กรุงเทพฯยังจมฝุ่น PM 2.5 เหตุการระบายอากาศที่ต่ำ ต้อง ขยายมาตรการเวิร์ก ฟรอม โฮม ถึงวันที่ 24 ม.ค. พร้อมประกาศห้ามรถบรรทุก 6 ล้อที่ไม่ลงทะเบียนสีเขียวเข้าเขตพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก 23-24 ม.ค.นี้ ด้านรมว.สธ.เชื่อสถานการณ์ฝุ่นปีนี้แนวโน้มรุนแรง เล็งเสนอให้หน่วยงานรัฐเวิร์ก ฟรอม โฮม ทั่วประเทศ และให้ สสจ.จัดทีมดูแลกลุ่มเสี่ยง-เปราะบาง เพิ่มห้องปลอดฝุ่น-มุ้งสู้ฝุ่นจากกรณีกรุงเทพมหานคร (กทม.) ประกาศขอความร่วมมือภาครัฐ-เอกชนให้ทำงานที่บ้าน หรือเวิร์ก ฟรอม โฮม (Work From Home-WFH) ในช่วงวันที่ 20-21 ม.ค.นี้ จากสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่น PM 2.5 และสภาพอากาศตลอดเช้าวันที่ 21 ม.ค.ใน กทม.และปริมณฑล ท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝุ่นจนดูขมุกขมัว ซึ่งสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า รายงานเมื่อเวลา 09.00 น. พบว่า กทม.มีค่าฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ (สีแดง) เกินกว่า 100 ไมโครกรัม ทุกเขต โดยค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุดที่คลองสาน 163.5 ไมโครกรัมต่อมาในช่วงบ่าย ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดแถลงข่าวถึงเรื่องฝุ่นที่ฟุ้งเต็มท้องฟ้าว่า จากการพยากรณ์สถานการณ์ฝุ่น พบสัปดาห์นี้มีการระบายอากาศที่ต่ำ โดยเฉพาะในวันที่ 23-24 ม.ค. สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กทม.จึงออกมาตรการเพื่อควบคุม ได้แก่ ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง การห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป ยกเว้นรถ EV NGV EURO5-6 ที่ปล่อยมลพิษต่ำ ที่ไม่ได้ลงทะเบียนบัญชีสีเขียว ในการเปลี่ยนไส้กรองและน้ำมันเครื่อง เข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ตามมาตรการเขตมลพิษต่ำ หรือ Low Emission Zone เป็นเวลา 2 วัน คือในวันที่ 23 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 24 ม.ค. เวลา 23.59 น. หลังจากนั้นคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นผู้ว่าฯ กทม. กล่าวอีกว่า สำหรับรถที่มีความจำเป็นต้องเข้าพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ ขณะนี้ยังมีเวลาลงทะเบียนให้ดำเนินการตามเกณฑ์ที่กำหนด ในส่วน กทม.จะมีการบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิดจำนวน 259 ตัว ที่บริเวณรอบวงแหวนและใช้กล้องเอไออ่านทะเบียนรถบรรทุกที่ฝ่าฝืน ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งจะมีการขยายผลสืบได้ว่ารถคันที่ฝ่าฝืนอยู่ที่หน่วยงานใดหรือไซต์งานใดก็จะตามไปที่ไซต์งานนั้นด้วย เพื่อตักเตือนถึงขั้นสั่งให้หยุดการก่อสร้างนายชัชชาติยังกล่าวถึงมาตรการ Work From Home ว่า มีการขยายระยะเวลาต่อไปจนถึงวันที่ 24 ม.ค. ซึ่งแต่ละบริษัทมีข้อจำกัด หากใครสามารถทำได้ก็อยากให้ทำ แต่หากไม่สามารถทำได้ ขอความร่วมมือให้ลดการใช้รถยนต์และใช้รถสาธารณะแทน นอกจากนี้ในการปิดโรงเรียนของ กทม.ยังคงให้ผู้บริหารสถานศึกษาใช้ดุลพินิจในการพิจารณา ย้ำว่าไม่อยากผลักภาระให้ผู้ปกครอง เพราะบางครอบครัว หากลูกไม่มาที่โรงเรียนอาจจะวิ่งเล่นที่บ้าน และได้รับอันตรายจากฝุ่นได้ แต่หากมาโรงเรียนก็จะได้มีการรับการดูแลที่ดี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบสั่งปิดไปแล้ว 21 โรง จากทั้งหมด 437 โรง“ขอชี้แจงว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการจูงใจให้คนไปลงทะเบียนสีเขียวด้วยการเปลี่ยนไส้กรองและเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เราไม่อยากไปจับใคร และไม่ได้ปิดห้ามทุกคน เพราะจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจเยอะ แต่อยากให้ร่วมกันทำดี เพื่อลดผลกระทบจากฝุ่นที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ต้องขอความร่วมมือจังหวัดใกล้เคียงในการควบคุมการเผาและในกรุงเทพฯ เราสั่งควบคุมร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มพื้นที่ที่ไม่ให้มีการเผา แต่หากฝ่าฝืนจะมีการจับจริงตามกฎหมาย ส่วนมาตรการเชิงรุกที่ได้ร่วมกับกรมฝนหลวงในการระบายฝุ่นเขตชั้นใน กทม.ยังทำอย่างต่อเนื่อง ส่วนการพ่นละอองน้ำ จากการทดสอบหลายพื้นที่แล้ว พบว่าไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ไม่ได้ช่วยลด PM 2.5 แต่เรายังมีรถฉีดน้ำ ฉีดล้างถนนช่วยลดฝุ่นอยู่ตลอด” นายชัชชาติกล่าววันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวที่ทำเนียบรัฐบาลถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ว่า สถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง กระทรวงสาธารณสุขจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์ถัดไป มีข้อเสนอสำคัญคือ ให้ Work From Home หรือการทำงานที่บ้านทั่วประเทศ ให้หน่วยงานรัฐสามารถตัดสินใจว่าจะให้ทำ งานที่บ้านหรือไม่ บนหลักข้อเท็จจริง เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆเหล่านี้ไม่กล้าตัดสินใจ เชื่อว่าหากภาครัฐทำเป็นตัวอย่าง ภาคเอกชนจะปฏิบัติตาม เชื่อว่าสถานการณ์ปีนี้จะยังคงรุนแรง และฝากให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัย N95 ป้องกันฝุ่นควบคู่ไปด้วยต่อมานายสมศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมภายหลังประชุมหารือแนวทางการดูแลประชาชนในเรื่องฝุ่น PM 2.5 ที่กระทรวงสาธารณสุขว่า ได้มอบหมายที่ประชุมเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงผลการดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ พร้อมกันนี้ยังลงนามบันทึกข้อความถึงปลัด สธ.แจ้งมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ดังนี้ 1.ให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ประจำปี 2568 เตรียมความพร้อม และดำเนินการตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 2172/2567 ลงวันที่ 24 ธ.ค.2567 อย่างเคร่งครัด 2.เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกและสร้างความรอบรู้เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM2.5) ให้กับประชาชนได้รับทราบ โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพ และการป้องกันตนเองจากภาวะฝุ่น PM 2.5 3.ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ จัดทีมปฏิบัติการทางการแพทย์ลงพื้นที่ดูแลกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง รวมทั้งให้ อสม.ดูแลประชาชนในพื้นที่ 4.ขยายบริการด้านการแพทย์สาธารณสุขให้ครอบคลุม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบสูง โดยเพิ่มบริการห้องปลอดฝุ่น และมุ้งสู้ฝุ่น รวมทั้งจัดตั้งคลินิก PM 2.5 การให้คำปรึกษาออนไลน์ในช่องทางต่างๆ และ 5.ให้สนับสนุนอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่างๆ เช่น หน้ากากอนามัย น้ำเกลือ กระบอกฉีดยาสำหรับล้างจมูกอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่