ความล่มสลาย การเมืองการปกครองของไทย ที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อยากจะยกตัวอย่างจากเหตุการณ์ภายในของ พรรคประชาธิปัตย์ ณ จุดนี้ พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีวันที่จะกลับไปเป็นดังเช่นในอดีต ด้วยเหตุผลของ วัฒนธรรมทางการเมือง ทัศนคติการเมืองภาคนิยม และ ความเป็นเอกลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ ที่มีเอกลักษณ์ทางการเมืองแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น คือ ยึดหลักการในการเป็นประชาธิปไตยชัดเจน ต่อสู้กับ ระบอบเผด็จการทุกรูปแบบ มีความยั่งยืนทางการเมืองโดยเฉพาะรูปแบบการเมืองภายในของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีความขัดแย้งของตัวบุคคล ก็เหมือนพรรคการเมืองทั่วไป ความขัดแย้งในการชิงอำนาจในพรรค ที่บางครั้งรุนแรงถึงกับอีกฝ่ายต้องเก็บกระเป๋าออกจากพรรค เพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันแต่ ประชาธิปัตย์ ก็ยังคงไว้ด้วย หลักการความเป็นประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ เป็นกระแสที่หล่อเลี้ยงพรรคประชาธิปัตย์ แม้พรรคประชาธิปัตย์จะอยู่ได้เพราะ ฃกระแส แต่พรรคจะขับเคลื่อนได้จะต้องขึ้นอยู่ที่บุคลากรของพรรค ซึ่งที่ผ่านมาจะชิงพื้นที่ภาคใต้ไว้ได้เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นพรรคการเมืองภาคนิยม จนมีการพูดเปรียบเปรยกันว่า ถ้าประชาธิปัตย์ส่งเสาไฟฟ้า ลงเลือกตั้งคนก็เลือก ซึ่งก็ไม่ผิดไปแม้แต่น้อยจนกระทั่งมีการชิงอำนาจทางการเมืองที่รุนแรงขึ้น อดีตนายกฯ และอดีตประธานรัฐสภา ชวน หลีกภัย ฉายามีดโกนอาบน้ำผึ้ง ใช้คำว่า ธุรกิจการเมือง ที่ทำให้ระบบการเมืองไทยล่มสลาย ซื้อทุกอย่าง ซื้อเสียง ซื้อ สส.ในสภา ซื้อข้าราชการ แม้กระทั่งการซื้อสื่อมวลชน เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองอดีตนายกฯชวนยอมรับว่า การเมืองปัจจุบันที่เป็นธุรกิจการเมืองใครอยากจะแสวงหาประโยชน์และอำนาจ ก็ใช้การเมืองเป็นสะพาน แทรกซึมไปทุกพรรค โดยยกตัวอย่างการเลือกผู้บริหารของประชาธิปัตย์ เหตุผลที่เลือกคนนั้นหรือคนนี้มาเป็นผู้บริหาร เพราะเขาดูแลเป็นอย่างดีมา 4 ปี ก็ต้องเลือกเขา เพราะฉะนั้นเมื่อมีการเลือกผู้บริหารพรรคเขา ขอให้ช่วยก็ต้องช่วยเขา หรือการเมืองในภาคใต้ที่เคยต่อต้านการซื้อขายเสียง คนชอบฟังนโยบายของนักการเมือง พรรคการเมือง แต่วันนี้ก็เปลี่ยนไป มีการซื้อขายเสียงเกิดขึ้นในสภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ ทัศนคติทางการเมืองของชาวบ้านก็เปลี่ยนไป จนในที่สุดก็กลายเป็นความคุ้นเคยกับธุรกิจการเมืองและนโยบายประชานิยมเป้าหมายของพรรคการเมืองก็เปลี่ยนไป คือต้องเป็นรัฐบาล ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้เป็นรัฐบาล ที่แตกต่างจากประชาธิปัตย์ในอดีต ยึดหลักการของพรรคมากกว่าตัวบุคคล เป็นจุดยืนของประชาธิปัตย์ที่ทำให้อยู่มาจนถึงวันนี้และถ้าจะให้คนรุ่นเก่าของประชาธิปัตย์จะต้องใช้เงินเพื่อแลกกับการเป็น สส. ก็คงไม่ทำกัน หรือจะให้เปลี่ยนแปลงอุดมการณ์เพื่อเป็นรัฐบาลก็คงไม่ทำเช่นกัน คุณชวนบอกว่าอนาคตประชาธิปัตย์จะเป็นอย่างไรก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าใครจะได้ผู้บริหารเป็นหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ก็คงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การเมืองยุคปัจจุบันมีแต่กระแส แต่ไม่มีกระสุน ทำการเมืองไม่ประสบความสำเร็จและผลที่ตามมาคือการถอนทุนในภายหลังระบบอุปถัมภ์กับธุรกิจการเมือง นำไปสู่ความล่มสลายอย่างแท้จริง.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม