ผัวโหดฆ่าเมียฝังดินไว้ข้างบ้านนานร่วม 8 เดือน สุดท้ายความแตก ญาติพบพิรุธไปนั่งเมาเพ้ออยู่เนินดินข้างบ้านดึกๆดื่นๆ แจ้งตำรวจไปล็อกตัวเค้นสอบนานกว่า 3 ชม.จนยอมเปิดปากสารภาพก่อนพาไปขุดศพ อ้างเคยมีเมียมาแล้ว 4 คนเลิกรากันหมด หอบสมบัติมาอยู่กินกับผู้ตายได้ 2 ปีกว่า แรกๆรักกันหวานชื่นแต่ช่วงหลังเมียรักเปลี่ยนไป ชอบดื่มเหล้าเมายาหาเรื่องเป็นประจำ จนทนไม่ไหวที่เมียขอเลิกจะไปมีผัวใหม่ มีปากเสียงรุนแรงก่อนคว้าค้อนกระหน่ำทุบหัวจนตายคามือแล้วเอาศพไปฝังดิน ตีหน้าเศร้าบอกญาติๆว่าถูกเมียทิ้ง หนีออกจากบ้านไป แต่ความลับไม่มีในโลก ถูกจับติดคุกชดใช้กรรมพฤติกรรมอำมหิตผัวโหดฆ่าเมียฝังดินนานร่วม 8 เดือนแต่สุดท้ายความแตก เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 30 มี.ค. พ.ต.ต.ปริญญา แสงวรราช สว. (สอบสวน) สภ.โคกตูม อ.เมืองลพบุรี นำกำลังตำรวจควบคุมตัวนายไพรบูรณ์ จาดภักดี อายุ 58 ปี ผู้ต้องหาฆ่าฝังดิน น.ส.สุนันทา นันท้าว อายุ 47 ปี ภรรยา ออกจากห้องขังบนโรงพัก นำตัวขึ้นรถไปฝากขังต่อศาลจังหวัดลพบุรี ก่อนถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำกลางลพบุรีคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 มี.ค. นายเสกสรร สาระรัชต์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 11 ต.โคกตูม อ.เมืองลพบุรี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.ปริญญา แสงวรราช สว. (สอบสวน) สภ.โคกตูม ว่า น.ส.สุนันทา นันท้าว อายุ 47 ปี พี่สาวขาดการติดต่อหายตัวไปจากบ้านเลขที่ 108 ปากทางเข้าวัดหนองถ้ำ หมู่ 11 ต.นิคมสร้างตนเอง ที่พักอาศัยอยู่กับนายไพรบูรณ์ จาดภักดี อายุ 58 ปี สามี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ส.ค.66 สอบถามพี่เขยตีหน้าเศร้าอ้างว่าถูกพี่สาวทิ้งไปหาสามีใหม่ หนีหายออกจากบ้านไปไหนไม่ทราบ ญาติๆ ออกตามหาไม่พบ ผ่านไปนานร่วม 8 เดือน จนกระทั่งพบพิรุธ นายไพรบูรณ์ชอบไปนั่งเมาพร่ำเพ้ออยู่ที่เนินดินข้างบ้านตัวเอง หลังทราบเบาะแส ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวจากชาวบ้านละแวกใกล้เคียง จนมั่นใจว่านายไพรบูรณ์ มีส่วนรู้เห็นกับการหายตัวไปของภรรยาต่อมาเมื่อวันที่ 29 มี.ค. ตำรวจไปตรวจสอบที่บ้านเกิดเหตุ พบนายไพรบูรณ์ออกอาการส่อพิรุธ มีสีหน้าตกใจ พยายามวิ่งหนี แต่ตำรวจควบคุมตัวไว้ได้ นำไปสอบสวนที่ สภ.โคกตูม นานกว่า 3 ชั่วโมง สุดท้ายยอมเปิดปากรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่า น.ส.สุนันทา ภรรยาตัวเอง แล้วนำศพฝังดินไว้ข้างบ้าน เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.66 ผ่านมาระยะเวลาเกือบ 8 เดือนหลังทราบข้อมูลแน่ชัด ในช่วงเย็นวันเดียวกัน พ.ต.อ.นิวัฒน์ การสิทธิ์ ผกก.สภ.โคกตูม นำกำลังตำรวจพร้อมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.ลพบุรี และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู พานายไพรบูรณ์กลับไปที่บ้าน ชี้จุดที่นำศพภรรยาไปฝังบริเวณข้างบ้านโดยไม่มีอาการสะทกสะท้านใดๆ ตำรวจประสานรถแบ็กโฮขนาดเล็กมาขุดดินลึกลงไปประมาณ1เมตรก็พบกระสอบสายรุ้งใส่ศพ นำขึ้นมาชันสูตรพบว่าศพเน่าเปื่อยไปหมดแล้ว เหลือเพียงโครงกระดูกมีเศษเนื้อติดอยู่เล็กน้อย กะโหลกศีรษะแตกเป็นรูหลายจุด นำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ให้แพทย์ชันสูตร และควบคุมตัวนายไพรบูรณ์ไปสอบสวนดำเนินคดีที่ สภ.โคกตูมจากการสอบปากคำนายไพรบูรณ์ยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เจ้าตัวเผยว่าเคยมีภรรยามาแล้วถึง 4 คน เลิกรากันไปหมด หอบสมบัติที่ได้จากสินสมรสกับภรรยาเก่านับแสนบาทมาปรนเปรอความสุขอยู่กินกับผู้ตายมานานกว่า 2 ปี ความรักตอนแรกก็หวานชื่นทุกอย่าง แต่ไม่มีลูกด้วยกัน ระยะหลังฝ่ายหญิงเปลี่ยนไป ทำตัวเหลวไหล ชอบดื่มเหล้า ติดยาบ้า หาเรื่องทะเลาะกันประจำ ตนพยายามข่มใจมาตลอด จนวันเกิดเหตุเมียรักเอ่ยปากขอแยกทาง อ้างสาเหตุเพราะไม่มีเงิน จะไปหาสามีใหม่ มีปากเสียงทะเลาะรุนแรงถึงขั้นตบตีกัน ผู้ตายสู้ไม่ได้คว้ามีดและเคียวเป็นอาวุธจะทำร้ายตน พร้อมตะโกนซ้ำๆว่ากูจะไปมีผัวใหม่ เป็นคำพูดที่แทงใจดำเป็นอย่างมาก จนทนไม่ไหวคว้าค้อนกระหน่ำตีศีรษะผู้ตายด้วยความโมโหนับครั้งไม่ถ้วน จนกะโหลกแตกเลือดปนมันสมองไหลนองนอนแน่นิ่งกับพื้นบ้านผัวโหดเล่าต่อไปว่า หลังฆ่าเมียตายแล้วตั้งแต่ช่วงเช้า ญาติๆใกล้บ้านออกไปทำบุญวันเข้าพรรษากันหมด ตนยังว้าวุ่นว่าจะทำอะไรกับศพเมีย คิดอยู่นานจนถึงเย็น อาศัยช่วงปลอดคนตัดสินใจนำศพใส่กระสอบสายรุ้งแล้วขุดหลุมฝังไว้ข้างบ้านและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามไปถามหาเมียจากญาติๆ พอใครมาถามก็บอกว่าถูกเมียทิ้งไปแล้ว โดยไม่มีใครสงสัยนานเกือบ 8 เดือน กระทั่งน้องเมียไปแจ้งความ ตำรวจพาไปเค้นสอบจนยอมเปิดปากสารภาพผิดด้านญาติผู้ตายเผยว่า หลังจากฝังศพเมียไปแล้วนายไพรบูรณ์ทำทีออกตามหาทุกวัน ตกดึกยังนำสุราอาหารมานั่งดื่มกินบนหลุมศพเมีย ทำทีว่าเสียใจที่เมียรักหายไป จนที่สุดมีญาติแอบดูตอนดึกสงัด เห็นพฤติกรรมนายไพรบูรณ์ที่ชอบออกจากบ้านมาตอนตี 2-3 เคาะตรงพื้นดิน เทเหล้า ตักข้าววางบนพื้นตรงหลุมฝังศพ พูดจาพร่ำเพ้อกล่าวขอโทษรู้สึกเสียใจกับการกระทำที่ลงมือไปโดยไม่ได้ยั้งคิด หากชาติหน้ามีจริงขอมาเป็นผัวเมียกันอีก จนเกิดความสงสัยเข้าไปแจ้งข้อมูลกับตำรวจจนนำไปสู่การจับกุมตัวผัวโหดไปชดใช้กรรมที่ก่อไว้ในคุกต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่