ก็เพราะอยากเห็นผู้หญิงเข้มแข็งแต่ยังคงมีความอ่อนโยน...กล้าหาญที่จะเป็นตัวเองแต่ฉลาดวางตัว...ร้องไห้เสียน้ำตาได้แต่มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ...หากอยากระเบิดอารมณ์หัวเราะอย่างมีความสุขก็ทำได้ ไม่ต้องแคร์สายตาใคร “คุณอ้อย-ศุลีรัตน์ (วงศาโรจน์) ลีนุตพงษ์” จึงลุกขึ้นเขียนหนังสือ “ผู้หญิงกอดตัวเองให้เต็มร้อย” เพื่อส่งต่อพลังให้ผู้หญิงทุกคนได้ตระหนักถึงความมหัศจรรย์ของตัวเอง และมีความสุขกับชีวิตที่ตัวเองเลือกได้อย่างไม่มีขีดจำกัด “พี่เชื่อในความมหัศจรรย์ของผู้หญิงเสมอ เมื่อมีโอกาสเขียนหนังสือเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์คมชัดลึก บทความส่วนหนึ่งจึงตั้งใจเขียนถึงผู้หญิง เพื่อปลุกพลังในตัวผู้หญิง ให้กำลังใจ และกระตุ้นให้คิดเพื่อให้รักตัวเอง ให้เห็นคุณค่า ตัวเอง และมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ที่สำคัญคือมีความสุขในชีวิตที่ตัวเองเลือกแล้ว ด้วยความที่หนังสือเล่มนี้ห่างจากเล่มแรก “หนึ่งสลึง...เกินร้อย” ถึง 18 ปี จึงนานมากพอที่จะได้เห็นพัฒนาการความเปลี่ยนแปลงของวิถีความเป็นผู้หญิงในสังคมไทย ดีใจที่ได้เว้นช่วงเนิ่นนานพอจะได้เห็นว่า ผู้หญิงมีบทบาทเก่งกล้าเด่นชัดขึ้นในทุกๆด้าน อย่างที่คาดหวังว่าจะได้เห็น”...“คุณอ้อย-ศุลีรัตน์” บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของหนังสือ รู้ตัวว่ารักการขีดๆเขียนๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่พี่เขียนหนังสือ, แปลบทความ และเขียนบทวิจารณ์ละครมาประปรายตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย มาถึงโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ไปจนจบปริญญาโท ด้านประวัติศาสตร์การเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ SOAS มหาวิทยาลัยลอนดอน เมื่อกลับมาทำงานฝ่ายข่าวที่สถานทูตมาเลเซีย และสถานทูตอเมริกัน ก็หยุดการเขียนไปยาวเลย เพราะมีงานแปลและงานเขียนรีพอร์ตที่หนักหน่วงทุกวันเป็นเวลานับ 10 ปี กระทั่งลาออกมาดูแลลูกหญิงชาย 2 คน และได้รู้จักกับ “คุณผุสดี จันทรวิโรจน์” บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คมชัดลึก จึงชักชวนมาเขียนคอลัมน์ “คนคิดดี” ในหน้าไลฟ์สไตล์ทุกวันอังคาร เป็นความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นคอลัมนิสต์อยู่ 3 ปีเศษ พี่หยิบทุกอย่างรอบตัวมาเขียน ทำไมสนใจเรื่องผู้หญิงเป็นพิเศษเชื่อในความมหัศจรรย์ของผู้หญิง และอยากเขียนอะไรเพื่อผู้หญิง อยากให้สิ่งที่เขียนได้เปิดความคิดที่ใช่ อยากให้เป็นแรงบันดาลใจ อยากให้เป็นถ้อยคำที่ส่งกำลังใจ และเป็นเรื่องราวที่ปลอบใจ ทำให้ผู้หญิงทุกคนใจฟูเมื่อได้อ่าน แค่มีความสุขหรือแม้แต่ยิ้มนิดๆ หรือหยุดคิดถึงบทบาทของตัวเองขึ้นมาสักนิด ไม่ว่าจะเป็นบทบาทลูกสาว, บทบาทในการทำงาน, บทบาทกุลสตรี หรือผู้หญิงที่เก่งก๋ากั่น, ผู้หญิงที่รักผู้หญิง หรืออะไรก็ตาม แค่นี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เหมือนได้รางวัลชีวิตแล้ว พื้นเพมีความเป็นเฟมินิสต์ขั้นสุดไหมความเป็นเฟมินิสต์น่าจะถูกหล่อหลอมมาจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ครูบาอาจารย์มักจะเน้นถึงความสำคัญของผู้หญิงในประวัติศาสตร์และวรรณคดี แต่เราก็ไม่ใช่เฟมินิสต์จ๋าขนาดนั้น แค่เชื่อมั่นในความมหัศจรรย์ของผู้หญิง การเขียนปกป้องผู้หญิงก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงอย่างเราย่อมอยากเขียน ถ้าเขียนสรรเสริญได้ก็จะเขียน และแน่นอนว่าให้เขียนสรรเสริญผู้ชายก็เขียนได้ ถ้าเป็นประเด็นที่ควรยกย่อง ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจแก่นแท้ของเฟมินิสต์มากนัก ทุกครั้งที่ผู้หญิงแสดงความรู้สึกนึกคิดอะไรที่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงด้วยกันขึ้นมาแบบธรรมด๊าธรรมดา ผู้ชายก็มักจะเหมาว่าเป็นการแสดงออกของเฟมินิสต์ไปเสียหมดซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรที่จะมาตีความได้โดยผิวเผิน เพราะหัวใจของเฟมินิสต์มีประเด็นลึกซึ้งกว่านั้นมาก ให้กำลังใจผู้หญิงยุคใหม่ที่มือต้องไกวดาบก็ต้องแกว่งหน่อยค่ะผู้หญิงจำนวนมากในปัจจุบันสามารถทำอะไรหลายๆอย่างในขณะเดียวกันได้ ไม่ต่างจากการแสดงกายกรรมควงจาน เรียกว่าถ้าไปสมัครเมื่อไร คณะกายกรรมเปียงยางก็จะรีบอ้าแขนรับด้วยความเต็มใจ ฟังดูแล้วน่าชื่นชมความสามารถของผู้หญิงใช่ไหมที่ช่างเก่งกาจอะไรเช่นนั้น ทำทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงงอนหรือปฏิเสธ ทำสุดความสามารถทุกอย่าง แต่ขอบอกว่าผู้หญิงทั้งหลายที่กำลังปฏิบัติตนเฉกเช่นนักกายกรรมควงจาน ท่านกำลังทำมากเกินไปแล้ว!! ที่สำคัญคือท่านเองอาจไม่รู้ตัวเลย และถึงบางครั้งดูจะรู้ตัวอยู่เหมือนกัน แต่ท่านก็ชอบนึกว่าหยุดไม่ได้ ถ้าไม่ทำแล้วใครจะทำ หรือทำจนชินเสียแล้ว ผู้หญิงจำนวนมากเหมาเอามาทำหมดตั้งแต่ในที่ทำงานจนถึงในบ้าน ไปจนถึงเรื่องต่างๆของลูก, สามี, พ่อแม่ตัวเอง, พ่อแม่สามี, ญาติพี่น้อง, เพื่อนฝูง และไหนจะเรื่องของตัวเอง โดยอาจจะคิดว่าถ้าหยุดเมื่อไหร่ก็คือจานจะหล่นแตก อยากบอกว่าก็ให้มันหล่นแตกไปบ้างจะเป็นไรไป ถ้าคิดว่าไว้ทำเสร็จแล้วค่อยพัก หรือจะพักตอนช่วงวันหยุด และเดี๋ยวค่อยพักตอนเกษียณตัวเอง ทีนี้จะว่างสบายแล้ว บอกเลยคงจะไม่มีวันนั้นที่คุณฝันแน่ๆ เพราะเมื่อถึงตอนนั้น คุณคงหยุดพักไม่เป็นเสียแล้ว อยากให้ถามตัวเองว่าพอใจกับการดำเนินชีวิตแนวเล่นกายกรรมจริงหรือ ทำไมเราต้องทำหลายอย่างมากมายในเวลาเดียวกันตลอด ขอให้จัดเวลาหยุดพักให้ตัวเองโดยด่วน เมื่อสามีและลูกบ่นว่าเบื่อควรรับมือยังไงสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง คือการยอมลดคุณค่าของตัวเองเพราะผู้ชายเพียงคนเดียว มีหลายครั้งที่คุณผู้หญิงที่เป็นภรรยาและเป็นแม่มักจะรู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของตนในการทำสิ่งต่างๆ และรู้สึกมีข้อบกพร่องเมื่อได้ยินสมาชิกในบ้านบ่นว่าเบื่อ ผู้หญิงเราไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดเลย เพราะอาการเบื่อหน่ายเป็นอาการปกติธรรมดาของมนุษย์ เริ่มจากประเด็นของสามี อยากให้ภรรยาทั้งหลายถามตัวเองว่า ตัวคุณนั้นพยายามมากเกินไปหรือเปล่าที่จะทำให้ทุกอย่างในบ้านสมบูรณ์แบบไปเสียหมด เคยได้ยินไหมคำว่าสมบูรณ์แบบจนน่าเบื่อ ผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่พอมีครอบครัวแล้วชอบเกิดอาการความจำเสื่อม คือลืมว่านอกจากตำแหน่งตามหน้าที่งานแล้ว ตนเองก็มีหน้าที่เป็นสามีด้วย และยังเป็นพ่ออีกตำแหน่งด้วย เวลาท่านเหล่านี้อยู่ที่ทำงานก็จะมีประชุมต่างๆ มีเลี้ยงแขก มีสัมมนา มีหลายอย่างต้องทำ ซึ่งท่านก็เบื่อนะบางที ทีนี้พอก้าวขาเข้าบ้านได้พักผ่อนเพียงพอจนอิ่มหนำแล้ว ท่านอาจจะบ่นว่าเบื่อ ซึ่งทำให้คุณภรรยารู้สึกร้อนใจเป็นอันมาก รู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของตนที่ต้องแก้ไข เอาจริงๆก็ไม่รู้ว่าท่านเบื่ออะไร แต่ที่แน่ๆ คือท่านไม่มีอะไรจะทำ ก็คุณภรรยาเล่นทำเสียหมดแล้ว ไม่ได้จะบอกว่าการรับหน้าที่ดูแลงานบ้านและดูแลลูกอย่างดีนั้นเป็นความผิด แต่คำถามคือมันสมบูรณ์ไปหรือเปล่า จนเป็นการส่งเสริมให้สามีคุณยิ่งขี้ลืมมากขึ้นหรือเปล่า ว่าเขาอยู่ในบ้านร่วมกับคุณและลูกในฐานะสามีและพ่อ เชื่อสิผู้ชายส่วนใหญ่อยากจะช่วยคุณในเรื่องต่างๆภายในบ้าน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับลูก จึงไม่จำเป็นต้องอนาทรร้อนใจเวลาเขาบอกว่าเบื่อ แค่คุณหยุดทำหยุดจัดการไปเสียหมดทุกอย่างในบ้าน เหลืองานเหลือหน้าที่ให้สามีได้ช่วยคุณบ้าง เชื่อว่าคุณจะไม่ได้ยินเสียงบ่นว่าเบื่ออีกเลย เหมือนที่ “จูเลีย โรเบิร์ตส์” พูดไว้ว่า “คุณผู้หญิงทั้งหลาย คุณไม่ได้เป็นศูนย์บำบัดสำหรับผู้ชายที่ถูกเลี้ยงดูมาไม่ดี ไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะต้องแก้ไขเขา เปลี่ยนแปลงเขา