ทั้งชื่อหนังสือการเมืองเรื่องวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ความทรงจำของแผ่นดิน และชื่อสำนักพิมพ์ศยาม (พิมพ์ครั้งแรก ธ.ค.2567) ผมคุ้นเคยน้อยกว่าแต่พอเห็นชื่อคนเขียน นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว ก็รีบอ่านผมเลือกหัวข้อ กษัตริย์ ผู้นำ ผู้ปกครอง กับการวิพากษ์แบบไทย ตั้งใจหาความรู้ไปเรื่อยๆนิพัทธ์พรเขียนว่าชาวบ้านไทยในวันวานมีวิธีระบายความตึงเครียดกดดันบีบคั้นจากผู้ปกครอง “พลิกกลับ” เล่าใหม่ให้เป็นเรื่องตลกชวนหัว ให้ใครเข้ามาสะใจหัวเราะใส่ซะก็ได้ลองอ่านดูจาก “ศรีทะนนไชยสำนวนกาพย์” พระมหากษัตริย์อยากลองดีศรีธนญชัยต่อไปนี้“แม้นเอ็งมีปัญญาอย่านิ่งช้าจงแก้ไข ลวงให้กูลงไปในสระน้ำอย่านิ่งนาน จึงจะเห็นว่าฉลาด เป็นเชื้อชาติชายโวหาร ถ้ามาตรแม้นไม่สมการ กูจะประหารซึ่งชีวัน”ทะนนไชยครั้นได้ฟังข้อรับสั่งเห็นคมสัน ตรองตรึกนึกได้พลัน ทางปัจจุบันขยันดี จึงทูลฉลองลองลวงเค้า จงโปรดเกล้าเกศเกศี ซึ่งจะลวงฝ่าธุลี ให้ลงที่สระบุษบง ครั้งนี้เห็นสุดคิด แทบชีวิตจะผุยผงไม่เห็นเลยว่าพระองค์ จะเสด็จลงเหมือนวาจาถ้าแม้นพระองค์ลงสู่สระ ทรงชำระพระมังสา จะลวงหลอก บอกราชาให้ขึ้นมาบัดเดี๋ยวใจพระองค์ทรงสรวลร่า อย่างนั้นหนาแน่หรือไฉน เอาชุดทรงทันใด เสด็จลงในชลธารจึงตรัสเรียกศรีทะนนไชย เอ็งว่องไวในโวหาร จงล่อลวงอย่าหน่วงนาน เร่งคิดอ่านให้จงดี ให้กูขึ้นไปพ้น จากฝั่งชลบนสระศรี ทะนนไชยอัญชุลี ทูลบดีด้วยทันใดกระหม่อมฉันล่อลวงพระองค์ให้เสด็จลงในสระใหญ่ จะกลับให้ลวงใหม่ เห็นผิดไปจากบัญชา”เป็นไงครับ! “มุกศรีธนญชัยนี้” ดูคุ้นๆหลายคน โดยเฉพาะศิษย์อัสสัมชัญ เคยอ่านใบแบบเรียนชั้นประถม ที่ภราดา ฟ.ฮีแลร์ ท่านแต่ง เพียงแต่เปลี่ยนจากลงม้าขึ้นม้า มาเป็นลงน้ำขึ้นน้ำนิพัทธ์พรยังเขียนถึงวรรณคดีเรื่องสังข์ทอง พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 2...พระองค์ท่านกำหนดบทบาทของท้าวสามนต์พ่อนางรจนา ให้มีบุคลิกภาพชวนหัว ถูกลูกเขยเจ้าเงาะล้อเลียนล้อเล่นเป็นที่ตลกโปกฮาอยู่ตลอดทั้งเรื่องว่าตรงๆก็คือรัชกาลที่ 2 ท่านคงรู้จักรู้ซึ้งจิตใจและความคิดของชาวบ้านสยามต่อกษัตริย์อย่างถึงกึ๋น ถึงได้แต่งแต้มสภาพท้าวสามนต์ ให้ออกมาแบบนั้นนิพัทธ์พรยกตัวอย่างให้อ่านค่อนข้างยาว ผมขอคัดย่อลงมาสักหน่อย เจ้าเงาะหัวเราะงันชอบใจ เห็นเขยทั้งหกทำงกเงิ่น แกว่งไม้เท้าก้าวเดินเข้ามาใกล้ ยิ่งถอยยิ่งประชิดติดไป ยิ่งวิ่งยิ่งไล่กระโชกมา เห็นท้าวสามนต์อยู่บนเตียง ก็ยืนเมียงเขม้นมองป้องหน้า ขู่ตะคอกหยอกล้อพ่อตา เงื้อง่าทำทีจะตีรันเมื่อนั้น ท้าวสามนต์ตื่นกลัวจนตัวสั่น ไม่สู้ไม่รบหลบเป็นควัน งันงกงกพลัดตกเตียง...นิพัทธ์พรบอกว่าวรรณคดีสังข์ทองยังมีมุกตลกน่าสมเพชของท้าวสามนต์อยู่อีกมากมาย ที่เห็นชัดๆก็คือกษัตริย์ทั้งในสังข์ทอง และศรีธนญชัย ต่างเป็นตัวตลกของชาวบ้านร้านตลาด อ่านกันเล่ากันทั้งหมดนี้คือกระบวนการวิพากษ์ล้อเลียนผู้นำ ผู้มีอำนาจ เป็นช่องทางระบายความกดดัน อันช่วยลดทอนความรุนแรงระหว่างสองชนชั้นลงได้อย่างมากนิพัทธ์พรให้ข้อสังเกต แม้แต่ผู้นำสูงสุดก็ล้อเลียนได้ กระชากจากหิ้งลงมาคว่ำหน้าเค้เก้กับพื้นได้ แต่ในการวิพากษ์ล้อเลียนก็ต้องมีศิลปะภูมิปัญญาไทยทำให้เรื่องตึงเครียดที่สุดของผู้คน ไม่ว่าเรื่องเพศ เรื่องพระ เรื่องกษัตริย์ แทนที่จะเป็นเรื่องจริงจัง เมื่อกลายเป็นเรื่องตลก ก็จะเป็นเรื่องที่ทุกคนหัวเราะใส่ได้ ลดทอนความเครียดลงไปได้แต่คนรุ่นใหม่ไม่รู้จัก ไม่สนใจ ลืมเลือน ละเลยวิถีนี้ของสังคมไทยไปแล้ว มุ่งหน้า “วิพากษ์” เล่นกันตรงๆ ชำแหละกันตรงๆ ถึงได้เป็นปัญหาใหญ่โตขึ้นมาในปัจจุบันวันนี้.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม