สัมภาษณ์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับช่วงเวลา 2 ปี 8 เดือน ในภารกิจผู้นำการบริหารงานเมืองหลวงของประเทศไทย ที่มีประชากรห้าล้านสี่แสนคนกับช่วง 2 ปีกว่า เห็นความเปลี่ยน แปลงอะไรในตัวเองบ้าง“เราเห็นคนในมุมที่หลากหลายมากขึ้น เพราะตอนเราเป็น รมว.คมนาคม เน้นเฉพาะเรื่องการคมนาคม...แต่พอเป็นผู้ว่าฯเนี่ยมันมีทุกมิติ มีอีกหลายเรื่องเลยที่ไม่ใช่เฉพาะคมนาคม เรื่องการศึกษา เรื่องสาธารณสุขต่างๆ”“ผมคิดว่า เรามีมุมมองที่กว้างขึ้น เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็ไม่ง่ายนะ เพราะว่าหลายๆอย่าง มันก็ขัดแย้งกับ passion เรานะ หมายถึงว่า passion เรา เราอยากจะให้คนมีชีวิตที่ดีขึ้นถูกมั้ย แต่ถึงนาทีนึง เราต้องไปไล่หาบเร่แผงลอยที่เขาไปอยู่บนทางสาธารณะ ก็จะมีชีวิตคนพวกนั้นคือคนตัวเล็กตัวน้อย แต่ว่าขณะเดียวกันมันก็ต้องจําเป็นถูกป่ะ เพราะเราไม่สามารถให้ฟุตปาททางเท้าเนี่ย มันเต็มไปด้วยหาบเร่แผงลอยได้ อันนี้มันก็เลยขัดแย้งเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันก็มีเรื่องที่เราก็ไม่อยากทําเลย เพราะมันไม่ใช่ปรัชญาของเรา เราอยากเห็นคนทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น ฉะนั้นหลักการคือต้องไปหาทางเลือกให้เขา ต้องพยายามไปช่วยเขาว่าถึงแม้ถูกไล่ไป มีที่อื่นให้เขาอยู่มั้ย มันก็ต้องมีงานเพิ่มขึ้น เป็นสิ่งหนึ่งที่มันก็ไม่ได้สนุก ทุกอย่างในตำแหน่งผู้ว่าฯมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจ”คิดว่าตัวเองเป็นคนมีเสน่ห์มั้ย“ไม่มีหรอก...เวลาทำงานคือด่าก็ด่าเลย พูดก็พูดกันเลย บางทีผมก็จะดุบ้างนิดหน่อย มีอะไรผมว่าก็พูดกันตรงๆ แต่หัวใจคือเราก็ต้องยุติธรรมกับเขา ให้ชัดเจนว่าต้องการอะไร พูดให้ชัด ผมเชื่อในนโยบายที่เหมือนกับว่า Tight แรก ก็บอกให้ชัดเจนว่าต้องการอะไร Tight คือว่าเราต้องการอะไรจากเขา เป้าหมาย “Traffy Fondue” คุณต้องปรับปรุงกี่เปอร์เซ็นต์ คาดหวังอะไรจากเขา Tight ชัดเจนเลยLoose คือว่า คุณไปหาวิธีทําเอา ให้อิสระในการตัดสินใจไง ว่าคุณจะไปปรับปรุงฝาท่อยังไง ถ้าชาวบ้านเขาแจ้งมา คุณจะมาทําภายในกี่วันแล้วแต่คุณ Loose ก็คือว่าให้อิสระ ให้อำนาจเขา ให้เกียรติเขาในการตัดสินใจทํางาน แล้ว Tight สุดท้ายคือ มาวัดอีกทีหนึ่งตอนจบว่าผลลัพธ์เป็นไง...วันๆเราตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็เป็น งานหมด แต่ก่อนไปวิ่งในสวน ก็ดูจนปรุหมดแล้ว ตอนนี้ก็วิ่งจากบ้านมาทํางานแทน มีไฟฉายอันนึง ก็ส่องไปเรื่อย ดูฟุตปาท ดูทางเท้า เปลี่ยนเส้นทาง ไปริมคลองบ้าง มาสุขุมวิทบ้าง ไปเพชรบุรีบ้าง ทักทายคน ดูสถานการณ์คนไร้บ้าน ดูขอทาน ตอนเช้าไม่มีใครมาหลอกเราได้ไง ผมว่าทุกนาทีมันเป็นงานได้ เพราะว่างานผู้ว่าฯ กทม. มันคือชีวิตเรา แล้วเวลาวิ่งมันก็ดีนะ มันก็ได้ไอเดียต่างๆเกิดขึ้นมา” ปัญหาอะไรใน กทม. ที่ทุกวันนี้ยังวิ่งอยู่แต่ยังแก้ไม่ได้“เรื่องทุจริตคอร์รัปชัน มันเหมือนกับช้างในห้อง อันนี้เรื่องใหญ่เลยที่ผมว่าประชาชนยังไม่ไว้ใจเรา เรื่องการขอใบอนุญาต เรื่องเทศกิจ เรื่องหาบเร่แผงลอย แต่ผมว่าดีขึ้น เราเอาจริงเอาจัง ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มความโปร่งใส แล้วเอาประชาชนมาเป็นแนวร่วม อันนี้แหละทําให้ได้ความโปร่งใสกลับมา”วิสัยทัศน์ที่จะทําให้กรุงเทพฯ สามารถแข่งขันกับเมกะซิตี้ระดับโลก“มีสองมิติ สโลแกนแรกของเรา คือ ให้กรุงเทพฯเป็นเมืองน่าอยู่ แข่งกันที่การดึงดูดคนเก่ง คือเป็น “Talent War” หรือว่าดึงดูดคนเก่ง จะเห็นว่าทุกประเทศพยายามดึง มี “วีซ่า talent” อันที่สองคือต้องเพิ่ม productivity หรือประสิทธิภาพในการทํางาน ก็คือเพิ่มเรื่องเทคโนโลยี เรื่องแรงงาน เรื่องความรู้ การศึกษาต่างๆ”ภาพของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในยามเกษียณ“มีเกษียณรึเปล่าเนี่ยก็คงอยู่บ้าน ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ผมชอบอ่านหนังสือ เป็นผู้ว่าฯเสียอย่างไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือ อาจต้องอ่านหนังสือเยอะๆ แล้วก็หาอะไรทําให้สังคมเพื่อตอบสนอง passion ตัวเองต่อไป”จากนี้ไป 5 ปี 10 ปี อยากให้มรดกของตัวเองหน้าตาเป็นยังไง“ก็ไม่เป็นไร ผมก็ขอให้คนเป็นผู้ว่าฯ ที่อย่างน้อยก็ทําชีวิตให้คนดีขึ้นบ้าง เป็นผู้ว่าฯติดดินที่อาจจะปรับปรุงกรุงเทพฯ ได้ดีบ้างในบางมิติ ก็ไม่ต้องหรูหราแล้วเดี๋ยวคนก็ลืม เพราะว่าสุดท้ายแล้วโลกไม่ได้ต้องการเรานะ”ติดตามได้ทางช่อง YouTube ช่อง Thairath TV Original เจาะลึกวิสัยทัศน์ผู้บริหารที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย ออกอากาศเวลา 14.30 น. วันพุธที่ 9 เม.ย. และทุกวันพุธต้นเดือน