เป็นพ่อแม่เขา หรือเลี้ยงดูเขา คุณต้องการคู่ชีวิต คุณไม่ได้ต้องการใครมาเป็นภาระ” กรณีของลูกก็เช่นกัน คุณไม่จำเป็นต้องคอยง่วนจัดตารางกิจกรรมให้ลูกทำทุกโมงยาม เพราะเกิดอาการกลัวลูกไม่มีอะไรทำซินโดรม ถ้าลูกบ่นว่าเบื่อ ก็ปล่อยให้อยู่กับความเบื่อบ้าง ให้เขาคิดค้นหาอะไรทำได้เอง จะได้มีความคิดสร้างสรรค์บ้าง แม่ที่ดีสมบูรณ์แบบมีอยู่จริงไหมพี่ไม่เคยเชื่อว่าจะมีผู้หญิงคนไหนสามารถเป็นแม่ที่ดีสมบูรณ์แบบได้ การเป็นแม่คนไม่ใช่เรื่องง่าย และเป็นบทบาทที่เหนื่อยยากยิ่ง เป็นงานที่ไม่เคยมีวันลาหยุด, ลากิจ, ลาป่วย แถมยังลาออกไม่ได้ด้วย ถ้าคุณเป็นแม่ที่ไม่มีความเคารพเชื่อถือในตัวเอง คุณจะไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ การกระทำของคุณจะไม่คงเส้นคงวา สิ่งที่ตามมาคือคุณจะถูกลูกปั่นหัวได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าคุณเป็นแม่ที่มีความเคารพเชื่อถือในตัวเองเสมอ ลูกก็จะเคารพคุณโดยอัตโนมัติ และในที่สุดลูกจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเคารพเชื่อถือและเชื่อมั่นในตัวเขาเอง ลูกมักจะทำตามในสิ่งที่เราเป็นและเราทำ เขาจะไม่ทำตามในสิ่งที่เราพูดแล้วพูดอีกซ้ำซาก การรักตัวเองในแบบที่เราเป็นควรเริ่มต้นตรงไหนอย่าพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่คนอื่นตั้งไว้ เมื่อเชื่อว่าตัวคุณทำดีแล้ว ที่สุดแล้ว ก็ขอให้มั่นใจในคุณค่าของตัวเองเสมอ ลองหาความสุขและความพึงพอใจในชีวิตทุกวันจากสิ่งเล็กๆ รอบตัว ที่สำคัญอย่าสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง พี่รู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง เธอจัดว่าเป็นผู้หญิงเก่ง เชื่อมั่นในตัวเอง แถมมีความเก๋เท่ และเป็นคนมีน้ำใจ ต่อมาแต่งงานจนมีฐานะดี ครอบครัวดูเพียบพร้อมมีลูกน่ารัก แต่หลังๆเจอกันความเชื่อมั่นในตัวเองของเธอหายไปหมด แววตาสีหน้าของความสุขสนุกครึกครื้นหายไปหมด บุคลิกเปลี่ยนไปเหมือนมีความขมขื่นในใจ ต่อมาได้รู้ว่าเธอไม่ค่อยมีความสุขกับสามี และไม่มีกะจิตกะใจอยากทำอะไรดีๆเพื่อสามี เพราะสามีและลูกชอบทำท่ารำคาญเธอ ทำให้อะไรๆในชีวิตเธอเหือดแห้งเพราะความน้อยใจ ทั้งที่ทุ่มเทเกินร้อยเพื่อครอบครัว ถามว่าทำไมต้องรำคาญความตั้งใจดีของเธอด้วย คำตอบคือทำดีมากๆแล้วมันเลี่ยนมันเฝือไป จนกลายเป็นหมดความหมายไร้ค่า อยากให้ท่องคำว่าพอดีเป็นคาถาประจำตัว เพื่อดึงความเป็นตัวของตัวเองที่เป็นคนดีด้วยเก่งด้วยกลับมาได้ และปล่อยให้ตัวเองเป็นฝ่ายได้รับความเอื้ออาทรจากสามีและลูกบ้าง.ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