เป็นคู่รักกุ๊กกิ๊กขยันเสิร์ฟคอนเทนต์หวานลงโซเชียลรัวๆ สาว “มายด์-ณภศศิ สุรวรรณ” เป็นความรักที่สดใสเปิดโลกหนุ่ม “สงกรานต์ เตชะณรงค์” ล่าสุด มายด์ เล่าแบบหมดเปลือกในรายการ WOODY INTERVIEW ถึงจุดเริ่มต้นความรักกับสงกรานต์ ที่กว่าจะมีวันนี้ ผ่านช่วงที่ใครๆ ก็เตือนจะไหวเหรอ รวมทั้งย้อนเล่าอดีตที่เคยโดนด่า ดัดเสียง แอ๊บแบ๊ว จนเป็นปมมายด์ เปิดใจเริ่มจากถามว่า เจอกับสงกรานต์ เตชะณรงค์ได้ยังไง?“กับพี่กรานต์ตอนนั้นคือต้องบอกว่าด้วยวัยที่ค่อนข้างห่างกันประมาณ 8 ปีค่ะ เขาเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่ ได้เจอกันตามงานแล้วก็ในการตีกอล์ฟด้วย” คบกันมากี่ปีแล้ว?“น่าจะเกือบปีแล้วนะคะ คือมีโอกาสเจอกันแล้วก็ได้คุย พี่เขาก็เหมือนมาคุยกับเราเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้วอะไรหลายๆอย่างมันโอเค ตอนนั้นหนูก็ไม่ได้มีใคร เหมือนหลังๆเราก็มาโฟกัสกับงาน เริ่มทำธุรกิจเยอะ ก็เลยมีปรึกษากันด้านการทำธุรกิจบ้าง ทัศนคติในการใช้ชีวิต มีโอกาสคุยกันมากขึ้นทั้งเรื่องกอล์ฟและเรื่องการทำงานหลายๆอย่างที่คุยแล้วได้หลายมุมที่ทำให้มายด์โตขึ้นด้วย เราได้เรียนรู้อะไรจากเขา ตอนแรกคนเตือนหนูเยอะมาก ว่าพี่สงกรานต์จริงๆเหรอ ที่อาจจะมีมุมข่าวที่เราเห็น คุณพ่อคุณแม่มายด์ก็เห็น เขาก็ถามเราว่าจะไหวเหรอ พี่เขาจะจริงจังจริงใจกับเราไหม ซึ่งมายด์ฟังทุกคนที่เตือน แต่มายด์ก็รู้สึกว่าสุดท้ายช่วงชีวิตของแต่ละคน มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ใช่ตัวเราจะเกิดมาแล้วดีทุกอย่างเหมือนกัน เราก็มีจุดผิดพลาด หรือมีอะไรที่เป็นเหตุเกิดในชีวิตแล้วทำให้เราเรียนรู้กับมันแล้วโตขึ้น จากการที่ มายด์สัมผัสกับตัวเอง เราบอกกับทุกคนว่ามายด์รับฟังและระวัง มายด์ไม่ได้เป็นคนที่ใช้ใจทั้งหมด เราก็จะใช้สมองแล้วก็คิด เรามองหลายด้านมาก การคุยของพี่เขา โอเคเขาก็อาจจะเป็นคนที่มีคารมดีและมีเสน่ห์ในการจีบผู้หญิงอันนี้ไม่เถียง แต่ว่าในมุมอีกหลายๆมุมที่มองเห็นในตัวเขารู้สึกสัมผัสได้ถึงความจริงใจ เขาไม่ได้เป็นคนที่มีอะไรซับซ้อน ค่อนข้างจะตรงๆด้วยซ้ำ แต่อาจจะด้วยอารมณ์ของเขาที่เป็นผู้ชายจ๋าๆเลย พอเขาเริ่มมาเจอคนรอบตัวเราก็กลายเป็นว่าทุกคนก็เห็นด้วยว่าเขาน่ารัก”ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหมตั้งแต่มีสงกรานต์?“เปลี่ยนไปเยอะนะคะ อย่างแรกเลยขอบคุณพี่กรานต์ ต้องยอมรับว่าคนรู้จักมายด์ขึ้นทุกวันนี้และมีโอกาสเห็นเรามากขึ้น รู้จักตัวตนเรามากขึ้นก็เพราะพี่สงกรานต์ พอเริ่มมีจุดที่มีข่าว คนก็เริ่มมาสนใจว่าคนนี้คือใคร แล้วก็ได้มาเห็นเรามากขึ้น แล้วอีกหนึ่งอย่างคือเรื่องของการใช้ชีวิตค่ะ เราก็ดีขึ้นหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ออกกำลังกายหนักมากค่ะ” จำได้ว่าตอนนั้นดังมากคนรู้จักเยอะแต่มายด์เองรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับวงการบันเทิง?“ตอนเด็กมายด์เป็นคนค่อนข้างเป็นเด็กเรียนมาก เนิร์ดมาก ความฝันวัยเด็กคืออยากเป็นคุณครูหรือคุณหมอ ความฝันของเราไม่เคยอยู่ในวงการเลย รู้สึกว่ามันห่างไกลมาก เป็นเด็กต่างจังหวัดด้วยอยู่ชลบุรี พอวันที่เข้ามาในวงการบันเทิงตอนแรกก็ไม่มั่นใจ ทุกวันนี้ก็ยังมีความไม่มั่นใจรู้สึกว่าตัวเองหัวโตกว่าตัว เวลาเข้ากล้องมันจะเหมือนขยายขึ้นอีก 30% ในตอนแรกๆมายด์จะทำผมแบบปิดหน้าหมดเลย เพราะรู้สึกว่าตัวเองหน้าใหญ่ ซึ่งเป็นปมที่อยู่กับเรามานาน เลยคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่ทางแล้วก็จะมียุคที่เราก็เล่นละคร แล้วเราก็อาจจะไม่ได้สวยในทุกมุม เราเป็นคนที่เพอร์เฟกชันนิสนิดหนึ่งเวลาอยู่ในกล้องทำไมด้านนี้มันไม่สวยก็จะไม่มีความสุขแล้ว สมัยนั้นการแพทย์ก็ยังไม่ได้มีเท่านี้ ก็ไปทำงานด้วยความไม่มั่นใจ ตอนนั้นความคิดก็ยังอาจจะไม่ได้โตแบบทุกวันนี้เลยคิดว่าเราอาจจะไม่เหมาะก็ได้”มีคอมเมนต์ไหนที่ทำให้เรารู้สึกเครียดมั้ย?“มีค่ะ แต่อยากจะบอกว่าทุกวันนี้เราโตขึ้นจนเราเห็นคำพูดเหล่านั้นแล้วสามารถปล่อยได้ มายด์จำได้เลยก่อนที่มายด์จะได้รับตำแหน่งอุทัยทิพย์ตอนแรกที่อยู่ในช่วงการประกวดทุกคนชื่นชมและพูดถึงในทางที่ดีมาก แต่พอหลังจากวันหนึ่งที่เราได้ตำแหน่งแล้ว เราเริ่มมีแสงมากขึ้น ก็เริ่มมีคอมเมนต์ด้านลบเข้ามาเยอะขึ้น ดัดเสียงแอ๊บแบ๊ว ในยุคนั้น ก็เสียใจแต่มายด์มีคนรอบตัวที่ดีมากๆครอบครัว เพื่อนๆที่เขาเป็นส่วนผลักดัน คำพูดของคนรอบข้างหล่อหลอมเราให้มีพลังในตัวเองทำให้ผ่านจุดนั้นมาได้ สิ่งที่มีพลังลบก็ไม่สามารถมากระทบตัวเราได้ สุดท้ายแค่ทำตัวเราให้มันดีส่วนไหนที่มันด้อยจริง ก็เอามาปรับปรุงให้ดีขึ้น ทุกวันนี้รู้สึกว่าหลายๆคนใน TikTok ที่เขามาเป็นพลังบวกให้หนู แล้วพลังบวกที่หนูส่งต่อกลับไปให้เขามันถึงจริงๆ เลยรู้สึกว่าทุกวันนี้มีคนเอ็นดูเราเยอะขึ้นมากๆกว่าตลอดการทำงานในชีวิต ช่วงปีนี้เป็นช่วงที่รู้สึกมีความสุขในการทำงานมากขึ้นเยอะเลยค่ะ มั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วย”.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่