กำลังตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า “รัฐบาลเป็ดง่อย” เข้าไปทุกที เพราะทำอะไรก็ไม่ได้เดินหน้าก็ไม่ได้ ได้แต่ทนอยู่กันไปแบบนี้แล้วประเทศชาติจะไปเหลืออะไรจะปรับ ครม.ก็ไม่ได้ จะยุบสภาก็ไม่ได้ แก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ไม่ได้ ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็หนักข้อมากขึ้นไปทุกทีนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากหาช่องทีวีเพื่อออกรายการแสดงตัวตนว่ายังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ไม่ได้ไปไหน หรือนั่งนอนอยู่เฉยๆนี่คือบรรยากาศประเทศไทยในยุคสมัยมีผู้นำ 2 คนซ้อนกันอยู่แทนที่จะช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ แก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศไปข้างหน้ากลับต้องมาจมปลักอยู่กับเรื่องของตัวเองเท่านั้นวันนี้ “ทักษิณ” ที่เคยแสดงตนว่ามีความรู้ความสามารถกว่าใครทั้งปวงกลับเงียบอย่างน่าผิดสังเกตนั่นเพราะกำลังเจอคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ทำให้ไปไม่เป็นไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วผลจะออกมาอย่างไร?ลูกสาวนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการก็เลยไม่มีอะไรใหม่ที่ก่อนหน้านี้มีคนคอยป้อนให้ทำให้ดูเหมือนว่า “มีของ”แต่วันนี้เงียบและเงียบมีแต่ความพยายามที่ผลักดันกฎหมาย “กาสิโน” ที่ผู้คนคัดค้านไม่เห็นด้วยทั้งบ้านทั้งเมืองก็พยายามที่จะเข็นออกมาให้ได้เรื่องนี้มี 2 มุมมอง1.อยากจะดันเต็มที่เพราะเป็นนโยบายที่พอจะเอาไปคุยได้ว่านี่คือผลงานของรัฐบาล และสามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นมาได้เนื่องจากรัฐบาลไม่มีเงินก้อนใหญ่ที่จะนำมาลงทุนหรือสร้างงานใหม่ๆได้ เพราะถ้าไม่มีเงินก็ไม่สามารถสร้างนโยบายที่มีความต่างไปจากนโยบายของพรรคการเมืองอื่นๆได้ยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจถดถอย ทุกอย่างจึงทรุดไปเกือบทั้งหมด2.หนำซ้ำสหรัฐฯตั้งกำแพงภาษีสูงขึ้นจนกระทบไปทั่วโลกซึ่งไทยก็อยู่ในข่ายนั้นด้วย เวลานี้กำลังรอดีลเพื่อเจรจายังไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วผลจะออกมาอย่างไรถ้าออกมาเป็นบวกก็เสมอตัวแต่ถ้าออกมาเป็นลบถึงลบมาก!เศรษฐกิจของประเทศก็จะประสบปัญหาหนักหนาสากรรจ์ขึ้นอีกหลายเท่าตัว บรรดาผู้รู้ได้แต่ออกมาเตือนรัฐบาลให้ระวังเพราะมันอาจหมายถึง “วิกฤติ” ได้เพราะผลจะมีอยู่ 2 ด้าน1.จากการขึ้นภาษีโดยตรง2.จากผลกระทบที่ตามมาซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจของไทยเกือบทุกด้านต้องรับมือให้ดีมีการเสนอให้รัฐบาลปรับแก้งบประมาณปี 2569 ซึ่งจะเข้าสภาปลายเดือนนี้ เพื่อให้เกิดความสมดุลอะไรที่ไม่จำเป็นก็หยุดไว้ก่อน เพื่อจะได้นำเงินไปใช้ในส่วนที่จำเป็นจริงๆหรืออีกทางก็คือต้องหาเงินก้อนโตๆมารองรับผลกระทบที่จะตามมาแต่ก็ยังเงียบไม่มีการขานรับจากรัฐบาลแม้แต่นิดเดียววันนี้เลยไม่รู้ว่าใครรับผิดชอบด้านเศรษฐกิจโดยตรง เพราะรัฐมนตรีคลังก็ไปทาง นายกรัฐมนตรีก็ไปทางนายกรัฐมนตรีผู้พ่อก็ไปทาง!นี่กำลังพูดถึงภาพรวมของประเทศแต่ที่มีปัญหาซ้อนขึ้นมาอีกก็คือรัฐมนตรีท่านหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องหุ้นและสิ่งของบริจาคซึ่งดูท่าแล้วไม่น่ารอดหนำซ้ำจะเป็น “งูกินหาง” ลามไปถึงนายกรัฐมนตรีด้วย!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม