คานยกระดับ ถนนพระราม 2 ถล่ม สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนหลายแสนคนที่ต้องอาศัยทางด่วนและถนนพระราม 2 ในวงกว้าง มูลค่าความเสียหายยังประเมินไม่ได้ ถนนพระราม 2 ก่อสร้างหลังการเกิดของประเทศสิงคโปร์ ไม่กี่ปี วันนี้สิงคโปร์เจริญรุ่งเรืองเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลก แต่ถนนพระราม 2 ยังก่อสร้างไม่เสร็จ และไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ ใครใช้เส้นทางนี้จะรู้ดีว่าอันตรายเพียงใด พื้นที่ก่อสร้างไม่มีการป้องกันอุบัติเหตุที่ได้มาตรฐานสากล แต่ทำกันแบบบ้านๆ เอาแท่งปูนทาสีแดงขาวมาวางขวาง ไม่มีไฟจราจรแจ้งเตือนให้เห็นระยะไกล ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงซ้ำซาก ประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายพันคนตลอดระยะเวลา 55 ปีที่ก่อสร้างที่แย่ที่สุดคือ ไม่มีใครในรัฐบาลแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น วันจันทร์ผมจึงตั้งคำถามเป็นชื่อเรื่องว่า “จะมีรัฐมนตรีรับผิดชอบลาออกไหม” คำตอบคือ ไม่มี มีแต่คนแก้ตัว ยิ่งได้ฟัง คุณสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการทางพิเศษฯ ให้สัมภาษณ์ก็ยิ่งเศร้าใจคุณสุรเชษฐ์ ผู้ว่าการการทางพิเศษฯ ให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าผมผูกเหล็กเอง ก่อสร้างเอง ก็จะรับผิดชอบ แล้วการที่ผมลาออก ก็ไม่ได้ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้ ผมคิดว่าต้องมาดูว่าผมละเว้นหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่อย่างไร ผมคิดว่าถ้าลาออก คงต้องลาออกกันทั้งประเทศ หรือทั้งกรม ผมคิดว่าเอาสะใจ ผมคิดอย่างนี้” คำให้สัมภาษณ์ของ คุณสุรเชษฐ์ สะท้อนให้เห็นถึง จิตสำนึกความรับผิดชอบของพนักงานรัฐต่อสังคมและประเทศชาติ ได้เป็นอย่างดี รวมทั้ง ข้าราชการ และ นักการเมืองไทยด้วยนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ได้เรียกหน่วยงานที่รับผิดชอบ อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดคมนาคม นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษฯ ไปประชุมสั่งการเช้าวันจันทร์ผมอ่านจากข่าวบอกว่า นายกฯสั่งให้เอาผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาด้วย รัฐบาลเราต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ต่อเนื่อง แอ็กชันแต่ละครั้งที่ออกไป อยากให้มีสาระสำคัญมากกว่านี้ บางทีบริษัทใหญ่ๆ รับเหมามีการรับเหมาบริษัทเล็กด้วย ไม่แน่ใจว่ามีการดำเนินการที่เหมาะสมหรือไม่ บริษัทเหล่านี้ที่เข้ามาทำ ขอให้มีความรับผิดชอบทางแพ่ง ขอให้ไปดำเนินการเรื่องนี้ และที่ปรึกษาโครงการผู้รับผิดชอบในวิชาชีพ เราต้องดูด้วยว่าได้ละเลยกระบวนการต่างๆหรือไม่ การควบคุมการก่อสร้างเป็นตามหลักการหรือไม่ ต้องให้รับผิดชอบทางอาญาด้วย ต้องถึงขั้นยึดใบอนุญาตหรือไม่ ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังก็ต้องชม นายกฯแพทองธาร ว่า สั่งการได้ดีเยี่ยม โดย ให้ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาผู้เกี่ยวข้อง แต่ปัญหาของนายกฯก็คือ นายสุริยะ รมว.คมนาคม จะดำเนินการตามที่นายกฯสั่งหรือไม่ อุบัติเหตุครั้งที่ผ่านมาก็ลงโทษด้วยสมุดพก เพราะอะไร นายกฯแพทองธาร ก็รู้ดี แต่ก็ยังหวังว่า คำสั่งนายกฯเจนวายจะขลังพอ ไม่มีการละเลยซื้อเวลาไปจนหมดสมัยคนไทยมีจุดอ่อน คือ ไม่ค่อยกล้าปกป้องสิทธิของตนเอง ทั้งที่มีกฎหมายคุ้มครองกรณีคานถล่มมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ประชาชนหลายแสนคนหรือเป็นล้านคนที่อาศัยอยู่ในเส้นทางนี้ หรือใช้เส้นทางนี้สัญจรเป็นประจำ ต่างก็เดือดร้อนสาหัส ถือเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเสียหายโดยตรง ในแง่กฎหมายประชาชนสามารถรวมกลุ่มกันฟ้องร้องรัฐบาล รัฐมนตรีคมนาคม กรมทางหลวง การทางพิเศษฯ แบบ “คดีกลุ่ม” หรือ Class Action เพื่อเรียกความเสียหายทางแพ่งได้ ตามมาตรา 222/1–มาตรา 222/49การฟ้องแบบกลุ่มนี้ คดีฉ้อโกงหุ้น คดีสิ่งแวดล้อม ก็มีการฟ้องคดีแบบกลุ่ม Class Action มาแล้ว กรณีนี้ผมคิดว่าประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ควรจะรวมกันฟ้องกลุ่ม ให้รัฐบาลรับผิดชอบชดเชยค่าเสียหายให้เป็นตัวอย่าง อย่ายอมเดือดร้อนโดยทิ้งสิทธิไปเฉยๆตัวอย่างล่าสุดจากสหรัฐฯ ศาลแคลิฟอร์เนีย ตัดสินเมื่อวันที่ 14 มีนาคม สั่งให้ “สตาร์บัค” จ่ายค่าเสียหาย 50 ล้านดอลลาร์ 1,700 ล้านบาท แก่ลูกค้าที่ถูกพนักงานทำกาแฟร้อนหกใส่ตักได้รับบาดเจ็บรุนแรง ประชาชนคนที่เดือดร้อนจากคานถล่มถนนพระราม 2 จึงควรรวมตัว “ฟ้องรัฐบาล” ให้เป็นตัวอย่าง รัฐบาลจะได้รู้จัก “ความรับผิดชอบ” เสียที.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม