ผมเขียนต้นฉบับวันนี้เมื่อประมาณบ่าย 3 โมงของวันจันทร์ที่ 8 เดือนธันวาคม พ.ศ.2568 โดยตั้งใจไว้ในตอนแรกว่า จะเขียนเชิญชวนท่านผู้อ่านให้ร่วมแรงร่วมใจกันเชียร์ทัพนักกีฬาไทยที่กำลังจะลงสู้ศึก “ซีเกมส์ 33” ที่ไทยเราขันอาสาเป็นเจ้าภาพ...ต่ออีกหนึ่งวันแต่ต้องเปลี่ยนความตั้งใจอย่างกะทันหัน เพราะมีเหตุการณ์ “สำคัญ” ที่ก็ต้องการการร่วมแรงร่วมใจและกำลังใจจากพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศเช่นกันเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมายเอาไว้ล่วงหน้านั่นก็คือ “การปะทะ” ครั้งใหม่ระหว่าง กัมพูชา กับ ไทย หลังจากที่หยุดนิ่งและเงียบหายไปนานพอสมควรจนคนไทยส่วนมากนึกว่าสถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่าง 2 ประเทศนี้คงจะดีขึ้นที่ไหนได้...เมื่อเวลาบ่าย 3 โมงของวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคมก่อนหน้านี้ 1 วัน ขณะผมนั่งฟังเพลงสลับข่าวของสถานีวิทยุคลื่นหนึ่งอย่างสบายอารมณ์ ก็มีรายงานข่าวแทรกเข้ามาว่า“ด่วน! เกิดการปะทะระหว่างทหารกัมพูชาและทหารไทยที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน จังหวัดศรีสะเกษ พื้นที่ในความดูแลของกองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายเขมรเร่ิมขึ้นก่อน ส่งผลให้กำลังทหารบาดเจ็บ 2 นาย ซึ่งทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการตอบโต้กลับไปตามกฎการปะทะแล้ว ขณะนี้เหตุการณ์ยุติลงแล้ว”ผมเลิกฟังวิทยุ...เปิดเครื่องคอม ติดตามดูรายงานสดจากช่อง ไทยรัฐทีวี ออนไลน์ โดยทันที ทำให้ทราบรายละเอียดเพิ่มเติมว่า การปะทะยุติลงดังที่มีรายงานข่าว และทางราชการก็ได้นำตัวของ 2 ทหารที่บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาลในไม่ช้า และปลอดภัยแล้วแต่ที่เกิดความโกลาหล ตั้งแต่ช่วงเย็นๆไปจนถึงหัวค่ำวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคมก็คือ ข่าวกรองของประเทศไทยพบว่ามีการเคลื่อนไหวด้วยการเสริมกำลังด้วยอาวุธหนักอย่างผิดสังเกตเกิดขึ้นทางฝั่งกัมพูชา จึงขอให้พี่น้องประชาชนตามหมู่บ้านชายแดนต่างๆ อพยพไปพำนักตามศูนย์พักพิง ตามแผนการอพยพที่ซ้อมไว้โดยเร่งด่วน เพราะไม่แน่ใจว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นอีกผมจำได้ว่าผมนั่งดูรายงานสดไปจนถึงเกือบ 4 ทุ่ม ที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามหมู่บ้านชายแดนเหลือเพียงเจ้าหน้าที่และประชาชนที่เป็นห่วงบ้าน...จำนวนหนึ่งเท่านั้น พอตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 8 ธ.ค. แรกๆก็นึกว่าคงไม่มีอะไรแล้ว...แต่พอเปิดเฟซบุ๊กดูเพจของกองทัพบกก็เจอรายงานว่ามีการปะทะกันอีกเมื่อเวลาตี 5 เศษ ที่บริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานีทหารไทยถูกโจมตีด้วยอาวุธยิงสนับสนุนทำให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 4 นาย และในเพจก็รายงานสั้นๆด้วยว่า ฝ่ายไทยได้เริ่มใช้อากาศยานเข้าโจมตีเป้าหมายทางทหารในหลายพื้นที่ เพื่อยับยั้งการโจมตีของอาวุธยิงสนับสนุนของทหารกัมพูชาแสดงว่า การปะทะครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้วต่อมานายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งเรียกประชุมสภาความมั่นคงทันทีในช่วง 9 โมงเช้าของวันจันทร์ และออกมาแถลงโดยสรุปว่า ประเทศไทยมิใช่เป็นฝ่ายริเริ่ม หรือรุกราน แต่ก็พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยอย่างเต็มกำลัง โดยพร้อมจะใช้ปฏิบัติการทางทหารทุกมาตรการเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยในครั้งนี้นายกรัฐมนตรีย้ำในที่สุดว่า ประเทศไทยไม่เคยต้องการใช้ความรุนแรงและไม่เคยเป็นฝ่ายริเริ่มหรือรุกรานใคร แต่ประเทศไทยก็จะไม่ยอมให้ใครมาล่วงละเมิดอธิปไตย และจะดำเนินการอย่างมีเหตุผล รอบคอบ และยึดหลักสันติภาพ ความมั่นคงและมนุษยธรรมเป็นสำคัญเหตุการณ์จะดำเนินต่อไปอย่างไร? คงต้องติดตามกันต่อไปครับ...ผมเองนั้นขอเอาใจช่วย ประเทศไทย เต็มพิกัดอยู่แล้ว ก็หวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะจบลงด้วย “ชัยชนะ” ของประเทศไทยจะเป็นชัยชนะในรูปแบบใดก็ตาม ขอให้เราเป็นฝ่ายชนะในที่สุดก็แล้วกัน และถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้ทุกอย่าง “จบลง” ในครั้งนี้ดังที่พี่น้องประชาชนชายแดนที่เดือดร้อนเรียกร้อง ขอฝากความหวังไว้กับกองทัพไทย และขอให้กำลังใจแด่นักสู้ผู้กล้าของเราทุกคน และขอให้เราได้ชัยชนะครับ!"ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม