“อิทธิพร” โต้ไม่มีมูล กกต.เรียก 60 สว. รับทราบข้อหาฮั้วเลือก สว.ผิด พ.ร.ป.การ ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา แจงข่าวคลาด เคลื่อนยังอยู่ระหว่างไต่สวนขั้นตอนแรกเท่านั้น “พิสิษฐ์” ชี้ยังไม่เคยมีหนังสือ เรียกมา ยัน 200 สว.มีอิสระ ไม่มีผู้ใหญ่คนใดหนุนหลัง “ทวี-อนุทิน” สยบข่าว มท.-ยธ.งัดข้อ รมว.ยุติธรรมบอก ผวจ.อำนาจเจริญไม่ได้ขัดขวางสอบฮั้ว สว. ดีเอสไอรอสรุปผลคดีหลัง กกต.ไม่นาน ขึงขังหลักฐานสาวถึงใครจัดการหมด “มท.1” ซัดสื่อเสี้ยมจับชนกัน โวยอย่าโยงเอี่ยวคดี สว. การันตี ภท.หนุน ก.ม.คอมเพล็กซ์ ชงทำประชามติให้ทุกฝ่ายสบายใจ “นายกฯอิ๊งค์” หารือบิ๊กซีพี-ซีอีโอจีไอพีหาช่องยกระดับดาต้าเซ็นเตอร์ไทย ยกหูยินดี “ลอว์เรนซ์ หว่อง” ชนะเลือกตั้ง หารือผนึกกำลังอาเซียนสู้กำแพงภาษีทรัมป์คดีฮั้วเลือก สว. แม้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ต่างยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งระหว่างกัน แต่หนีไม่พ้นถูกจับตาเป็นคดีการเมือง ล่าสุดประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวว่าวันที่ 8 กกต.จะทยอยเรียก 60 สว.ลอตแรกมารับทราบข้อกล่าวหา ไม่ได้ถูกเลือกเป็น สว.โดยสุจริตเที่ยงธรรมหรือมาโดยการฮั้ว“อิทธิพร” ลั่นไม่มีมูลแจ้งข้อหา 60 สว.เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 พ.ค. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธกระแสข่าวว่า วันที่8พ.ค. กกต.จะมีการทยอยเรียกแจ้งข้อกล่าวหาบรรดาสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลอตแรก จำนวน 60 ราย ส่วนใหญ่ล้วนเป็น สว.คนดัง ในคดีฮั้วเลือก สว.ผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ตามมาตรา 32 มาตรา 36 มาตรา 62 มาตรา 70 และมาตรา 77 โดยนายอิทธิพรกล่าวสั้นๆว่า “เรื่องนี้ไม่มีมูล ได้ยินแต่ข่าว”ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้สื่อหลายสำนักนำเสนอรายงานว่า วันที่ 8 พ.ค. กกต.จะแจ้งข้อกล่าวหา 60 สว. พัวพันกับคดีฮั้วเลือก สว. โดยบุคคลที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ล้วนมีพฤติการณ์และพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำความผิด ไม่ได้ถูกเลือกเป็น สว.โดยสุจริตเที่ยงธรรมหรือมาโดยการฮั้ว กระบวนการหลังจากนั้น สว.ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาจะต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับ กกต. เพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เนื่องจาก กกต.เป็นระบบไต่สวน ฉะนั้นหากเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแล้วไม่มาพบเจ้าหน้าที่ ถือว่าประสงค์ไม่ให้การชี้แจง แต่จะไม่ถึงขั้นขอศาลออกหมายจับ แต่ กกต.จะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาเรื่องการทุจริตเพื่อออกใบแดง และส่งเรื่องเพิกถอนสิทธิสว.ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไปโต้คลาดเคลื่อนยังไต่สวนแค่ขั้นแรกมีรายงานจาก กกต.ว่า หลัง กกต.มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต.และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกันไต่สวนกรณีการกล่าวหาการได้มา ซึ่ง สว.อยู่ระหว่างไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 เป็นขั้นที่ 1 ของการดำเนินการตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2566 กรณีถ้าการไต่สวนแล้วมีมูลหรือหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าอาจมีการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าว หรือฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. จะมีแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2566 เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อกล่าวหา ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นที่ 1 เสร็จแล้วจะเสนอสำนักงาน กกต. เลขาธิการ กกต. หรือรองเลขาธิการ กกต.ที่ได้รับมอบหมายพิจารณา ตามขั้นที่ 2 และขั้นที่ 3 เสนอคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ขั้นที่ 4 ขั้นตอนสุดท้ายจึงเสนอ กกต.พิจารณาชี้ขาดหรือสั่งการ ข่าวที่ปรากฏจึงคลาดเคลื่อนจากขั้นตอนตามระเบียบ กกต.สว.บอกยังไม่เคยส่งหนังสือมาที่รัฐสภา นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว กกต.เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา 60 สว.คดีฮั้วเลือก สว.วันที่ 8 พ.ค. ว่า ไม่ทราบจริงๆ ว่า สว. 60 คน มีใครบ้าง ไม่รู้ข่าวมาจากไหน ยังไม่ได้มีการส่งหนังสือแจ้งมายัง สว. แต่ที่ผ่านมา กกต.เคยเรียก สว.ไปสอบเป็นปกติอยู่แล้ว เมื่อถามว่า คิดว่าเรื่องที่ กกต.จะแจ้งข้อกล่าวหา สว.มีมูลหรือไม่ นายพิสิษฐ์ตอบว่า ตอบไม่ได้ รอดูเหมือนทุกท่านอยากให้ถึงวันที่ 8 พ.ค. เร็วๆ อยากทราบเหมือนกัน ส่วนตัวแทบไม่ได้ตามข่าวนี้ เพราะข่าวลงวนไปมาซ้ำซาก ไม่แตกต่างกับข่าวที่ออกมาช่วงแรกๆ เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา กกต.เคยเรียกไปให้ข้อมูลลักษณะใด นายพิสิษฐ์ตอบว่า เรียกไปสอบถามเกี่ยวกับประวัติแบบข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร (สว.3) ว่าในสว.3 เราเขียนอะไร อย่างไร สว.ทุกคนไปชี้แจง กกต.เรื่องนี้ ส่วนเรื่องฮั้วก็ถามเป็นปกติว่ามีการประชุมกันหรือไม่ เป็นคำถามที่ กกต.ถามอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่200 สว.มีอิสระไม่รู้จักกันมาก่อนเมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า สว.138 คนได้เคลียร์กับนายใหญ่รู้เรื่องแล้ว นายพิสิษฐ์ตอบว่า ไม่ทราบว่านายใหญ่คือใคร รู้จัก สว.ทุกคนวันที่มาเป็น สว.แล้ว ส่วนวันเลือก สว.ไม่รู้จักใครเลย ทุกคนมีอิสระมาก ไม่รู้จักกันมาก่อน ยืนยันไม่เคยมีผู้ใหญ่คนใดคอยสนับสนุน รัฐธรรมนูญระบุ สว.ต้องไม่สังกัดพรรคการเมือง กลุ่มบุคคลใด 200 คนมาจากอิสระทุกคน ในอนาคตถ้า กกต.เรียกพร้อมไปแน่นอน ถ้ามาจาก กกต.เป็นคนสั่งต้องไป ถ้าอำนาจของ กกต.สั่งให้ดีเอสไอเป็นคนทำ สว.ต้องไปให้การ ที่นายอลงกต วรกี สว. ระบุ สว.มีศักดิ์สูงกว่าดีเอสไอ นายอลงกตคิดเร็วทำเร็วทำให้สื่อสารผิดพลาด ได้พูดถึง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ แต่การเลือก สว.เป็นไปตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.ตามหลักนิติศาสตร์ พ.ร.ป.มีศักดิ์สูงกว่า พ.ร.บ.ทั่วไป นายอลงกตน่าจะพูดเร็วเกินไป ทำให้เข้าใจผิด“ทวี” ชี้ดีเอสไอสรุปผลสอบหลัง กกต.เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 1 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าว กกต.เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา สว.ลอตแรก 60 คนว่า ต้องแยกส่วนกัน คณะทำงานของ กกต. มี 7 คน มีพนักงานสอบสวนของดีเอสไอร่วมด้วย 3 คน เขามีกรอบเวลาต้องส่งเรื่องไปยัง กกต.ชุดใหญ่ อาจนำพยานหลักฐานจากดีเอสไอบางส่วนไป ไม่ทราบรายละเอียด หลักฐานต่างๆจะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พยานบุคคลในส่วนของดีเอสไอมี 2 คดีคือคดีฟอกเงินและคดีอั้งยี่ซ่องโจร มีพนักงานสอบสวนที่ไปร่วมกับ กกต.อยู่ด้วย เรายังได้ทำหนังสือขอให้ กกต.มาเป็นที่ปรึกษา หลักฐานส่วนนี้จะเป็นเอกสาร ภาพถ่าย เสียง สถานที่อยู่มีกว่า 10 รายการ หากรายการหนึ่งเป็นเรื่องบังเอิญได้ รายการที่สองจะไม่บังเอิญแล้ว รายการที่สามจะเป็นพฤติกรรม ถ้ามีสี่ห้าหกเจ็ด เชื่อว่ามีการกระทำตามที่กล่าวหา 2 คดีของดีเอสไอจะสรุปได้หลังจาก กกต.ไม่นาน หากพยานไปถึงใครเอาหมดแย้มผู้เกี่ยวข้องมาเป็นพยานเพียบเมื่อถามว่านายอลงกต วรกี สว. บอกว่า สว.สูงกว่าดีเอสไอ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันหมด มีคุณค่ามีศักดิ์ศรี การอำนวยความยุติธรรมจะใช้อคติไม่ได้ เราใช้พยานหลักฐาน แม้แต่สว.ที่คิดว่าตัวเองไม่ผิดมาเป็นพยานได้ มีบุคคลเกี่ยวข้องมาเป็นพยานเยอะ เราเป็นห่วงความปลอดภัย ตอนนี้เริ่มมีการคุ้มครองพยาน และ สว.บางคนเมื่อได้ตำแหน่งเราได้ตรวจสอบไปว่ามีใครมาเป็นผู้ช่วย เป็นผู้เชี่ยวชาญแล้วได้รับประโยชน์เป็นเงินของรัฐบาล ต้องไปตรวจสอบหาข้อมูลทุกจังหวัด ที่ จ.อำนาจเจริญไม่ได้มีการขัดขวาง การให้การใน 10 กว่าปากพูดถึงผู้บงการอยู่ ได้พูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ในที่ประชุม ครม.ทักทายกัน ไม่ได้ขัดแย้งกับกระทรวงมหาดไทย กฎหมายสอบสวนคดีพิเศษบางมาตรา มีข้อบังคับการประสานงานกับผู้ว่าฯและตำรวจ หากดีเอสไอแจ้งไปท่านคงไม่ขัดขวาง ขอหลักฐานไปถ้าใครไม่ให้มาตรา 24 ของ พ.ร.บ.ดีเอสไอจะมีโทษ พนักงานสอบสวนมีหน้าที่แล้วไม่ทำ โดยเฉพาะเรื่องทุจริตจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอาญามาตรา 157 ด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่พบการขัดขวางย้ำชั้น 14 รพ.ตำรวจทำตามขั้นตอนพ.ต.อ.ทวีกล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนข้อมูลกรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ วันที่ 13 มิ.ย.ว่ากรมราชทัณฑ์เตรียมการไว้แต่ต้นจะรายงานให้ศาลทราบ เป็นขั้นตอนที่ปฏิบัติมาตั้งแต่กฎหมายเก่า และกฎหมายใหม่ เรื่องนี้มีคำพิพากษาศาลฎีกาวางไว้ กรมราชทัณฑ์จะทำอะไรต้องดูเจตนารมณ์กฎหมาย ดูร่างกฎหมายแต่ละมาตราทำได้แค่ไหน เพราะการบริหารโทษในราชทัณฑ์ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลด้วย สังคมมีสิทธิ์กังขาแต่จะเชื่อศาลเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุด เมื่อถามว่า การประชุมแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค. อาจนำเสนอผลการตรวจสอบว่านายทักษิณป่วยจริงหรือป่วยทิพย์ ถ้าผลออกมาทางลบจะส่งผลกระทบกับรัฐมนตรีกังวลหรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า เราต้องรับฟังและเคารพการตรวจสอบ ตอนเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี นายทักษิณไปอยู่ที่โรงพยาบาล 1 เดือนแล้ว ดูเนื้อหาข้างในทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนหมดไม่มีอะไรผิดปกติ เมื่อถามย้ำว่า หากศาลเรียกพร้อมที่จะชี้แจงใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า น่าจะถามรัฐมนตรีคนก่อน เนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในช่วงเหตุการณ์นั้น“อนุทิน” โวยอย่าโยงเอี่ยวคดีฮั้ว สว.วันเดียวกัน ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวถึงข่าว กกต.เรียก สว. 60 คน ให้การคดีฮั้วเลือก สว. วันที่ 8 พ.ค.ว่า ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับ มท. ตนเป็น สส.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอะไรกับฝั่ง สว. ไม่ได้กังวลอะไร ต้องพยายามไม่ผูกกัน บางทีสื่อผูกเรื่องจนสับสนไปหมด มท.ให้ความร่วมมือการสืบสวนสอบสวนกับดีเอสไอภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ เมื่อถามถึงฝ่ายที่เกี่ยวข้องของ มท.ไม่ให้ความร่วมมือ ได้ออกคำสั่งต่างๆ นายอนุทินตอบว่า เป็นไปไม่ได้ แสดงว่าผิดกฎหมาย ยืนยันให้ความร่วมมือทุกกรณี หากผู้ขอความร่วมมืออยู่ภายใต้กฎหมายที่ระบุไว้ชัดเจน ขอให้สื่อมวลชนเสนอข่าวให้ถูกต้องด้วย วันที่ 6 พ.ค. มีความพยายามทำให้ชนกันระหว่าง มท.กับกระทรวงยุติธรรม มันไม่มีตรงไหนที่ขัดแย้งกันเลย สื่อไปพาดหัว รมว.ยุติธรรมจะฟัน ผวจ.อำนาจเจริญ ไปดูในข่าวหรือคลิปข่าว ไม่มีคำไหนที่บอกว่าจะฟัน ผวจ. เสนอข่าวแบบนี้ทำให้เข้าใจผิดสู่ประชาชนได้ ยืนยันมาตลอดเวลาว่า มท.ต้องให้ความร่วมมือ หากได้รับการร้องขอมาภายใต้กฎหมาย ไม่ร่วมมือไม่ได้ วันที่ 8 พ.ค.ดูการนำเสนอข่าวว่ามีการปะทะกัน ชนกัน ยืนยันไม่มีเลย ต่างคนต่างทำตามหน้าที่การันตี ภท.หนุน พ.ร.บ.คอมเพล็กซ์นายอนุทินยังตอบคำถามผ่านรายการ Ring side การเมืองถึงร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า เป็น ครม.ต้องช่วยกันสนับสนุนให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล แต่ยังมีอีกหลายขั้นตอนตามกระบวนการฝ่ายนิติบัญญัติ ที่สำคัญต้องฟังเสียงประชาชน ดีที่สุดควรทำประชามติ พรรค ภท.สนับสนุนแนวทางนี้ เคยเสนอนายกฯไปแล้วท่านก็รับฟัง ถ้าทำประชามติทุกคนสบายใจ แต่กว่าไปถึงจุดนั้นต้องไม่มียิงลูกโดด พรรคร่วมฯต้องโหวตกฎหมายนี้ทุกพรรค ถ้าพรรคหนึ่งมีเงื่อนไข พรรคอื่นก็มีเงื่อนไข แบบนั้นถือว่าไม่เรียบร้อย ยังไม่ต้องเอาเข้าสภา พรรคร่วมรัฐบาลต้องเป็นหนึ่งจึงจะผลักดันได้ นี่คือเรื่องสปิริตพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อถามถึงการปรับ ครม.ที่มีกระแสต่อเนื่อง นายอนุทินตอบว่า ใน ครม.ไม่มีการพูดกัน นายกฯไม่เคยปรารภหรือเจรจา หรือแจ้งว่าจะปรับเปลี่ยน นายกฯพูดแต่ว่าต้องทำงานด้วยกัน ทำเต็มที่ ทำให้รัฐบาลเข้มแข็ง ทำให้จบแล้วไปต่อ เมื่อดูการทำงานท่านนายกฯไม่มีปัญหา แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน สนุกในการทำงาน ตนสนับสนุนนายกฯแน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่างกันนับว่าดี อยู่ตรงนี้ถ้าเป็นนักฟุตบอลเล่นในสนาม ไม่รู้สึกว่ามีใครมาเตะเจาะยาง แต่คนนอกมองจากมุมของเขา เราไปคิดแทนไม่ได้นายกฯถกบิ๊กซีพีลุยดาต้าเซ็นเตอร์เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ต้อนรับนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมนายอเดบาโย โอกุนเลซี (Adebayo Ogunlesi) ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ พาร์ตเนอร์ส (Global Infrastructure Partners: GIP) และคณะ หารือแนวทางยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ของประเทศไทย จากนั้นเวลา 12.15 น. น.ส.แพทองธารทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์ว่า ได้หารือแนวทางยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ของไทย โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล-โครงสร้างพื้นฐานระดับชาติ จุดหมายรัฐบาลปักหมุดให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียน เราต้องเดินเครื่องเต็มกำลัง โดยเฉพาะการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจ Data Center และ Cloud Service ในไทย ที่ผ่านมาเรามีการลงทุนจากหลายบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยี ไม่ว่า Google Microsoft Tiktok (ByteDance) ตั้งเป้าขยับการลงทุนไปสู่ธุรกิจอื่น เช่น ธุรกิจพลังงานสะอาดและ AIขันนอตป้องกันสวมสิทธิ์สินค้าต่อมาเวลา 11.30 น. ที่กระทรวงพาณิชย์ น.ส.แพทองธารเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า มีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ต้อนรับ โดยปลัดกระทรวง พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง โดยนายกฯกล่าวเปิดการประชุมตอนหนึ่งว่า มาตรการแก้ปัญหาการสวมสิทธิ์สินค้าไทย ต้องอุดช่องโหว่กฎหมายและป้องกันธุรกิจลักษณะนอมินี เพื่อส่งเสริมการค้าของคนไทย และให้เร่งเดินหน้า One Stop Service ให้ประชาชนประหยัดเวลาติดต่อหน่วยงานรัฐ อีกเรื่องการเร่งส่งเสริมสินค้าเกษตรไทย มีรายงานสินค้าหลายชนิดมีผลผลิตออกมามากอาจล้นตลาดในปีนี้ ขอการสนับสนุนจากทุกกระทรวง หากกระจายไปภาครัฐส่วนหนึ่ง และภาคเอกชนส่วนหนึ่ง จะช่วยเกษตรกรได้เยอะยินดี “ลอว์เรนซ์ หว่อง” ชนะเลือกตั้งนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกฯสิงคโปร์ แสดงความยินดีในโอกาสการชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 พ.ค.นายกฯตอบรับจะไปเยือนสิงคโปร์ช่วงครึ่งปีหลัง กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในโอกาสการครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-สิงคโปร์ พร้อมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางรับมือกับมาตรการการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ โดย น.ส.แพทองธารเห็นว่าควรใช้โอกาสประชุมสุดยอดอาเซียนหารือกับผู้นำทั้ง 10 ชาติ เพื่อผนึกกำลังสร้างความแข็งแกร่งของภูมิภาคเพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจโลกยัน “พีระพันธุ์” ไม่หนักใจหุ้น-ถุงยังชีพวันเดียวกัน นายหิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกฯและ รมว.พลังงาน ผอ.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมเรียกนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช.ไปรับทราบข้อกล่าวหา กรณีถือหุ้นบริษัทและการแจกถุงยังชีพโดยมีสติกเกอร์ รูปและชื่อว่า นายพีระพันธุ์ไม่ได้หนักใจ เพราะเรื่องถุงยังชีพเป็นความเข้าใจผิดของทีมงาน นายพีระพันธุ์รีบลงพื้นที่จึงไม่ได้ทันสังเกตดู แต่พอเห็นก็รีบให้แก้ไข ส่วนเรื่องหุ้นมีรายละเอียดปลีกย่อย ตนยังไม่สามารถบอกได้ เป็นเรื่องทางเทคนิคข้อกฎหมายที่นำมาเล่นงาน แต่นายพีระพันธุ์ได้ทำตามกระบวนการส่วนตัวครบถ้วน เรียบร้อยหมดแล้ว ส่วนที่มีการร้องเรียนก็ไปว่ากัน นายพีระพันธุ์ก็จะไปชี้แจงด้วยตัวเองและมีความมั่นใจมาก บางบริษัทร้างไม่ได้ทำกิจการแล้ว และไม่มีบริษัทเกี่ยวกับพลังงานและไฟฟ้าเลยยืนยันนายพีระพันธุ์ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ขอให้ประชาชนมั่นใจ ไม่มีเจตนาที่จะซุกซ่อนเร้นหรือมีเจตนาที่จะมีผลประโยชน์แอบแฝงเรื่องหุ้น และสำคัญที่สุดบริษัทของท่านไม่มีกิจการอะไร ที่จะไปทับซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของตัวเอง“ภราดร” พาสื่อทัวร์สภาโต้ผลาญงบฯเมื่อเวลา 12.40 น. ที่รัฐสภา นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่ 2 นำสื่อมวลชนประจำรัฐสภาเดินชมอาคารรัฐสภาส่วนที่เป็นประเด็นของบฯปี 69 สร้างต่อเติมพื้นที่ อาทิ ห้องจัดเลี้ยงสัมมนาที่รองรับคนได้ 1,500 คน ชั้น B2 ที่ของบฯ 99 ล้านบาท โดยนายภราดรกล่าวว่า ต้องปรับปรุงไฟให้สว่างกว่าเดิม ติดตั้งระบบเสียง เคยใช้ประชุม APPF แต่เราไม่มีระบบเสียง ต้องเช่าเครื่องระบบเสียงหลายล้านบาท หากมีห้องที่พร้อมใช้งานจะเป็นประโยชน์ หรือโซนพิพิธภัณฑ์รัฐสภา ที่ชั้น MB1 ชั้น 1 และชั้น 11 หรือชั้นเครื่องยอดของอาคารรัฐสภา มีพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร ให้โจทย์ไปต้องมีพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ทันสมัย จะเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการเมืองการปกครอง งานนิติบัญญัติ เชื่อว่าจะกลายเป็นอีกจุดเช็กอินของสภา นอกจากชั้น 11 เครื่องยอดแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน นักเรียน นักศึกษาที่มาเยี่ยมชมจำนวนมากแต่ละวัน ประเทศที่เจริญแล้วจะมีพิพิธภัณฑ์อยู่ทั่วเมือง เช่น อังกฤษ แสดงถึงประวัติศาสตร์ต่างๆห้องประชุมใหญ่-พิพิธภัณฑ์จำเป็นนายภราดรกล่าวว่า การพิจารณาโครงการมีหลักใหญ่ 3 หลักคือ 1.ความจำเป็น 2.ความคุ้มค่ากับงบฯ และ 3.ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ เชื่อว่าทั้งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ 1 ฝ่ายนโยบาย คำนึงถึงความจำเป็น แต่ยังอยู่ในขั้นตอนของบฯยังไม่ได้รับอนุมัติ เดือน พ.ค. จะพิจารณางบฯปี 69 เป็นหน้าที่หลักของ สส.รวมถึงสภาฯ หาก กมธ.งบฯปี 69 เห็นว่าโครงการใดไม่จำเป็นปรับลดได้ จะอนุมัติหรือไม่อยู่ที่ สส.และกรรมาธิการพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป“ธนกร” หนุน รบ.ชะลอเงินหมื่นเฟส 3วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอขอบคุณนายกฯ และ ครม.ที่ยังไม่มีการเสนอวาระพิจารณาโครงการกระตุ้น เศรษฐกิจเงินดิจิทัลเฟส 3 เข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อรอรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆก่อน ขอสนับสนุนให้เปิดกว้างรับฟังความเห็นภาคประชาชนด้วย ให้ครบถ้วนรอบด้าน เนื่องจากมีสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจมาตรการภาษีของสหรัฐฯเข้ามาแทรก สมควรที่รัฐบาลต้องมีพิจารณาใช้จ่ายงบฯ ให้รอบคอบที่สุด และการเจรจากับสหรัฐฯที่ใกล้ครบกำหนด 90 วันหลังชะลอมาตรการ ขอให้นายกฯและทีมเศรษฐกิจเปิดเผยแผนการเจรจาที่เป็นทางการในเวลาที่เหมาะสม ให้เกิดความชัดเจน แม้จะมีการเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ และอาจมีดีลลับก็ตาม“ก้องเกียรติ” เมินโดนร้องซื้อเสียงเมื่อเวลา 13.50 น. ที่สำนักงาน กกต. นายก้องเกียรติ เกตุสมบัติ สส.เขต 8 นครศรีธรรมราช พรรค กธ. เข้ารับใบรับรองเป็น สส.จาก กกต.พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมืองยื่นร้องเรียนว่ามีการซื้อเสียงแจกวัวกว่า 60 ตัวและแจกเงิน 2,000 บาทในการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีธรรมราชว่า มั่นใจในกระบวนการหาเสียง ยึดตามกระบวนการทางกฎหมายที่ กกต.ต่อกำหนดไว้ ไม่กังวลอะไรในคำร้องนั้น ยืนยันเชื่อมั่นกระบวนการหาเสียงของทีมงาน เราอยู่ภายใต้กฎกติกา กกต.กำหนด ผู้ร้องตามสิทธิอาจสงสัย เพราะมีคะแนนนำคู่แข่งมาเป็นหมื่นคะแนน ไม่เคยมีคะแนนนำมาสูงขนาดนี้ อาจเป็นข้อสงสัยได้“บิ๊กอ้วน” ชี้ยังไม่รุกล้ำแค่เฉียดชายแดนเมื่อเวลา 10.00 น. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นสกัดการอากาศยานไม่ทราบชนิดรุกล้ำน่านฟ้าบริเวณ จ.กาญจนบุรีว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากเป็นเครื่องบินฝั่งข้างบ้านที่บินเฉียดผ่านชายแดน ระหว่างขึ้นบิน เมื่อบินอยู่บนอากาศเข้าใจว่าอาจมีความคลาดเคลื่อนได้ เมื่อบอกเขาถอยห่างออกไปก็จบ กองทัพอากาศได้ทำหน้าที่อย่างแม่นยำและตรงไปตรงมา เมื่อถามว่าเป็นการบินล้ำเข้ามาใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นการยืนอยู่ที่ขอบชายแดน กองทัพอากาศจึงได้ขึ้นเตือนก่อน เพื่อไม่ต้องการให้มีการรุกล้ำเข้ามาถกจุฬาราชมนตรีหาทางดับไฟใต้ต่อมาเวลา 12.30 น. ที่สำนักจุฬาราชมนตรี นายภูมิธรรมเปิดเผยหลังหารือกับนายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ประมาณ 1 ชั่วโมงว่า สำนักจุฬาราชมนตรีห่วงใยเรื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีใครอยากเห็นการเข่นฆ่า ไม่ตรงกับหลักศาสนา ชุมชนมุสลิมกับชุมชนไทยพุทธอยู่ร่วมกันได้อยู่แล้ว สังคมพหุวัฒนธรรมไม่ใช่สังคมเลวร้าย จุฬาราชไมนตรีอยากเห็นการร่วมมือกันเพื่อให้เกิดสันติสุข ได้ประณามการกระทำโหดร้ายต่อมนุษย์ด้วยกัน ต้องหาจุดที่เป็นเหตุเพื่อหาทางแก้ไข ต้องพูดคุยกับทุกส่วนมากขึ้น ตนพร้อมจะคุยและเจรจา โดยเฉพาะต้องเดินทางไปประเทศมาเลเซียด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่