ฝรั่งแช่บ๊วย ผลไม้ทานเล่นที่มีรสชาติครบสามรส คือ เปรี้ยว หวานและเค็ม ความอร่อยของฝรั่งแช่บ๊วยมาจากความสดของฝรั่งและน้ำต้มบ๊วย บางสูตรอาจเติมสีผสมอาหารที่ให้สีเขียวหรือเหลืองในน้ำบ๊วยเพื่อให้ผลฝรั่งดูดซึมทั้งรสชาติและสีเข้าไปในเนื้อฝรั่ง ทำให้มีสีเขียวออกเหลือง สดใสน่ารับประทาน ส่วนสูตรที่ไม่แต่งสีผลฝรั่งจะมีสีน้ำตาลตามธรรมชาติของบ๊วยตามกฎหมายไทยอนุญาตให้ใช้สีผสมอาหารได้ทั้งสีสังเคราะห์และสีที่ได้จากธรรมชาติ แต่ต้องเป็นชนิดที่กฎหมายอนุญาตและใช้ในปริมาณที่กำหนดเท่านั้น เพราะหากร่างกายได้รับสีผสมอาหารเข้าไปปริมาณมากๆหรือมากเกินไป ร่างกายอาจขับออกไม่ทันจนเกิดการสะสม มีผลทำให้เกิดผื่นที่ผิวหนัง หน้าบวม อาเจียน ท้องเดิน มีอาการชา เพลีย อ่อนแรงคล้ายเป็นอัมพาตและสีอาจไปเคลือบเยื่อบุกระเพาะอาหาร ลำไส้ ทำให้ร่างกายหลั่งน้ำย่อยออกมาไม่สะดวกส่งผลให้อาหารย่อยยาก เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และขัดขวางการดูดซึมอาหารได้สถาบันอาหารเก็บตัวอย่างฝรั่งแช่บ๊วย จำนวน 5 ตัวอย่างจาก 5 ร้านค้าในเขตกรุงเทพฯ จ.ปทุมธานีและนนทบุรี เพื่อนำมาวิเคราะห์สีผสมอาหาร 8 ชนิด ได้แก่ เอโซรูบีน (สีแดงเข้ม), บริลเลียนต์ บลู เอฟซีเอฟ (สีน้ำเงิน), อีริโทรซิน (สีชมพู), ฟาสต์ กรีน เอฟซีเอฟ (สีเขียว), อินดิโกทิน (สีน้ำเงินเข้ม), ปองโซ 4 อาร์ (สีแดงสด), ซันเซ็ต เยลโลว เอฟซีเอฟ (สีเหลืองส้ม) และตาร์ตราซิน (สีเหลือง)ผลวิเคราะห์พบฝรั่งแช่บ๊วย 4 ตัวอย่าง ผสมสีตาร์ตราซิน (สีเหลือง) โดยปริมาณที่พบอยู่ในช่วง 27.52-37.05 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมท่านที่ชอบทานฝรั่งแช่บ๊วย ขอแนะว่าอย่าทานในปริมาณที่มากและบ่อยจนเกินไป หลีกเลี่ยงฝรั่งแช่บ๊วยที่มีสีเขียวฉูดฉาดเพื่อป้องกันการสะสมของสีผสมอาหารที่อาจก่ออันตรายต่อร่างกายในระยะยาว. ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัยคลิกอ่านคอลัมน์ “มันมากับอาหาร” เพิ่มเติม