กองปราบฯร่วมกับ ปปง.ตะครุบหลานสาวหลานเขยเจ้าของบริษัทแปรรูป “แหนมดอนเมือง” คาวัดดัง จ.สุพรรณบุรี ขณะไปทำบุญวันเกิดแม่ หลังทุจริตเงินบริษัทมโหฬารร่วม 400 ล้านบาท เผยก่อนนี้ตัวแทนบริษัทพบความผิดปกติเรื่องการเงินนำหลักฐานร้องกองปราบฯตรวจสอบ กระทั่งพบหลานสาวแท้ๆที่ดูแลบัญชีและการเงินทุจริตตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปี 2566 รวมกว่า 1,000 ครั้ง ก่อนที่จะยักย้ายถ่ายเทเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินต่างๆ พบบางส่วนมีชื่อสามีเป็นผู้ครอบครองด้วย สอบสวนทั้งคู่ยังคงปฏิเสธกองปราบฯรวบหลานสาวหลานเขย “แหนมดอนเมือง” โกงมโหฬาร 400 ล้านบาท เปิดเผยเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 8 พ.ค. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.กรพงศ์ วงษาลังการ, พ.ต.ต.อัครวุฒิ จันทร์เจริญ, พ.ต.ต.เอื้ออังกูร ชินโชติธีรนันท์, พ.ต.ต.วรัท เสริมสุจริต, พ.ต.ท.สรศักดิ์ แสงจันทร์ สว.กก.2 บก.ป.นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ป. เจ้าหน้าที่ กก.1 และ 2 บก.ปอท.และเจ้าหน้าที่จาก ปปง.รวมกว่า 100 นาย กระจายกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 7 จุดใน จ.ปทุมธานี 5 จุด จ.นครนายก 1 จุด และ จ.นครราชสีมา 1 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตบริษัทแปรรูปแหนมดอนเมืองความเสียหายเกือบ 400 ล้านบาทเป้าหมายสำคัญอยู่ที่บ้านเลขที่ 1128/161 หมู่บ้านคาซ่าวิลล์ รังสิต-คลองสอง อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ของนายธชธร เนื้อเย็น อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” และ น.ส.นภษร หรือไข่มุก เนื้อเย็น อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ลักทรัพย์นายจ้าง, ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ, ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน” สองสามีภรรยาผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีทันทีที่เจ้าหน้าที่ไปถึงพบบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านหรูสองชั้นขนาดใหญ่มีรั้วรอบขอบชิด แต่เปิดประตูรั้วทิ้งไว้อย่างผิดปกติ ได้กระจายกำลังปิดล้อมพร้อมตรวจสอบรอบตัวบ้านแต่ไม่พบบุคคลใดอยู่ในบ้านพัก ได้เร่งสืบหาเบาะแสก่อนทราบว่าทั้งคู่ขับรถออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อเช้ามืดเพื่อไปทำบุญวันคล้ายวันเกิดแม่ น.ส.นภษร ที่วัดชัยเภรีย์ ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ประสานกำลังตำรวจทางหลวงจัดกำลังเร่งติดตามกระทั่งจับกุมผู้ต้องหาทั้งคู่ได้ที่บริเวณลานจอดรถวัดชัยเภรีย์นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้แบ่งกำลังอีกส่วนหนึ่งเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 55/70 ม.1 หมู่บ้านพิศภิมุข ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี บ้านพักพี่สาว น.ส.นภษร เพื่อสืบหาทรัพย์สินที่เชื่อว่าน่าจะได้มาจากการกระทำผิด พบรถหรูยี่ห้อปอร์เช่ รุ่นคาเยน ของ น.ส.นภษร จอดเก็บไว้อยู่โรงจอดรถข้างบ้าน 1 คัน ตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นของกลางสำหรับการปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 2566 บริษัท แหนมดอนเมืองเจริญศรีมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผลิตภัณฑ์แปรรูปแหนมยักษ์ใหญ่ชื่อดังก่อตั้งมานานกว่า 40 ปี ตรวจพบความผิดปกติภายในบริษัทเชื่อว่าน่าจะมีการฉ้อโกงทุจริตเงินบริษัทจากบุคคลภายในเกิดขึ้น ส่งตัวแทนเข้าร้องทุกข์กับตำรวจ กก.2 บก.ป.ตรวจสอบข้อเท็จจริงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสจนกระทั่งทราบว่า น.ส.นภษร หนึ่งในผู้ต้องหา หลานสาวแท้ๆเจ้าของบริษัทที่มอบหมายให้มาทำหน้าที่ดูแลด้านการเงินและบัญชีรายรับ-รายจ่าย เนื่องจากไว้ใจเพราะเป็นลูกหลานแท้ๆ แต่กลับเป็นผู้ทุจริตลักทรัพย์เงินบริษัทเสียเองจากแนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่พบหลักฐาน น.ส.นภษร โอนเงินจากบัญชีธนาคารของบริษัท และ นำเช็คของบริษัทออกไว้เพื่อใช้ชำระค่าสินค้าแก่คู่ค้าของบริษัทโอนเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัว รวมถึงเบิกเงินสดตามรายการใบแจ้งหนี้ของบริษัทคู่ค้าแต่ไม่ได้นำไปจ่ายจริง ก่อนนำเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า น.ส.นภษร เริ่มทุจริตลักษณะดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปี 2566 รวมกว่า 1,000 ครั้ง ได้เงินไปประมาณ 396,229,584 บาท ก่อนจะยักย้ายถ่ายเทเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินต่างๆ เช่น ที่ดินแปลงใหญ่ในพื้นที่ จ.นครนายก บ้านและรถยนต์หรู รวมถึงทรัพย์สินมีค่าอื่นๆอีกหลายรายการ ทรัพย์สินบางส่วนมีชื่อ นายธชธร สามี เป็นผู้ครอบครอง จนนำมาสู่การรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายดังกล่าวอย่างไรก็ตาม จากปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายได้แล้ว เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจยึดทรัพย์สินที่เชื่อว่าน่าจะได้มาจากการกระทำผิดหลายรายการ โดยเฉพาะบ้านพัก โฉนดที่ดิน และรถหรูยี่ห้อต่างๆหลายคัน เพื่อนำมาตรวจสอบที่ไปที่มาของการได้มาซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ให้แน่ชัดต่อไปจากการตรวจสอบทรัพย์สินนายธชธร และ น.ส.นภษร หรือไข่มุก เบื้องต้นพบมีบ้านหรูในหมู่บ้าน ดังกล่าว 3 หลัง บ้านพักตากอากาศใน จ.นครราชสีมา ห้องพักคอนโดมิเนียมปล่อยเช่า 6 ห้อง รถปอร์เช่ รุ่นคาเยน 1 คัน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทรอัมพ์ และบีเอ็มดับเบิลยู 3 คัน สมุดบัญชีธนาคาร เอกสารต่างๆรวมถึงทรัพย์สินมีค่า เสื้อผ้า กระเป๋าแบรนด์เนมอื่นๆจำนวนมาก โดยเฉพาะตู้เซฟนิรภัยภายในบ้านพักที่ จ.ปทุมธานี และบ้านที่ จ.นครราชสีมา ตู้เซฟนิรภัยที่เช่าเก็บทรัพย์สินตามธนาคารต่างๆ คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน จะสามารถสรุปยอดตัวเลขที่แท้จริงได้ เบื้องต้นทั้งคู่ยังคงยืนกรานปฏิเสธ แต่จากหลักฐานเส้นทางการเงินพบว่ามีการโอนถ่ายเงินจากบัญชีธนาคารเจ้าของบริษัทเข้ามาที่บัญชีธนาคารส่วนตัวเป็นเงินจำนวนมาก ก่อนจะผ่องถ่ายออกไป อีกทั้งจำนวนเงินและทรัพย์สินที่ได้มานั้น ไม่สอดคล้องกับรายได้ของทั้งคู่ โดยน.ส.นภษร แม้จะมีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆของเจ้าของบริษัท มีตำแหน่งเป็นเพียงพนักงานบัญชีมีเงินเดือนประมาณ 29,000 บาทเท่านั้น ขณะที่นายธชธร อดีตเคยเป็นเซียนพระแต่ปัจจุบันได้ออกห่างจากวงการพระเครื่องไปหลายปีแล้วอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่