ชุดสืบคันนายาว วิสามัญฆาตกรรม “ติ๊ก สายไหม” โจรลักรถ จยย.ดับใต้ทางด่วนฉลองรัช หลังขโมยรถ จยย. ใหม่เอี่ยมมาซุกไว้ ตำรวจสะกดรอยพบไม่ตรวจยึดแต่ซุ่มโป่งรอ พบขี่รถ จยย.มากับเพื่อน 2 คน ตัดสินใจกระโดดล็อกคอไว้ได้ 1 ถูกอีกคนชักปืนขู่ให้ปล่อย แล้ววิ่งขึ้นรถ จยย.ขี่หลบหนี ดวงดับถูกยิงสกัดเข้าหัวคาที่ สุดเศร้าเมียท้องแก่มาดูศพในที่เกิดเหตุถึงกับร้องไห้โฮ ไม่รู้เรื่องว่าผัวเป็นโจรลักรถ จยย. โวยตำรวจทำเกินกว่าเหตุ เร่งล่า คู่หูคนชักปืนที่หลบหนีไปได้ชุดสืบสวน สน.คันนายาว วิสามัญโจรลัก จยย.รายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 ก.พ. ร.ต.ท.เดชอดุลย์ ณ ระนอง รอง สว. (สอบสวน) สน.บางเขน รับแจ้งจาก พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว ว่าฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว วิสามัญฆาตกรรมคนร้ายแก๊งลักรถ จยย. เหตุเกิดทางเข้าหมู่บ้านประยูรทอง 2 ซอยวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. รายงานผู้บังคับบัญชาร่วมเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน พ.ต.ท.โกศลปิยะ สีมา รอง ผกก.สส.สน.บางเขน พ.ต.ท.พรชัย ว่องประเสริฐการ สว.สส.สน.บางเขน พ.ต.ต.ยุรนันท์ เพชรมณี สว.สส.สน.บางเขน และ ร.ต.อ.ทรงศักดิ์ มณีนิล รอง สว.สส.สน.บางเขน พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์เวรนิติเวช รพ.ภูมิพลอดุยเดช สหวิชาชีพ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่เกิดเหตุบนถนนใต้สะพานทางด่วนฉลองรัช พบศพนายศุภัช ศรีแย้ม หรือฉายาติ๊ก สายไหม อายุ 27 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 1/11 หมู่ 4 ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา สภาพนอนหงายจมกองเลือดสวมเสื้อแจ็กเกตแขนยาวสีดำ สวมทับเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ รองเท้าแตะ และสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีขาว มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ศีรษะด้านหลัง 1 นัดทะลุหมวกกันน็อก และต้นขาซ้าย 1 นัด รวม 2 นัด ห่างไปประมาณ 50 เมตร พบรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ 125 ไอ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพใหม่เอี่ยม เป็นรถที่คนร้ายลักมาจอดไว้ในที่ว่างเปล่าใต้สะพานทางด่วน เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานพ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว กล่าวว่า ฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว ร่วมกันสืบสวนหาข่าว ทราบว่า กลุ่มคนร้ายลักรถ จยย.ในพื้นที่ สน.คันนายาว และใกล้เคียง จะนำรถที่ลักมาจอดพักบริเวณใต้สะพานทางด่วนฉลองรัชหน้าหมู่บ้านประยูรทอง 2 ก่อนเกิดเหตุเวลา 11.00 น. ชุดสืบสวน สน.คันนายาว 4 นายมาซุ่มจับคนร้ายบริเวณดังกล่าว พบคนร้าย 2 คนแต่งชุดดำคล้ายกันสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบทั้งคู่ ขี่รถ จยย.ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ซีซี สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน วนดูลาดเลาแล้วขี่ไปจอดใกล้รถ จยย.ยามาฮ่าที่ถูกขโมยมาจอดทิ้งไว้“หลังทั้ง 2 คนลงจากรถ จยย. ฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว บุกเข้าจับกุม 1 ในฝ่ายสืบสวนเข้าล็อกคอคนซ้อนไว้ได้ คนร้ายอีกคนชักปืนพกแบบออโตเมติกสีเงินน่าจะขนาด 9 มม. ออกมาขู่ให้ตำรวจปล่อยเพื่อน จนตำรวจต้องยอมปล่อยคนร้ายแล้วหลบเข้าที่กำบัง คนร้ายทั้งคู่วิ่งไปขึ้นรถ จยย.ขี่เข้าถนน ยังเล็งปืนมาที่ตำรวจ ตัดสินใจยิงสกัดไป 2 นัด ถูกคนร้ายที่ซ้อนท้ายตกรถ จยย.ลงมาเสียชีวิต ส่วนคนร้ายอีกคนอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นใคร ทั้งนี้ ชุดสืบสวนที่ร่วมจับตายมีกล้องติดหน้าอกบันทึกเหตุการณ์ขณะคนร้ายจ่อปืนใส่ไว้ทั้งหมด ประกอบกับกล้องวงจรปิดของชาวบ้านที่ส่องเห็นเหตุการณ์เช่นกัน สอบสวนชาวบ้านละแวกเกิดเหตุเห็นคนร้ายทั้ง 2 คนนำรถ จยย.ที่ขโมยมาจอดทิ้งไว้บริเวณนี้เป็นประจำ ก่อนนำไปขายต่อ” ผกก.สน.คันนายาวกล่าวพ.ต.อ.นเรนทร์กล่าวอีกว่า ส่วนรถ จยย.ของกลาง คนร้ายขโมยรถมาช่วงกลางดึกที่ผ่านมาบริเวณตึกทรงนิภา อาคาร 2 ซอยนวลจันทร์ 52 พื้นที่ สน.โคกคราม คนร้ายถอดป้ายทะเบียน 1 กฬ 1951 นครสวรรค์ ออก นำรถมาจอดทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุตั้งแต่เวลา 05.00 น. เจ้าของเป็นหนุ่มชาวเมียนมา พี่ชายทำงานอยู่ จ.นครสวรรค์ เพิ่งซื้อมาส่งค่างวดได้แค่ 5 เดือน งานนี้ชุดจับกุมไม่ได้ใส่เสื้อเกราะกันกระสุน ตนตำหนิชุดจับตายคนร้ายไปแล้วว่า ออกปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งต้องใส่เสื้อกันเกราะ เพื่อความปลอดภัยต่อมา น.ส.สุภารัตน์ ชลธาร อายุ 23 ปี ภรรยาคนร้ายอุ้มท้อง 9 เดือนมาดูร่างสามี เห็นสภาพศพสามีถึงกับร้องไห้โฮ เจ้าหน้าที่ต้องพาไปสงบสติอารมณ์ หลังจากนั้นกล่าวว่า ตนและสามีพักอยู่ย่านสายไหม ช่วยแม่ยายขายของกิ๊ฟช็อปตามตลาดนัด ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือนแม่ยายให้หยุดขายของเนื่องจากท้องแก่ เมื่อเช้าสามีออกจากบ้านไปไหนไม่รู้ ก่อนมาถูกตำรวจยิงตาย ทำเกินกว่าเหตุหรือเปล่า สามีไม่ใช่คนมีปืน แต่เป็นเพื่อนอีกคนด้าน ร.ต.ท.เดชอดุลย์ ณ ระนอง เผยว่าเบื้องต้นจากการสอบสวนฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว ที่วิสามัญคนร้าย แจ้งข้อหา 1 ในตำรวจฝ่ายสืบสวนยศ ด.ต.ที่ใช้ปืนขนาด 9 มม.วิสามัญฯคนร้าย เป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อหยุดคนร้ายที่จ่อปืนจะยิงตำรวจข้อหาใช้อาวุธปืนยิงคนตาย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่