ชื่อประสิทธิ์ ไชยชมพู สำหรับผมขึ้นชั้น เป็นคลังความรู้ลึกๆ เรื่องศัพท์แสง ครับ ในหนังสือ ศัพท์สันนิษฐาน เล่ม 1 (สำนักพิมพ์มิตรสุวัณภูมิ พ.ศ.2562) ผมสะใจ กับศัพท์ น้ำส้มสายชูคุณประสิทธิ์บรรยายว่า มนุษย์รู้ผลิตน้ำส้มสายชูมาแต่โบราณ ทั้งในยุโรปและเอเชีย อดีตได้จากหมักผลไม้ ฝ่ายเอเชียนิยมน้ำส้มสายชูหมักจากข้าวส้ม กริยาวิเศษณ์ขยายน้ำ หมายว่า น้ำรสเปรี้ยว เพียงสองพยางค์ต้นก็เข้าใจแล้ว ทำไมต้องห้อยมาอีกสองพยางค์ ซึ่งไม่ช่วยขยายความเข้าใจมากขึ้น กลับทำความคลุมเครือมากด้วยซ้ำถ้า “สายชู” เป็นคำไทย สาย=? ชู=? เดาว่า สาย< ใส ใส่ < > (รส) สันนิษฐานที่ได้รับความเชื่อถือคือ แผลงจากศัพท์จีนชาวจีนรู้จักทำน้ำส้มสายชูหลายพันปีแล้ว จากบันทึก “โจวหลี่” เขียนโดย “โจวกง” เมื่อ 1058 ปีก่อนคริสต์ศักราช 3077 ปี ระบุมีการผลิตน้ำส้มสายชู ถึงขั้นมีโรงกลั่นแล้วบันทึกสำคัญ คือฉีหยินเย่าซู ระบุ “ชู่” คือน้ำส้มสายชูปัจจุบัน สมัยโบราณ บันทึกขั้นตอนการหมักน้ำส้มสายชูอย่างละเอียดนักประวัติศาสตร์นามว่า ห่าวซู่โหว ได้สำรวจที่ไท้เอวี๋ยน พบก่อน ค.ศ.479 เมื่อตั้งเมืองจิ้นหยาง มีคนทำน้ำส้มสายชู คนถิ่นอื่นจึงเรียกชาวซานซีว่า เหล่าซีร์เอ๋อร์คำว่า ซี เสียงพ้องคำว่า ซู่ อักษรโบราณ มาเรียกชาวซานซี สะท้อนว่า ซานซี เป็นแหล่งกำเนิดน้ำส้มสายชูของจีนมานานกว่า 2357 ปีสายชู น่ามาจากแหล่ง “ซานซี” หรือซานชู่ จนเป็นคำว่า น้ำส้มซานชู่ หรือ “น้ำส้มสายชู”ตัวอักษรจีนสองคำ จีนกลางอ่านว่า เจ้อชู่ แต้จิ๋ว อ่านจิ๊กโฉ่ว นิยมใช้เป็นนํ้าจิ้มติ่มซำ อักษรจีนคำแรก ย่อมาจาก เจ้อเจียง เมืองเอกมณฑลเจ้อเจียง คำหลังอ่าน ชู่=น้ำส้มสายชู ผลิตโดยชาวเจ้อเจียงยึดข้อมูลฝ่ายจีน มีแนวโน้ม น้ำส้มสายชู มาจากศัพท์จีน มากเอาการทีเดียวเผลอใจไปกับที่มาของคำว่า สายชู ยังไม่พอ ประสิทธิ์ ไชยชมพู ยังค้นคว้า เรื่องเล่า...สมัยถังไท่จงฮ่องเต้ ตั้งพระทัย พระราชทานสาวงาม เป็นรางวัลความสามารถให้ ผังเสวียนหลิง เสนาบดีคู่พระทัย (ค.ศ.579-648)แต่เจ้าตัวไม่ขอรับทรงพอรู้ความนัยอยู่บ้าง จึงทดสอบด้วยการให้ขันที เชิญสุราพิษหนึ่งป้านไปให้ หลูซื่อ ภรรยาผังเสวียนหลิง พร้อมพระราชโองการ “หากมิยินยอมให้ผังเสวียนหลิงรับภริยาน้อยเข้าจวน ก็ให้ดื่มสุราพิษปลิดชีพตัวเอง”สิ้นเสียงอ่านพระราชโองการ นางหลูซื่อ ก็คว้าป้านสุราพิษเทลงจอกดื่มบัดนั้น ถังไท่จงฮ่องเต้ ก็ได้พิสูจน์ว่า นางหลูซื่อ เป็นโรคหึงหวงสามี...ชนิดเอาชีวิตเข้าแลกจริงๆ แต่เคราะห์ดี นี่เป็นเพียงอุบาย นางหลูซื่อไม่ตาย เพราะสุราพิษในป้านพระราชทานนั้น แท้จริงเป็นน้ำส้มสายชูความหึงหวงของนางหลูซื่อ เป็นที่กล่าวขาน คนจีนหากใช้สำนวน “ดื่มน้ำส้มสายชู” ก็รู้ คือความหึงหวงรุนแรง แบบสำนวนไทยว่า โรคลมเพชรหึงผมอยาก จบตรงนี้ ก็หาเหลี่ยมเลี้ยวเข้าเฉี่ยวการเมืองไม่ได้ จึงขอแย้มๆเรื่องน้ำส้มสายชู ฉบับไทยสมัยหนึ่งคนลพบุรี ไม่มีน้ำส้มสายชูกิน เกรงนางศรีประจันต์ ที่ซุ่มๆบนภูเขาวงพระจันทร์ จะมาซื้อเอาไปใช้ราดอกท้าวกกขนากผู้บิดาที่ถูกศรหนุมานปักตรึงอยู่บนภูเขา จะเขยื้อนออก ตามคำสาปของพระรามหากปล่อยให้ศรหลุดจากอกท้าวกกขนาก คนแถวๆนั้น เขากลัวกันว่า พญายักษ์ตนนี้จะกินคนทั้งเมืองนี่ขนาดศรยังปักคาอก...ท้าวกกขนาก ยังอวดฤทธิเดช...ชี้นิ้วปรับ ครม.ขัดตา ขัดใจชาวบ้าน ขัดใจพวกกันเองได้ขนาดนี้ ถ้าเผลอปล่อยให้ศรหลุด...ไม่รู้พี่ยักษ์แกจะอาละวาดขนาดไหน?กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม