ข้อเขียนเรื่อง ไอศครีมเลือด เรื่องที่ 24 ใน “เรื่องเล็กๆ ความหมายใหญ่ๆ” (สำนักพิมพ์อินสไปร์ เครือนานมี พ.ศ.2553) สุริยเทพ ไชยมงคล ขึ้นต้นว่าจะว่าหมีขั้วโลกเหนือมีวิถีชีวิตอยู่อย่างซื่อๆไร้เดียงสา ไม่มีศัตรูคู่อาฆาตเลยก็คงไม่ได้เพราะชาวเอสกิโม รู้วิธีที่เล่นงาน...พวกมัน ด้วยวิธีที่มนุษย์ด้วยกันประดิษฐ์คำเรียก “การุณยฆาต”โหดร้ายเลือดเย็น แบบไม่น่าเชื่อไม่มีทางที่มนุษย์จะบุกเข้าถึงตัว ล้มหมีขั้วโลกได้ง่ายๆ ชาวเอสกิโมจึงเริ่มด้วยการไล่ล่าฆ่าแมวน้ำให้ได้สักตัวหนึ่งจากนั้นก็จะใช้มีดเชือดเอาเลือดแมวน้ำใส่ไว้ในถังแล้วก็จะเอาดาบสองคมเสียบไว้กลางเลือดเอาดาบเสียบลงในเลือด ซีกโลกไหนก็ทำไม่ได้ แต่ขั้วโลกเหนืออากาศหนาวมาก ดาบจึงเสียบลงกลางถังเลือดได้ง่ายๆเมื่อชาวเอสกิโม เทถังเลือดลงกลางพื้นหิมะสักแห่ง มันจึงดูเหมือนไอศครีมเลือดแท่งใหญ่ ที่ชวนชิมเหลือเกินโดยธรรมชาติหมีขั้วโลกชอบกินเลือดเป็นชีวิตจิตใจ จมูกของมันไวต่อกลิ่นเลือดแม้อยู่ห่างไปหลายกิโลเมตรเมื่อได้กลิ่นเลือด...หมีขั้วโลกก็จะวิ่งทะยานไปหา ไม่ช้ามันก็มาถึงกลิ่นและสีของไอศครีมเลือดยั่วยวนใจมันนัก ทันทีที่ลิ้นมันแตะหมีขั้วโลกมีความสุขและสดชื่นเหลือหลาย ความเย็นจัดของไอศครีมเลือดทำให้ลิ้นมันชา แต่กระนั้นความรู้สึกอยากลิ้มลอง ก็ยิ่งทวีคูณรสชาติของเลือดยิ่งกินยิ่งหวาน ยิ่งเลียยิ่งติดใจ พักใหญ่ลิ้นมันก็เลียถึงดาบสองคมถึงเวลานั้นหมีขั้วโลกไม่รู้แล้วว่ารสเลือดไอศกรีมที่มันกำลังเลีย ที่จริงคือ เลือดที่ไหลออกจากลิ้นของมันเอง มันยังเลียต่อๆไป จนในที่สุดเจ้าหมีก็เสียเลือดมากจนสลบไสลถึงนาทีนั้นหมีขั้วโลกผู้ยิ่งใหญ่ก็มนุษย์เอสกิโมตัวเล็กผู้ไม่เคยเข้าถึงตัวหมีขั้วโลกได้มาแต่ไหนแต่ไร ก็เอาชนะมันได้ทันทีสุริยเทพ ไชยมงคล จบเรื่องไอศครีมเลือดแค่นี้ เขาเล่าว่า เพื่อนคนที่อีเมลบอกความลับที่ชาวเอสกิโมรู้กันแซ่ดว่า อยากให้เพื่อนๆได้รู้เรื่องหมีขั้วโลกเหนือเป็นแบบอย่างเรื่องเล็กๆมีคำอธิบายความหมายดีๆ ในหัวข้อไม่มีอะไรคุ้มค่าพอที่จะสุขภาพไปแลกมา...ว่าพวกเราคงรู้จักไอคิว ความฉลาดด้านสติปัญญาพอๆกับรู้ว่าอีคิว คือความฉลาดทางด้านอารมณ์เมื่อรู้จักแล้วก็ควรรู้จักข้อต่อไป คือ เอชคิว ความฉลาดทางด้านสุขภาพร่างกายเพื่อนคนหนึ่งวางแผนชีวิตไว้เรียบร้อย จะทนลำบากตรากตรำงานหนักต่อไปอีกสองหรือสามปี เพื่อสร้างฐานะการเงินให้เข้มแข็งมั่นคง จากนั้นจึงเริ่มคบหา สร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนที่รู้ใจสักกลุ่ม เพื่อใช้ชีวิตในวัยสบายๆแต่ไม่มีใครสักกี่คนเคยคำนวณว่าการทำงานหนักถึงขั้นไหน จึงไม่ทำให้หัวใจ สมอง และอวัยวะภายในต่างๆกระทบกระเทือนเกินเลย จนถึงขั้นต้องล้มหมอนนอนเสื่อต้นทุนสุขภาพในช่วงเวลาสองสามปี มากน้อยแค่ไหนไม่อาจคำนวณได้ รูปแบบการใช้ชีวิตอาจดูดีมีระดับขึ้น แต่คุณภาพชีวิตที่ตกต่ำลงไป นั่นซี!การลงทุนเช่นนี้แน่ใจได้อย่างไร กำไรหรือขาดทุนบทสรุปของเรื่องนี้...เงิน ไม่มีใครปฏิเสธเป็นสิ่งที่ดี แต่คงไม่คุ้มค่าเลย หากจะเอาชีวิตทั้งชีวิตไปแลกมาย้อนไปอ่าน เรื่องไอศครีมเลือด ตอนต้นอีกที...อ่านแล้ว อยากตายสบายๆ โดยไม่รู้ตัวว่าตาย แบบหมีขั้วโลกก็ตามใจคุณ.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม