปในทางที่จะกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และไม่รักษาไว้และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ สส.ด้วยท้าเปิดหลักฐานทุ่ม 55 ล้าน–รถหรู“หลังคณะกรรมการจริยธรรมฯมีความเห็นแล้ว จะไปยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สัปดาห์หน้าและจะไปยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเอาผิดต่อไป มั่นใจว่ากรณีนี้จะถึงขั้นถอดถอนจากตำแหน่งได้ ขอฝากไปยังนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. ขอให้ตรวจสอบและดำเนินการเรื่องนี้ ให้ชัดเจน ขอท้าให้เปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดออกมา ไม่ใช่มาพูดลอยๆแบบนี้ พรรค กธ.เราไม่เคยซื้อตัวใคร กรณี น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรค ปชน.สนิทสนมกับ สส.พรรค กธ. เห็นถึงการทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคและนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรฯ หัวหน้าพรรค แต่รอเสร็จสิ้นกระบวนการตามกฎหมายก่อน”นายไผ่ ลิกค์ กล่าว“พิเชษฐ์” เตือนบทเรียนอย่าพูดมันปากด้านนายพิเชษฐ์กล่าวว่า ข้อร้องเรียนดังกล่าว ถือเป็นบทเรียนของนักการเมืองที่บางครั้งอารมณ์พาไปจากการปราศรัยต่างๆในที่สาธารณะ เพราะหากมีการร้องเรียน จะเป็นปัญหาตามมา และหลังจากนี้ ตนจะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการจริยธรรมฯ เพื่อให้ตรวจสอบต่อไป และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย“ศรี” ร้อง กกต.สอบดีลซื้อตัว สส.งูเห่าเมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะ กกต. นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางเข้ายื่นคำร้องเพื่อชี้เบาะแสต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต.ขอให้สืบสวน หรือไต่สวนการกระทำที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการตกเบ็ดซื้อขายตัว สส.ด้วยเงิน 55 ล้านบาท พร้อมเงินเดือนเพิ่มอีกเดือนละ 250,000 บาท รถตู้ยี่ห้อหรูอีก 1 คัน จริงหรือไม่ นายศรีสุวรรณกล่าวว่า สืบเนื่องจากการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่นที่ผ่านมา มี สส.พรรคหนึ่งขึ้นปราศรัยหาเสียงว่า มีผู้แทนพรรคหนึ่งมายื่นข้อเสนอให้เงินและทรัพย์สินแก่ตน เพื่อให้ย้ายไปสังกัดพรรค ต่อมาเกิดมี สส.พรรคที่ปราศรัยออกมาประกาศ ทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรค และ กก.บห.ขอยุติบทบาทในพรรค แสดงเจตนารมณ์จะขอย้ายไปซบอีกพรรคหนึ่ง อาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเข้าข่ายกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขัดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 30 และมาตรา 31 จึงนำพยานหลักฐาน พร้อมชี้ช่องข้อกฎหมายต่างๆมาชี้เบาะแสให้นายทะเบียนพรรคการเมือง และ กกต.สอบสวนไต่สวน เพื่อพิจารณาลงโทษพรรค การเมืองและ สส.งูเห่าที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวต่อไปพท.เดินหน้าลุยคอมเพล็กซ์ 9 ก.ค.วันเดียวกัน นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคพท. กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังเปิดสมัยประชุมสภาฯว่า ตอนนี้ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯค้างอยู่วาระของสภาฯอยู่แล้ว หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพิจารณา คาดว่าจะพิจารณาในวันที่ 9 ก.ค. ในพรรคพูดคุยกันเบื้องต้นแล้วว่าต้องเตรียมข้อมูลและคนอภิปรายให้เห็นสาเหตุและความจำเป็น จะประชุมกันอีกครั้งเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังปัญหาหลังจาก สส.ลงพื้นที่ช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ทำความเข้าใจกฎหมายฉบับนี้ รวมถึงการเตรียมความพร้อมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯปี 69 ที่จะเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญวันที่ 28-30 พ.ค.“สมศักดิ์” ตั้ง คกก.ถกมติแพทยสภาผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 15 พ.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ลงนามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 807/2568 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณา มติคณะกรรมการแพทยสภาชี้ขาดลงโทษผู้ประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม เห็นควรแต่งตั้งคณะบุคคลทำหน้าที่ช่วยเหลือเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณา เพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 ประกอบด้วย 1.นายชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ ประธาน 2.นายชัยวัฒน์ พัฒนาพิศาลศักดิ์ ที่ปรึกษา 3.นายพงษ์ศักดิ์ แก้วกมล กรรมการ 4.นายพิทักษ์ ฉันทประยูร กรรมการ 5.นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร กรรมการ 6.นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ กรรมการ 7.นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ กรรมการ 8.นายวชิระ ปากดีสี เป็นกรรมการและเลขานุการ คนที่ 1 9.นายวิทยา พลสีลา เป็นกรรมการและเลขานุการ คนที่ 2 10.นายปิยะวัฒน์ ศิลปรัศมี กรรมการและเลขานุการ คนที่ 3 มีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้ 1. เสนอควานเห็นต่อ รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษพิจารณาดำเนินการตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ 2525 และ 2.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะกรรมการเพื่อดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย 3.ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆตามที่ได้รับมอบหมายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปมองสัญญาณบวก “สารัชถ์” พบ “ทรัมป์”นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีกำแพงภาษีนำเข้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า หลังทราบนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ซีอีโอจากกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ นักธุรกิจด้านพลังงานรายใหญ่ของไทยเพียงรายเดียว ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำรับรองประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประเทศกาตาร์ จัดโดยชีค ทามิม บิน ฮามัด อัล ธานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากต่อประเทศไทย เชื่อว่าจะสนับสนุนทิศทางการเจรจาของรัฐบาล มั่นใจว่าหากภาคเอกชนร่วมมือกับรัฐบาลและฝ่ายค้านสนับสนุนข้อมูลจากภาคประชาชนเข้ามาร่วม จะเห็นความเป็นเอกภาพในการร่วมแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ถือเป็นวาระชาติและเป็นวาระโลกครั้งนี้ได้รทสช.พร้อมโหวตรับหลักการงบฯ 69นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่จะมีการพิจารณาระหว่างวันที่ 29-31 พ.ค.ว่า 36 เสียงพรรครทสช.พร้อมลงมติรับหลักการเพื่อรัฐบาลได้บริหารประเทศชาติอย่างราบรื่น แต่อย่างไรก็ดี เนื่องจากรัฐบาลจำเป็นต้องมีงบฯบริหารราชการแผ่นดินและแก้ไขปัญหาให้ประชาชน จากการลงพื้นที่ สส.พรรคยังพบว่าประชาชนต่างสนับสนุนให้ผ่าน สำหรับการพิจารณาวาระที่ 2 ตัวแทนพรรค รทสช.ในตำแหน่ง กมธ.จะพิจารณางบฯอย่างละเอียดรอบคอบ และพร้อมจะปรับลดในส่วนที่เห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ เชื่อว่าการลงมติในร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 69 จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผ่านวาระที่ 1 รับหลักการ เพื่อให้ กมธ.งบฯพิจารณาวาระ 2 ต่อไปได้นายกฯวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนเมื่อเวลา 08.30 น.ที่อนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา อนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนักปฏิวัติผู้เสียสละชีวิต เมื่อปี ค.ศ.1940 ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ จากนั้นนายกฯไปยังสุสานโฮจิมินห์ ที่ตั้งอยู่ที่จัตุรัสบาดิ่งห์ สถานที่ซึ่งอดีตผู้นำโฮจิมินห์เคยอ่านคำประกาศเอกราชของเวียดนามในปี ค.ศ.1945ไทย–เวียดนามยกระดับสัมพันธ์ต่อมาเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาลเวียดนาม กรุงฮานอย น.ส.แพทองธาร เข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ที่นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกฯเวียดนาม จัดขึ้นอย่างสมเกียรติในโอกาสการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ จากนั้นทั้งสองฝ่ายหารือทวิภาคี มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวฯ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ร่วมหารือกระชับความสัมพันธ์ โดยนายกฯทั้งสองยืนยันเจตนารมณ์ร่วมกันยกระดับความสัมพันธ์เป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน” และหารือกันอย่างกว้างขวาง ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคม เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาการแลกเปลี่ยนระดับสูงระหว่างสองประเทศอย่างสม่ำเสมอ และเห็นพ้องกับไทยในการส่งเสริมกลไกความร่วมมือด้านความมั่นคง การส่งเสริมการ เติบโตของการค้าไทย-เวียดนามที่สมดุลมากขึ้นเปิดศักราชหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านจากนั้นเวลา 10.00 น. น.ส.แพทองธารและนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ร่วมเป็นประธานการประชุมร่วม นายกฯและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-เวียดนามหรือ Joint Cabinet Retreat (JCR) ครั้งที่ 4 มีรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม โดยนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ กล่าวว่า การเยือนเวียดนามของ น.ส.แพทองธาร อยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะปัจจุบันภูมิรัฐศาสตร์โลกมีความท้าทาย ไทย-เวียดนามต้องร่วมมืออย่างรอบด้าน เพื่อกระชับความร่วมมือความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ด้าน น.ส.แพทองธารกล่าวว่า JCR ครั้งที่ 4 เป็น การริเริ่มของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯสานต่อ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ สะท้อนความตั้งใจต่อเนื่องพัฒนาความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ได้หารืออย่างสร้างสรรค์ ครอบคลุม มอบหมายให้หน่วยงานทั้งสองประเทศนำผลการประชุมไปสานต่ออย่างเร่งด่วน เพื่อเปิดศักราชใหม่ของความเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน” และร่วมกันเสริมสร้างเสถียรภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และความมั่นคงในภูมิภาค พร้อมกันนี้ยังได้เชิญนายกฯเวียดนามเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปลายปีนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดแม่โขง-ล้านช้าง ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพเป็นสักขีพยานเซ็นเอ็มโอยู 8 ฉบับต่อมาเวลา 11.15 น. ที่ห้องโห่ย เจื่อง ทำเนียบรัฐบาลเวียดนาม น.ส.แพทองธารและนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ เป็นสักขีพยานพิธีแลกเปลี่ยนความตกลงและเอกสาร ไทยกับเวียดนาม 8 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า 2.กิจกรรมส่งมอบงบฯสนับสนุนโครงการเสริมสร้าง และยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการสกัดกั้นยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ 3.บันทึกความเข้าใจระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยกับธนาคารเพื่อการลงทุนและการพัฒนาแห่งเวียดนาม สนับสนุนสินเชื่อแก่ธุรกิจสีเขียวและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ 4.เอกสารแสดงเจตจำนงระหว่าง ม.ขอนแก่นกับมหา วิทยาลัย FPT ส่งเสริมความร่วมมือด้านการฝึกอบรมเซมิคอนดักเตอร์ 5.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และการค้าเวียดนามกับ Central Group ช่วงระหว่างปี ค.ศ.2026-2028 6.บันทึกความเข้าใจระหว่าง WHA กับจังหวัดฮึงเอียน 7.การประกาศการอนุมัติใบอนุญาตการลงทุนของ WHA โดยจังหวัดทั้ญฮว้า และ 8.บันทึกความเข้าใจระหว่าง AMATA Vietnam กับจังหวัดฟู้เถาะ (Phu Tho)เห็นพ้องร่วมมือมั่นคงยกระดับ ศก.จากนั้น น.ส.แพทองธารและนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ แถลงข่าวร่วมกัน โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ สรุปสาระสำคัญว่า ทั้งสองประเทศยังเห็นพ้องกันที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยเฉพาะการต่อต้านยาเสพติด ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ online scams การค้ามนุษย์ ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเร่งส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ด้วยการจัดทำแผน “Three Connects” ครอบคลุมห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจท้องถิ่น และเศรษฐกิจสีเขียว ยกระดับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและการชำระเงินข้ามแดน หรือคิวอาร์โค้ด พร้อมร่วมกันผลักดันการท่องเที่ยวระหว่างภาคตะวันออก เฉียงเหนือของไทยกับเวียดนาม และส่งเสริมเส้นทางเรือสำราญระหว่างสิงคโปร์-ไทย-เวียดนามย้ำเอกชนคือหัวใจสำคัญความร่วมมือกระทั่งเวลา 14.00 น. ที่ห้องทัง ลอง บอลรูม โรงแรม Melia Hanoi กรุงฮานอย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกฯเวียดนาม ร่วมเป็นประธานเปิดงานสัมมนาทางธุรกิจไทย-เวียดนาม ภายใต้หัวข้อ “1+1 = Zero Boundary on Three Connects” มีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรธุรกิจชั้นนำเข้าร่วม แล้วร่วมเป็นสักขีพยานพิธีแลกเปลี่ยนเอ็มโอยูระหว่างภาคเอกชนไทยและเวียดนาม 3 ฉบับ อาทิ บันทึกความเข้าใจระหว่างสายการบิน Vietjet กับ Thai Vietjetจากนั้นเวลา 15.00 น. ที่ห้องรับรองพิเศษ ทำเนียบประธานาธิบดีเวียดนาม น.ส.แพทองธาร เข้าเยี่ยมคารวะนายเลือง เกื่อง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ยืนยันเจตจำนงทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค ต่อมานายกฯไปที่ทำการพรรคคอมมิวนิสต์สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เข้าเยี่ยมคารวะนายโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม พร้อมเชิญมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการปีหน้า ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมืองเวลา 18.30 น.ป.ป.ช.ยันหมายเรียก “พีระพันธุ์” ถูก ก.ม.นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล รองเลขาธิการกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการอ้าง ป.ป.ช.ส่งหมายเรียกนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน มารับทราบข้อกล่าวหาคดีแจกถุงยังชีพ โดยไม่เป็นไป ตามระเบียบและกฎหมายว่า การไต่สวนเรื่องนี้คณะกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.ส่งหนังสือไปยังนายพีระพันธุ์ ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ตามที่อยู่ในทะเบียนราษฎร ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ มีใบตอบรับไปรษณีย์ส่งกลับมายังสำนักงาน ป.ป.ช. ดังนั้น การส่งหนังสือดังกล่าวของคณะกรรมการไต่สวนจึงชอบด้วยกฎหมาย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 กระแสข่าวที่ระบุเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ยอมรับว่ามีความผิดพลาดในการส่งหนังสือเรียกเป็น ข้อมูลคลาดเคลื่อน ไม่เป็นความจริงขอให้ประชาชนใช้ วิจารณญาณ รับข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงจากการประชา สัมพันธ์ และเผยแพร่ของสำนักงาน ป.ป.ช.โดยตรง“พิชัย” หารือผู้แทนการค้าสหรัฐฯวันเดียวกัน ที่เมืองเชจู สาธารณรัฐเกาหลี นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้หารือกับนายเจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (Mr. Jamieson Greer) U.S.Trade Representative: USTR ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีด้านการค้าของเอเปก (Ministers Responsible for Trade: MRT) ประจำปี 2025 ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ค. โดยนายพิชัยหยิบยกข้อเสนอของฝ่ายไทย ที่ได้จัดส่งให้ทางการสหรัฐฯล่วงหน้า เป็นข้อเสนอเชิงนโยบายมุ่งส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ภายใต้กรอบความร่วมมือที่สร้างผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมย้ำถึงบทบาทของไทยในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ นายพิชัยยังได้เชิญชวน ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ มาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย นายเจมิสันตอบรับว่า ถ้ามีโอกาสคงได้มาเยือนประเทศไทยแน่นอนยิ้มเสียงตอบรับดีรอเจรจาที่วอชิงตันจากนั้นนายพิชัย เปิดเผยว่า ข้อเสนอของไทยได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากฝ่ายสหรัฐฯ โดยเฉพาะจากนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รมว.คลังสหรัฐฯ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในท่าทีและความจริงใจของไทยในการขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับทวิภาคีอย่างเป็นรูปธรรม ไทยได้แสดงความพร้อมในการเปิดการเจรจาเชิงนโยบายด้านภาษี ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ในเร็วๆนี้ โดยสหรัฐฯจะเป็นผู้กำหนดวันนัดหมายเป็นทางการ ภายใต้ข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูล (Non-disclosure Agreement: NDA) เป็นแนวทางปฏิบัติมาตรฐานของสหรัฐฯในการเจรจาระหว่างประเทศ การหารือครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการดำเนินความสัมพันธ์เชิงรุกกับสหรัฐฯ มุ่งรักษาผลประโยชน์ของประเทศ จากมาตรการด้านภาษีที่อาจกระทบต่อภาคการค้าการลงทุน และส่งเสริมความร่วมมือที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันในระยะยาว