“บิ๊กโจ๊ก” บู๊รายวัน ถึงคิวลุยถิ่นเก่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง “ให้ออกจากราชการไว้ก่อน” แฉมีขบวนการ “4 คูณ 100” เสพติดอำนาจทำกันเป็นขบวนการ ลั่นตราบใดยังไม่มีการโปรดเกล้าฯถือว่ายังเป็นรอง ผบ.ตร. และมีคุณสมบัติเป็น ผบ.ตร.อยู่ เตรียมยื่นฟ้องดำเนินคดีปลดป้ายชื่อหน้าห้องทำงาน เชื่อสุดท้ายคนสั่งจะตายคนเดียว เพราะกระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็น ผบ.ตร. โว “มวยคนละชั้น” ขณะที่ “ทนายตั้ม” ให้การเพิ่มเติมพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ชี้ทำคดี “บิ๊กต่อ” ยาก พนักงานสอบสวนไม่ร่วมมือ อาทิตย์หน้าจ่อยื่น ปปง.ตรวจสอบเส้นเงิน 2 ตำรวจคนสนิท “บิ๊กต่อ” ให้เข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ฟ้อง ป.ป.ช.เอาผิด พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และคณะพนักงานสอบสวนกว่า 200 นาย ในความผิดม.157 หลังร่วมกันสอบสวนกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับพวกฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ พร้อมแจงเหตุถอนฟ้องนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เพราะเชื่อว่าถูกหลอกให้เซ็นคำสั่ง ระบุถูกขบวนการตำรวจสกัดขึ้นเป็น ผบ.ตร. โดยคนที่อยู่ในขบวนการเป็นผู้ที่ไปพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ตามที่เสนอข่าวไปนั้นล่าสุด “รองโจ๊ก” ยังไม่หยุดบู๊ลุยสู้ต่อ โดยเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. มายื่นหนังสืออุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ กรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ก่อนกล่าวว่า มาดำเนินการในส่วนของคำสั่งทางปกครองที่ให้ตนออกจากราชการไว้ก่อนนั้นเป็นผลต่อเนื่องมาจากคดีอาญาว่า เป็นการแก้คำสั่งโดยชอบหรือไม่หากเห็นว่าเป็นการออกโดยไม่ชอบขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว เรื่องทั้งหมดเป็นขบวนการ 4×100 ที่มักใช้ในขบวนการค้ายาเสพติดที่ใช้อำนาจมีลักษณะทำเป็นกระบวนการ ตั้งแต่ชุดตรวจค้นที่เข้าไปตรวจบ้านตนที่มาจาก 4 ต. มีต่อ เต่า ตุ้ม ไตร โดยพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ พบเส้นเงินบัญชีม้า 500 ล้านบาท แต่ไม่ส่งดีเอสไอ และ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจการสอบสวนจึงเรียกสำนวนคืนทำให้ไม่สามารถทำอะไรตนได้ จึงเปลี่ยนวิธีทำคดีใหม่นำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่เอาคดีเดิมมาแจงรายละเอียดย่อยไปทำที่ สน.เตาปูนเก็บคดีไว้ 4 เดือนอดีตรอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า เรื่องวินัยการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้ใช้เหตุผลกับตนว่า 1.ถูกกล่าวหาว่าผิดวินัยร้ายแรงจนต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวน 2.ตนอยู่ในตำแหน่งแล้วเสียหายต่อองค์กรตำรวจ และ 3.การสอบสวนจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว การอ้างเหตุผลแบบนี้มันผิดกฎหมาย เพราะตนถูกกล่าวหาตั้งแต่ 2 ธ.ค.66 ก่อนจะมีการสั่งย้ายให้ประจำสำนักนายกฯ 29 วัน สงสัยว่าจะทำให้ ตร.เสียหายอย่างไรในเมื่อจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวน เรียกผกก.สน.เตาปูนมาคุย หรือจะงัดตู้สำนวนเอามาออกมาดู ตรงนี้ตนไม่มีอำนาจในการทำเพราะตนอยู่สำนักงานนายกฯ แต่มีการเข้าพบนายกฯที่ทำเนียบช่วงเที่ยง ก่อนจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการในช่วงบ่ายวันที่ 18 เม.ย. อ้างกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งให้พักราชการและสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จากกำหนดการสอบสวนของคณะกรรมการไว้ 60 วัน ขยายเวลาได้ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วัน แต่หากไม่เสร็จให้นายกรัฐมนตรีสั่งการแทนและให้ลงโทษ ผบ.ตร. ดังนั้นกฎก.ตร. ขัดแย้งกับ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับปัจจุบัน ต้องยกเลิกไปพล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการยึดตามกฎ ก.ตร.เดิม ไม่ได้ดูตามกฎหมายใหม่ ในคำสั่งอ้างว่า ให้ตนพร้อมอีก 5 คนออกจากราชการไว้ก่อนตามข้อเสนอฝ่ายกฎหมายและฝ่ายวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่กฎหมายระบุว่าจะต้องมาจากความเห็นหรือข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้นมาและมีการร่างคำสั่งให้ออกไว้ 2 วันล่วงหน้า มีการลงนามในคำสั่งในวันที่ 17 เม.ย. เป็นวันก่อนเข้าพบนายกรัฐมนตรี และออกประกาศคำสั่งในวันที่ 18 เม.ย. เชื่อว่ามีการเตรียมการไว้ก่อนเป็นขบวนการ หลังจากนี้จะยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ แต่ถ้าอยากรอดต้องมาบอกกับตนว่าใครเป็นคนสั่ง เดิมรักษา ผบ.ตร.ไม่ใช่คู่กรณีตนพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังกล่าวถึงกรณีปลดป้ายชื่อหน้าห้องทำงานด้วยว่า ตนเสื่อมเสียและเสียหาย อย่าลืมว่าตอนนี้ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯให้พ้นจากตำแหน่ง ยังเป็นรอง ผบ.ตร.ดังนั้นจะยื่นฟ้องดำเนินคดีทั้งหมด เชื่อว่าสุดท้ายคนสั่งจะตายคนเดียวเพราะกระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็น ผบ.ตร. ต้องบอกว่ามวยคนละชั้น เจอมาเยอะแบบไม่ได้แอ้มตนหรอกคุกแน่นอน ตอนนี้ตนไม่ใช่ผู้ต้องหาแต่เป็นผู้ถูกกล่าวหา หากยังไม่มีการชี้มูลความผิดก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ยังมีคุณสมบัติที่จะเป็น ผบ.ตร.และเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าชี้แจงนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ายังเชื่อมั่นในระบบอยู่ต่อมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกันที่ สน.เตาปูน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 พร้อมกล่าวว่า วันนี้นำผังเปรียบเทียบเส้นทางการเงินที่ใช้ในการแถลงข่าวเมื่อ 23 เม.ย. มามอบให้พนักงานสอบสวน ส่วนคำให้การของพยานที่ตนเคยพามาให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ทำคำให้การมาส่งให้ทั้งหมดแล้ววันนี้จะมาติดตามส่วนนี้ด้วย รู้สึกว่าการดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ยากมาก ดูเหมือนพนักงานสอบสวนไม่ให้ความร่วมมือ ตนต้องไปหาหลักฐานมามอบให้เองเมื่อถามว่าในอนาคตมีโอกาสแจ้ง ม.157 กับพนักงานสอบสวนหรือไม่ ทนายตั้มกล่าวว่า มี หากไปเจอจุดที่ตำรวจทำอะไรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น การโอนสำนวนก็ดี หรือการไม่ทำอะไรเลย เพราะจากข้อมูลที่ให้ไป ก็เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ก็คงต้องมีการดำเนินการกับพนักงานสอบสวนต่อไป ส่วนมูลค่าของคดีเว็บนี้ อาจไม่เข้าข่ายกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ต้องเข้ามาทำคดี แต่การส่งส่วย 18 ธุรกิจสีเทา พบว่าหนึ่งในบัญชีม้า มีเงินเข้าในบัญชีกว่า 800 ล้านบาทต่อปี อาจเข้าข่ายของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่องนี้ต้องรอกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และรวบรวมหลักฐานการดำเนินคดีให้ชัดเจนก่อน กังวลว่าการดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์อาจมีขบวนการช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังส่วนกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ถอนคำร้องการตรวจสอบนายกรัฐมนตรี ที่ ป.ป.ช. โดยระบุว่านายกฯถูกหลอก นายษิทรากล่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์นั่นแหละที่ถูกหลอก เชื่อว่ามีบุคคลที่พยายามให้เหตุผลว่านายกฯไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไปยื่นถอนคำร้องมากกว่า ในส่วนคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) วันนี้ทางสายลับที่มีข้อมูลเรื่องนี้ ได้เข้าไปให้ข้อมูลโดยตรงกับ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมโน และ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ก่อนที่วันพรุ่งนี้สายลับจะเข้าพบคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นอีกครั้ง และในสัปดาห์หน้าจะไปยื่นเอกสารหลักฐานถึงเลขาฯ ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน รองฟาง และดาบยาว ลูกน้องคนสนิท พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้เข้าสู่กระบวนการสืบทรัพย์ ยึดทรัพย์ต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่