“แพทองธาร” ปลุกอาเซียนต้านภัยออนไลน์ ดันจับมือพัฒนากลไกเข้มแข็งตรวจสอบควบคุมข้อมูลออนไลน์ และใช้เอไออย่างรับผิดชอบสร้างความปลอดภัยในโลกดิจิทัล “ประเสริฐ” โอ่ยกระดับปราบปรามชงนายกฯนั่งประธานลุยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประสานเมียนมา ลาว กัมพูชา ภัยคุกคามไซเบอร์ “โรม” เฉ่งแก๊งค้ามนุษย์-แก๊งคอลฯกัดกินสังคมไทยและสังคมโลกเสียหายยับนับแสนล้าน แต่รัฐบาลยังไร้คำตอบ ซัดนายกฯ-ครม.เมินตอบกระทู้จะแก้ปัญหาอย่างไร จ่อดัดหลังยื่น ป.ป.ช.ฟันชิ่งหนีกระทู้ “อิ๊งค์” คาใจที่ดินอัลไพน์เคลียร์ไปแล้วกลับมาปะทุอีก “อนุทิน” ปัดไม่เกี่ยว ภท.แลกหมัด พท. ชี้ทางออกข้อกฎหมายคดีอัลไพน์เชื่อมโยงที่ดินเขากระโดง อยู่ในอำนาจรองปลัด มท.เพิกถอนกรรมสิทธิ์ เปิดช่องเยียวยาผู้ถือครองที่ดินโดยถูกต้อง บอกมีเวลาถึงเดือน ก.ย.ก่อนเกษียณ ถ้าไม่ทำผิด ม.157ประเทศไทยเผชิญหน้ากับปัญหาภัยออนไลน์ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ของกระบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลให้ร่วมมือแก้ปัญหาเพื่อสร้างความปลอดภัยในโลกดิจิทัล“นายกฯอิ๊งค์” ชงใช้ AI อย่างรับผิดชอบเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 16 ม.ค.ที่โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า การหลอกลวงทางออนไลน์เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อประชาชน ต้องอาศัยความร่วมมือแก้ปัญหาเพื่อสร้างความปลอดภัยในโลกดิจิทัลและเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชน ขอเสนอให้อาเซียนพัฒนากลไกที่เข้มแข็งตรวจสอบและควบคุมข้อมูลออนไลน์ และเสนอให้ใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขอให้ใช้เทคโนโลยี AI อย่างครอบคลุมและมีความรับผิดชอบไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับโลกว่าด้วยธรรมาภิบาลของ AI (Global Forum on the Ethics of AI) ร่วมกับองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ เดือน มิ.ย. จึงเชิญชวนผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดดีอีชงนายกฯนั่ง ปธ.ปราบแก๊งคอลฯนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์ว่า จากที่นายกฯให้ความสำคัญปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กระทรวงได้ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศแล้วระดับหนึ่ง จะขยายผลพูดคุยกันถึงการรักษาความปลอดภัย แลกเปลี่ยนความรู้ดิจิทัล เทคโนโลยี การรับมือป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์การใช้ AI ส่วนการป้องกันอาชญากรรมตามแนวชายแดน ได้เจรจาประเทศสมาชิกอาเซียนติดกับชายแดนไทย จะพูดคุยกับเมียนมา สปป.ลาวและกัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะทำ MOU ระหว่างกัน ส่วนที่นายกฯถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกมีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและศูนย์ AOC สายด่วน 1441 ดูแล แต่ล่าสุดกระทรวงดีอี ได้เสนอ ครม.ยกระดับความเข้มข้นปราบปรามมากยิ่งขึ้นให้มีนายกฯเป็นประธาน เพราะเป็นปัญหาสำคัญ ทำความเสียหายให้ประเทศ จำเป็นต้องยกระดับปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการผบช.สอท.ยันปราบปรามเข้มข้นพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.)กล่าวถึงการสอบสวนนายกฯถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทร.มาหลอกลวงว่ากำลังรอประสานข้อมูลเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมเป็นเสียงบุคคลที่อ้างว่ารู้จัก เรามีข้อมูลอยู่แล้วส่วนหนึ่ง แก๊งพวกนี้มีฐานปฏิบัติการที่ประเทศเพื่อนบ้าน หว่านเป้าหมายไปหมด ข้อมูลบุคคลเป้าหมายหาได้ในระบบออนไลน์ปัจจุบัน ยืนยันหน่วยงานปราบปรามทั้งรัฐบาลและ สอท.ทำเต็มที่ทุกมิติ นายกฯให้นโยบายตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว โดยเฉพาะอาชญากรรมออนไลน์ เรามีการปฏิบัติการเข้มข้นมาตลอด แต่ต้องดูหลายมิติเป็นรูปแบบองค์กรอาชญากรรมมีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายชาติ ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เสนอให้ตัดสัญญาณแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของประเทศเพื่อนบ้านมีความคืบหน้าร่วมกับหลายหน่วยงานเปิดปฏิบัติการได้ในระดับหนึ่ง แต่ลักลอบกระทำความผิดอีกจากความทันสมัยของอุปกรณ์ปัจจุบัน“โรม” ฉะเสียหายนับแสนล้านไร้คำตอบที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ โดยนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน.แสดงความไม่พอใจ กรณีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดีอี ขอเลื่อนตอบกระทู้ด้วยวาจาเเทนนายกฯ เรื่องปัญหาการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตั้งใจจะถามการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นปัญหาใหญ่กัดกินสังคมไทยและสังคมทั่วโลก ข้อมูลความเสียหายมากประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท รวมคนไม่กล้าพูดเอาเข้าจริงความเสียหายอาจสูงถึงแสนล้านบาทดัดหลังยื่น ป.ป.ช.ฟัน ครม.หนีกระทู้“แม้แต่ตัวนายกฯเองที่พูดว่าเกือบจะเป็นเหยื่อของแก๊งคอลฯ คนไทยควรได้รู้ว่าตกลงแล้ว รัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร ได้ประสานล่วงหน้าตั้งเเต่วันที่ 13 ม.ค.แต่กลับไม่มีรัฐมนตรีคนใดมาตอบ ฝ่ายค้านถามกระทู้ไป 20 ครั้ง มาตอบแค่ 13 ครั้ง คิดเป็น 65% หลังจากวันนี้ทุกครั้งที่เรายื่นแล้วท่านไม่มาตอบ เราจะยื่น ป.ป.ช.ทุกครั้ง ถือว่าท่านละเมิดรัฐธรรมนูญ ละเมิดข้อบังคับการประชุม ไม่เคารพต่อสภาฯ ใช้วิธีการนี้ด้อยค่าฝ่ายค้าน ให้มันรู้กันไป” นายรังสิมันต์กล่าว จนนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม วิป ครม.รีบชี้แจงว่า นายประเสริฐต้องเป็นประธานการประชุมดิจิทัลภาคพื้นเอเชีย ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ การบูรณาการกระทรวงต่างๆ นายกฯก็เร่งรัดและกำชับให้เร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชนสภาฯ ถกญัตติด่วนค้ามนุษย์ต่อมาเวลา 14.05 น. ที่ประชุมสภาฯ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องการแก้ปัญหากระบวนการค้ามนุษย์ ที่นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรค ปชน. และนายทรงยศ รามสูต สส.น่าน พรรค พท. เสนอ โดยนายกัณวีร์กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้าขบวนการมาเฟียระดับโลก ขบวนการเหล่านี้ฉลาด เดินนำประเทศไทยไป 3 ก้าว ประเทศไทยอยู่ตรงกลางเป็นไข่ดาว มีเพื่อนบ้าน 3 ประเทศที่มีกาสิโน ธุรกิจออนไลน์ต่างๆและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีคนจำนวนมากถูกหลอกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ แต่การช่วยเหลือเหยื่อยาก ไม่รู้ว่ามีการบูรณาการทำงานกันหรือไม่ หรือติดต่อประเทศปลายทางที่มีเหยื่อค้ามนุษย์หรือไม่ เราไม่มีมาตรการหรือกระบวนการป้องกันเหยื่อให้ดี จึงเสนอให้ส่งไป กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯศึกษากลไกดูแล แก้ปัญหาการค้ามนุษย์ห่วงไทยเป็นฮับอาชญากรรมข้ามชาตินายชุติพงศ์กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นทางผ่านขบวนการค้ามนุษย์ แม้กระทั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ยังบอกถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทร.มาหลอกจนเกือบเชื่อฟังแล้วสะดุ้ง ไม่แปลกที่ประชาชนจะถูกหลอก แต่ประชาชนไม่โชคดีเหมือนนายกฯ แม้จะรู้วงจรการค้ามนุษย์ แต่ยังพบการ หลอกลวงอยู่ รัฐบาลทำได้แค่ 1.การออก พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2.ตั้งสายด่วน 1441 อายัดบัญชี และขอคำปรึกษาการแจ้งความ 24 ชั่วโมง 3.สร้างความร่วมมือระหว่างภูมิภาค แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ น่าเจ็บใจที่รู้ฐานที่มั่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ติดชายแดนไทย ใช้ไฟฟ้าจากไทย มาหลอกดูดเงินคนไทยทุกวัน ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านหลอกประชาชนไปเป็นแรงงานทาส รัฐบาลควรประกาศให้ปัญหาค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ ไทยฝันอยากเป็นฮับแห่งเอเชีย แต่ขณะนี้เราเป็นฮับแห่งอาชญากรรมข้ามชาติ ค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ควรศึกษาแก้ปัญหาเหล่านี้เร่งด่วน จากนั้นที่ประชุมให้สมาชิกอภิปราย สส.ทุกคนสนับสนุนให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา ก่อนมีมติส่งให้กมธ.ความมั่นคงฯไปพิจารณาให้เสร็จใน 90 วันชี้ทุนสีเทาจ้องล้มเอนเตอร์เทนเมนต์อีกเรื่อง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจ สถานบันเทิงครบวงจรหรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า ย้อนไปดูหลายพรรคที่เป็นฝ่ายค้านปัจจุบัน เคยมีนโยบายหาเสียงจะเปิดสถานบริการการพนันหรือบ่อนเสรีให้มีทุกจังหวัดด้วย อยากเรียกร้องให้พรรคฝ่ายค้านกลับไปดูนโยบายพรรคและช่วยกันนำเรื่องจริงของสังคมไทยมาร่วมกันแก้ไข การนำธุรกิจผิดกฎหมายและอยู่ใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน โดยกำกับควบคุมเข้มข้น เป็นทางออกที่จะควบคุมได้จริงจัง ปิดช่องการจะฟอกเงิน ค้ามนุษย์ และยังสร้างรายได้เข้ารัฐ โดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้ศึกษามารอบด้าน ทั้งผลดีและผลกระทบของสังคมทุกมิติ ถึงเวลาที่สังคมต้องช่วยกันต่อสู้กับธุรกิจสีเทา วันนี้ฝ่ายความมั่นคงเริ่มพบว่ามีการขยับจะทำทุกวิถีทาง เป้าหมายต้องล้มร่าง พ.ร.บ.นี้ เพื่อให้พวกเขายังคงธุรกิจสีเทาเหล่านี้ได้ต่อไป สุดท้ายสังคมไทยจะอยู่วังวนเดิมๆมท.1 รับลูกดันพนันออนไลน์ถูก ก.ม.ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดีอี ระบุจับมือกับกระทรวงมหาดไทยผลักดันแก้ปัญหาพนันออนไลน์ให้ได้ภายใน 2 เดือนว่า 2 กระทรวงหารือกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างไปยกร่างกฎหมายของตัวเองก่อนมาประกอบกันในคณะกรรมการที่เอาใต้ดินขึ้นมาบนดิน ทุกวันนี้มีเต็มไปหมด แต่เราไม่ได้สนับสนุนการพนัน จะมีแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ต้องเล่นผ่าน หากทำพนันบนดินแล้ว ยังมีผู้จัดใต้ดินอยู่ต้องโดนลงโทษ ยึดทรัพย์ ถูกดำเนินคดีอาญา เมื่อถามว่ารูปแบบออนไลน์ถูกกฎหมายใครเป็นเจ้ามือ นายอนุทินตอบว่า ต้องกำหนดคุณสมบัติ มีสถานภาพทางการเงินแข็งแรง ต้องมีคณะกรรมการพนันแห่งชาติที่กำกับดูแล เมื่อถามว่าใช้กฎหมายระดับรองจะเอาอยู่หรือไม่นายอนุทินตอบว่า มท.กำลังยกร่าง ยังไม่แน่ใจออกเป็น พ.ร.ก.หรือ พ.ร.บ.แต่เป็นกฎหมายใหม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาฯทสท.ปูดดีลลับแบ่งเค้กกาสิโนที่ฮ่องกงนายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า กาสิโนเพิ่งเริ่มต้น แต่อยากให้ประชาชนจับตาดูเครื่องบินเจ็ตที่จะบินออกจากประเทศไทยช่วงสุดสัปดาห์นี้ พร้อมนักธุรกิจไทย จุดมุ่งหมายเกาะฮ่องกงเพื่อเจรจาแบ่งเค้ก มีผู้มากบารมีที่ยังอยู่ต่างประเทศ เป็นศูนย์กลางเจรจาระหว่างกลุ่มธุรกิจจากไทย จีน และมาเก๊า หากข่าวนี้เป็นจริง ถือว่าเป็นการทำงานรวดเร็วมาก ไม่ต้องรอกฎหมาย แต่ใช้การเจรจาบนโต๊ะจิบไวน์แล้วลงตัวได้เลย ถือได้ว่าเป็นมิติใหม่ของการทำงานของรัฐบาลมากๆ ประธานซุปเปอร์บอร์ดนโยบายกาสิโน คือนายกฯถ้าจะให้ตรงไปตรงมา นายกฯน่าจะเปิดโต๊ะเจรจา ทำทุกอย่างด้วยตนเอง หลังกฎหมายผ่านแล้วจะดีกว่าเด็ก ปชน.โวยเพื่อน สส.ถูกขู่กลางสภาฯเมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ โดยนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ช่วงเปิดให้สมาชิกหารือก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ขอหารือเป็นคนแรก ระบุว่าขอร้องเรียนประธาน เพราะสมาชิก 2 คน มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เดินมาหยอกแกม ข่มขู่ นายสาธิต ทวีผล สส.ลพบุรี พรรค ปชน.ที่นั่งอยู่ ระหว่างประชุมสภาฯเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง สจ.ลพบุรี มีพยานคือนายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร สส.นนทบุรี พรรค ปชน.ที่นั่งอยู่ข้างๆ พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสภาฯ ขอฟ้องประธานให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแฉ 2 สส.ภท.ทั้งบีบไหล่–ขู่แกมหยอกต่อมานายประเสริฐพงษ์แถลงเพิ่มเติมว่า ไม่ได้อยู่ระหว่างเกิดเหตุ แต่ได้ฟังจากพยานมี สส.คนหนึ่งเดินมาหานายสาธิตจับไหล่แล้วพูดว่า “พี่รู้นะว่าน้องทำอะไรอยู่ ขออย่ายุ่งเลือกตั้ง สจ.ในลพบุรีได้ไหม ถ้าน้องยังยุ่งอยู่ ระวังจะอยู่ไม่ได้ใน จ.ลพบุรี” ก่อนอีกคนมาบีบไหล่ ทำให้ สส.อนุสรณ์ค่อนข้างตกใจ เขาจึงพูดว่าหยอกๆแล้วเดินไป เป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม จึงแจ้งต่อประธาน การต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าเวทีไหน ต้องต่อสู้แบบแฟร์ๆ จะมาพูดแบบหยอกแกมขู่เราฟังรู้เรื่อง เพียงแต่นายสาธิตอาจไม่โต้ตอบเพราะเป็นคนอ่อนน้อม ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็น สส.พรรคใด สีแดงหรือสีน้ำเงิน นายประเสริฐพงษ์เลี่ยงที่จะตอบ แต่ช่วงท้ายยื่นมือไปจับสายคล้องบัตรของผู้สื่อข่าวที่เป็นสีน้ำเงิน“มัลลิกา” ฉุน “ประเสริฐพงษ์” พูดเกินจริงต่อมาเวลา 13.45 น. ในที่ประชุมสภา หลังพิจารณากระทู้ถามเสร็จสิ้น ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมปกติ น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช สส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย (ภท.)ชี้แจงกรณีถูกพาดพิงมี สส.ไปข่มขู่สส.ลพบุรี พรรค ปชน.กลางสภาฯไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือก สจ.ว่า ขอให้ประธานสภาฯตั้งกรรมการสอบนายประเสริฐพงษ์ ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ตนเป็นผู้ถูกกล่าวหาและถูกพาดพิงนายสาธิต ทวีผล สส.ลพบุรี พรรค ปชน.มาขอร้องอย่าให้มีเรื่องเลย ยืนยันไม่ได้เป็นคนไปเล่าเหตุการณ์ให้นายประเสริฐพงษ์ฟัง เรื่องนี้ต้องเคลียร์ การพูดจาเกินความเป็นจริงไม่ใช่นิสัยผู้นำ คนเป็นนักการเมืองต้องพูดจริง ขอให้ตั้งกรรมการสอบเรื่องนี้“สาธิต” เสียงอ่อยบอกเข้าใจผิดแค่อำกันขณะเดียวกันนายสาธิต ทวีผล สส.ลพบุรี พรรค ปชน.ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เป็นความเข้าใจผิด ข้อมูลคลาดเคลื่อน นายประเสริฐพงษ์ออกมาพูดเจตนาเพื่อปกป้อง สส.รุ่นน้องในพรรค ปกติตนและ น.ส.มัลลิกาพูดเล่นกันแบบนี้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้ติดใจอะไรต่อมาเวลา 14.15 น. น.ส.มัลลิกา จิรกพันธุ์วาณิช สส.ลพบุรี พรรค ภท. แถลงว่าขอให้ตั้งกรรมการสอบว่าใครพูดจริงหรือไม่จริง เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาพูดขยายจนเป็นเรื่อง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของนายประเสริฐพงษ์ ก่อนหน้านี้เคยพูดจาเกินความจริง จึงต้องตั้งกรรมการสอบ ช่วงที่เข้าไปพูดคุยกับนายสาธิต ทวีผล สส.ลพบุรี พรรค ปชน.ไม่ได้บีบไหล่หรือหยิกแก้มตามที่เป็นข่าว แค่แตะแขนทำเป็นเรื่องปกติกับคนที่รู้จัก รักหรือสนิท ถ้าไม่สนิทไม่จับหรอก นายประเสริฐพงษ์ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่อ้างชื่อ สส.อีกคนว่าเป็นพยานได้ พูดเกินจริง“อิ๊งค์” คาใจที่ดินอัลไพน์กลับมาปะทุอีกเมื่อเวลา 09.45 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หลังสื่อมวลชนถามตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่า ทำไมกรณีที่ดินอัลไพน์ถึงถูกหยิบยกขึ้นมาในช่วงนี้ ทั้งที่เคยเคลียร์ไปแล้ว โดยนายกฯยิ้มก่อนย้อนถามสื่อว่า “สังเกตไหมล่ะ”“อนุทิน” ชี้ทางออกเพิกถอนกรรมสิทธิ์เมื่อเวลา 12.25 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย (มท.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรมช.มท. ก่อนพ้นตำแหน่งได้เซ็นคำสั่งเพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับคืนเป็นที่ธรณีสงฆ์ว่า นายชาดาได้เซ็นให้กรมที่ดินปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่นายชาดาไม่มีอำนาจในการเพิกถอน เพราะเป็นอำนาจของรองปลัด มท. นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ที่พิจารณาข้อกฎหมายที่ไม่ใช่เฉพาะคดีอัลไพน์ รวมถึงคดีที่ดินเขากระโดงด้วย ขณะนี้การเพิกถอนอยู่ระหว่างกระบวนการมาถึงจุดที่เป็นดุลพินิจของนายชำนาญวิทย์แล้ว หากไม่ดำเนินการผิดตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และท่านก็มีเวลาถึงเดือน ก.ย.นี้ก่อนเกษียณราชการ เชื่อได้ว่าจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อย เพราะดุลพินิจถูกล็อกมาตามแนวทางของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ต้องเพิกถอนกรรมสิทธิ์ ด้วยการออกเอกสารสิทธิของที่ดินอัลไพน์เป็นโมฆะ และที่ดินกลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ เมื่อถามว่าอำนาจเพิกถอนที่ดินสิ้นสุดที่รองปลัดแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า สมมติรองปลัด มท. ให้เพิกถอนที่ดิน ส่วนผู้เสียหายที่ไม่พอใจก็ให้ไปร้องต่อศาลเป็นรายบุคคลไปปัดไม่เกี่ยวข้อง ภท.แลกหมัด พท.เมื่อถามว่าหากเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ กรมที่ดินต้องเยียวยาผู้ถือครองโดยสุจริตหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า อันนั้นก็ว่ากันไป กรมที่ดินหนักหน่อยที่เป็นผู้เก็บค่าธรรมเนียม ออกโฉนดให้แก่ประชาชน หากเกิดอะไรขึ้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนใครถูกผิดก็ต้องไปไล่เบี้ยกัน ตรงนี้เคยให้นโยบายกรมที่ดินไปแล้ว เมื่อถามย้ำว่าหากเพิกถอนที่ดินผู้ถือครองโดยสุจริตต้องได้ชดใช้ตามการประเมินมูลค่าที่ดินในปัจจุบัน นายอนุทินตอบ ใช่ เมื่อถามว่า ประเด็น อัลไพน์ ถือเป็นการแลกกันคนละหมัด ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่หลังจากที่ ก่อนหน้านี้ มีการดำเนินการกรณีที่ดินเขากระโดง นายอนุทินตอบว่า ไม่มี เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ถ้าตนไปสั่งรองปลัด มท.เมื่อไหร่ แล้วรองปลัด มท.ไปพูดต่อ ตายเลยเพราะเป็นอำนาจโดยชอบธรรมของรองปลัด มท. รัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ไปยับยั้ง เมื่อถามว่าเรื่องไม่เชื่อมโยงกับการเมืองใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่าไม่ใช่ การไปโยงกับการเมืองทำให้คนมีอารมณ์ร่วมเปล่าๆ ถึงตนไม่ใช่ มท.1 เรื่องนี้รองปลัด มท.ก็ต้องดำเนินการขึงขังฟันคนผิดออกโฉนดมิชอบเมื่อถามว่าพิจารณาเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ ต้องชี้แจงต่อนายกฯหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เคยชี้แจงแล้ว เมื่อถามว่าหากไปเพิกถอนที่ดินครอบครัวนายกฯ กรมที่ดินมีเงินเพียงพอเยียวยาหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ก็เงินของรัฐบาล เขากระโดงก็เหมือนกัน เขามีโฉนดถูกต้องต้องเอาเงินไปเยียวยาเขาในมูลค่าปัจจุบัน แต่ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น พวกเราไม่เกี่ยว แต่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะอย่าลืมว่าหากประชาชนทั่วไปไม่สามารถเชื่อถือเอกสารของรัฐได้แล้ว ประเทศอยู่ไม่ได้ ดังนั้นคนที่ออกเอกสารสิทธิอะไรไปต้องรับผิดชอบกรมที่ดินตั้งแท่นเพิกถอนการโอนขณะที่กรมที่ดินออกเอกสารข่าวระบุว่า หากสำนักกฎหมาย สำนักงานปลัด มท. โดยนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัด มท. มีคำสั่งเพิกถอนการที่ดินอัลไพน์เป็นที่ธรณีสงฆ์ ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาและศาลที่วินิจฉัยเอาไว้ เพื่อให้คำสั่งกรมที่ดินกลับมามีผลในการเพิกถอนการโอนที่ดินระหว่างมูลนิธิมหามงกุฎฯกับเอกชน ทางกรมที่ดินพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎหมายในส่วนที่กรมที่ดินต้องรับผิดชอบทันที โดยการเพิกถอนรายงานการจดทะเบียนโอนมรดกที่ดินของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา รวมถึงรายการจดทะเบียนในลำดับต่อมานายกฯลั่นทำให้คนเข้าถึงโอกาสเมื่อเวลา 10.10 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พร้อมนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.นราธิวาสและยะลา ไปถึงท่าอากาศยานนราธิวาส เวลา 11.25 น. จากนั้นไปที่ลานพิกุล ม.นราธิวาสราชนครินทร์ พบปะนักศึกษาและผู้ปกครองที่เข้าร่วมมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ “มีอยู่ มีกิน มีใช้” มีนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ต้อนรับ ประชาชนจำนวนมากรอต้อนรับ ขอถ่ายภาพเซลฟี่คึกคัก โดยนายกฯกล่าวว่า ขอบคุณทุกภาคส่วนที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาไกล่เกลี่ยหนี้ รัฐบาลจะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างโอกาสดีๆให้ประชาชน จะพยายามให้ประชาชนทุกคนได้รับโอกาสในทุกพื้นที่ สนับสนุนช่วยเรื่องการศึกษา ให้มีทักษะและศักยภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับธุรกิจสิ่งใหม่ๆฝาก สส.บอก ปชช.แก้ปัญหาคนใต้เต็มที่ต่อมาเวลา 13.20 น.ที่ห้องประชุมสำนักงานอธิการบดี นายกฯเป็นประธานการประชุมเร่งรัดติดตามความก้าวหน้างานด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้และติดตามโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก โครงการรถไฟทางคู่หาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ผวจ.นราธิวาส ผู้บริหารส่วนราชการ จ.นราธิวาส นายกูเฮง ยาวอฮะซัน สส.นราธิวาส เขต 4 นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส เขต 5 พรรคประชาชาติ เข้าร่วม โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า มารับฟังปัญหาในพื้นที่มีอะไรบ้างที่ส่วนกลางช่วยได้ เรื่องคมนาคมฝากให้จังหวัดดูเวลา ไม่ต้องการให้ล่าช้า สะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก คาดว่าเปิดใช้ได้ในปี 70 รถไฟทางคู่ช่วงหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ประชาชนจะได้รับประโยชน์ ฝาก สส. ผู้บริหารส่วน ท้องถิ่น ฝากบอกประชาชนว่ารัฐบาลยินดีที่จะสนับสนุน แก้ไขปัญหาทุกอย่างให้พี่น้องชาวใต้เต็มที่ ขอเน้นย้ำให้ส่วนราชการอย่าห่างเหินกับประชาชน อะไรเป็นความเดือดร้อนจะรอช้าไม่ได้ไม่ว่าเชื้อชาติใดเป็นคนไทยขอให้รักกันจากนั้นเวลา 15.30 น.นายกฯและคณะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปถึง รร.ธรรมวิทยามูลนิธิ อ.เมือง จ.ยะลา ท่ามกลางฝนที่ตกโปรยปรายลงมา มีนักเรียนร้องเพลงมาร์ชเป็นภาษามลายูต้อนรับ และถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกับเด็กนักเรียนอย่างสนุกสนาน โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า น้องๆทุกคนคงได้ยินซอฟต์พาวเวอร์บ่อย ซอฟต์พาวเวอร์มีอยู่ทุกที่ เราจะส่งเสริมเรื่องนี้ต่อเต็มที่ มีโอกาสดีๆอีกมากมายในประเทศไทยที่รัฐบาลต้องจัดสรรให้ประชาชนที่รักของเราทุกคน จากนั้นพบปะผู้นำศาสนา ทักทายเป็นภาษามลายูว่า “อัสซะลามุอะลัยกุม” ขอบคุณผู้นำทางศาสนาทุกท่านที่สอนน้องๆให้มีจิตใจที่แข็งแรง เราอยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าศาสนา เชื้อชาติใด แต่เราเป็นคนไทยด้วยกัน ขอให้รักกันอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่