ในการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 41 ที่ผ่านมา นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ที่ก้าวหน้าหลายประการ รวมทั้งให้เพิ่มจำนวนประชากร และพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพ พร้อมที่จะเป็นพลเมืองโลกที่มีคุณภาพแต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา ได้พูดถึงปัญหาการศึกษาของประเทศที่น่าตกใจ ตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันคนอายุ 18 ถึง 60 ปี เป็นผู้ที่หลุดจากระบบการศึกษา มีวุฒิการศึกษาแค่ระดับ ม.ต้นถึง 20 ล้านคน ไม่สามารถพัฒนาตนเองให้รอดพ้นจากวงจรอุบาทว์ของความยากจนขณะเดียวกัน ยังมีปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษาที่น่าตกใจเช่นเดียวกัน มีนักเรียน ป.6 จะขึ้น ม.1 หลุดจากระบบการศึกษา 19% นักเรียน ม.3 ขึ้น ม.4 หลุดถึง 54% กลายเป็นเด็กหลุดสะสมถึง 1.02% ล้านคน มีนักเรียนไม่ถึง 10% ที่เข้ามหาวิทยาลัยได้ สาเหตุสำคัญที่สุดคือความยากจนทำให้ “ความยากจน” กลายเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อเรื้อรังของสังคมไทย รัฐบาลที่ผ่านๆมาแก้ปัญหาด้วยนโยบายแจกเงินที่เรียกว่า “ประชานิยม” แต่ละพรรคแต่ละรัฐบาลล้วนแต่แข่งกันแจกเงิน เช่น รัฐบาลที่มาจาก คสช. แจกบัตรสวัสดิการรัฐ เดือนละ 200-300 บาท เรียกกันว่า “บัตรคนจน” เคยมีถึง 14-15 ล้านคนแต่รัฐบาลที่แจกหนักที่สุดคือ รัฐบาลปัจจุบัน ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เป็นพรรคที่สืบทอดนโยบายลดแลกแจกแถม มาจากพรรคไทยรักไทย คราวนี้ “สัญญาว่าจะให้...” คือแจกเงินผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไป 56 ล้านคน คนละ 1 หมื่นบาท ต้องใช้งบแจกถึง 5.6 แสนล้านบาทแต่มีปัญหาเรื่องที่มาของเงิน จึงต้องลดจำนวนผู้รับแจกเหลือ 50 ล้านคน ใช้เงิน 5 แสนล้านบาท แต่ก็ยังมีปัญหา จะแจกได้ภายในปลายปีตามสัญญาได้หรือไม่ พรรคเพื่อไทยไม่ได้โฆษณาว่าโครงการแจกเงินหมื่นจะขจัดความยากจนและขจัดปัญหาหนี้สิน แต่แจกเพื่อ “กระตุ้นเศรษฐกิจ” แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดน่าจะเป็นใครโลกแห่งความเป็นจริง ยังห่างไกลจากโลกของหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่เสนอให้เพิ่มประชากรไทย และพัฒนาให้มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมทั้ง “อินโนเวชั่น ดิจิทัล” พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็น “พลเมืองโลก” ที่มีคุณภาพ ให้รัฐบาลแก้ปัญหาเด็กหลุดระบบการศึกษาเพราะความจนได้หรือไม่.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม