2 พ่อลูกนายทุนหมูเถื่อนบินกลับประเทศโร่เข้ามอบตัว ดีเอสไอแล้วอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเผยเองแจ้ง 2 ข้อหา ระบุมีพยานหลักฐานชัดว่าทั้งคู่มีการส่งเนื้อหมูต่างประเทศเหล่านี้ไปที่ศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ชื่อดังจริง จากนี้จะขยายผลถึงกลุ่มบุคคลที่จำหน่ายหมูไปยังที่ใดบ้าง รวมทั้งจะทำให้รู้ว่ากลไกขั้นตอนการนำหมูเข้ามาในประเทศไทยเป็นอย่างไร ยันมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 ราย ถึงทำให้มีขบวนการหมูเถื่อนเกิดขึ้น ยืนยันเสียงแข็งไม่ได้ทำงานล่าช้าแต่บางเรื่องเป็นข้อมูลเชิงลึกไม่สามารถเปิดเผยสื่อมวลชนได้ ขณะที่นายกฯย้ำข้ามโลก กวาดล้างหมูเถื่อนเอาให้ถึงตัวการใหญ่ ลั่นให้ดู ผลงานไม่ห่วงภาพพจน์กรณีคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 59/2566 หรือคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ ร่วมกันสืบสวนสอบสวนขยายผลผู้เกี่ยวข้องขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบ หลังสืบสวนสอบสวนการนำเข้าสินค้าประเภทเนื้อสุกรแช่แข็ง ตั้งแต่ปี 64 ถึงปัจจุบัน ขอศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหากลุ่มบริษัทชิปปิ้งเอกชน 10 ราย จับกุมแล้ว 6 ราย นอกจากนี้ขอออกหมายจับกลุ่มนายทุนหรือผู้สั่งให้นำเข้าเนื้อหมู 2 ราย คือนายวิรัช ภูริฉัตร อายุ 69 ปี กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด WEALTY& HEALTHY FOODS CO.,LTD. และบริษัท เดอะ กู๊ด ช็อป จำกัด THE GOOD SHOP CO.,LTD และนายธนกฤต ภูริฉัตร อายุ 42 ปี ลูกชาย เนื่องจากพบธุรกรรมทางการเงินสั่ง-จ่ายสินค้าให้บริษัทชิปปิ้งเอกชน 2 แห่ง ให้นำเข้าซากสุกรแช่แข็งมายังประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย พร้อมอายัดเนื้อหมูเเช่เเข็งไว้ในห้องเย็นขนาดใหญ่ที่ จ.สมุทรสาครอีก 75 ตัน มีพยานหลักฐานชัดเจนว่าทั้ง 2 พ่อลูกเช่าห้องเย็นนี้เพื่อฝากแช่เนื้อหมูเเช่เเข็งบางส่วน โดยที่ทั้งคู่ยังหลบหนีอยู่ที่ต่างประเทศ ขณะที่มีภาพนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ออกอาการไม่พอใจเรื่องการดำเนินคดีนายทุนหมูเถื่อนเรียกกรมสอบสวนคดีพิเศษมาพบที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก่อนเดินทางไปประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปกครั้ง 30 ที่สหรัฐอเมริกาล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 14 พ.ย. มีรายงานว่า ดีเอสไอได้เข้าควบคุมนายวิรัช ภูริฉัตร และนาย ธนกฤต ภูริฉัตร 2 พ่อลูกนายทุนหมูเถื่อนได้แล้วที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ หลังเดินทางมาจากต่างประเทศและประสานขอเข้ามอบตัว โดยดีเอสไอได้เข้าควบคุมตัวตามหมายจับ ก่อนนำตัวมาสอบปากคำที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ทันทีวันเดียวกัน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ได้รับมอบตัว 2 ผู้ต้องหาเรียบร้อย สำหรับทั้งคู่มีพฤติการณ์สั่งให้บริษัทชิปปิ้งเอกชนนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน 33 ตู้จากทั้งหมด 161 ตู้ ได้อายัดไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ระยะเวลาตั้งแต่ปี 64 เบื้องต้นทั้งคู่ให้ความร่วมมือดีในการจะให้รายละเอียดที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนรายละเอียดเชิงลึกต้องรอสอบปากคำเสร็จสิ้นก่อน ทั้งนี้ดีเอสไอมีพยานหลักฐานว่าทั้งคู่มีการส่งเนื้อหมูต่างประเทศเหล่านี้ไปที่ศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ชื่อดังจริง คงปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้เห็นมีการสั่งให้นำเข้าหมูเถื่อนผ่านชิปปิ้งเอกชนประมาณ 3-4 บริษัท (อยู่ในกลุ่มที่ดีเอสไอจับกุมแล้ว) ที่สำคัญต้องรู้ว่าเมื่อนำเนื้อหมูเข้ามาแล้วจะส่งมอบหรือจำหน่ายหมูลอตดังกล่าวไปที่ใดบ้าง สำหรับยอดเงินหมุนเวียนเบื้องต้นพบหลักหลายร้อยล้านบาท ขอเรียนว่ากลุ่มนายทุนไม่ได้มีเพียงสองพ่อลูกคู่นี้แน่นอน ยังมีอีกและบางส่วนจะเกี่ยวข้องกับการนำเข้าเนื้อหมูเองและเป็นผู้สั่งนำเข้าเองหรือรับหน้าที่เป็นชิปปิ้งเอง กล่าวง่ายๆคือเป็นทั้งนายทุนและชิปปิ้งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าวอีกว่า สำหรับนายวิรัช และนายธนกฤต กลุ่มนายทุนหมูเถื่อน ถูกแจ้งข้อหาโดยหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากรโดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้นๆ โดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้นและนำเข้า ส่งออกหรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 243 มาตรา 244 และ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 31 ประกอบมาตรา 68 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83พ.ต.ต.สุริยากล่าวต่อว่า สำหรับคำให้การ 2 พ่อลูกจะนำไปสู่การขยายผลถึงกลุ่มบุคคลที่จำหน่ายหมูไปยังที่ใดบ้าง จะทำให้รู้ว่ากลไกขั้นตอนการนำหมูเข้ามาในประเทศไทยเป็นอย่างไร จากหลักฐานที่ตรวจค้นได้ทั้งเส้นทางการเงินและวิธีการนำเข้าหมูเถื่อน รวมถึงความเกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่รัฐ ขอเวลาทำงานเพื่อพิสูจน์ทราบให้ครบ ส่วนการจะอนุญาตให้ประกันตัวในขั้นสอบสวนวันนี้หรือไม่เป็นดุลพินิจคณะพนักงานสอบสวน สำหรับการประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เรื่องการยึดทรัพย์สินเป็นขั้นตอนตามกฎหมาย เพราะเป็นความผิดมูลฐานการฟอกเงิน ประสาน ปปง.กันอย่างใกล้ชิด เท่าที่ได้รับคำตอบทราบว่าภายในเดือนนี้ ส่วนทรัพย์สินทั้งหมดคาดว่าอยู่ภายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดีเอสไอต้องตรวจสอบขยายผลอีก เพราะการที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 ราย ส่งผลให้มีขบวนการนำเข้าหมูเถื่อนเกิดขึ้น ยืนยันว่าดีเอสไอไม่ได้ดำเนินการล่าช้าเพราะข้อมูลละเอียดบางส่วนเป็นข้อมูลเชิงลึก บางเรื่องไม่สามารถนำมาเปิดเผยพี่น้องสื่อมวลชนได้ แต่ในข้อเท็จจริง คณะพนักงานสอบสวนมีการรายงานเป็นขั้นตอนอยู่แล้วด้าน พ.ต.ต.ณฐพล ดิษฐธรรม หัวหน้าพนักงานสอบสวนกล่าวว่า ขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจริงๆ แล้วดีเอสไอสืบสวนสอบสวนและทราบทั้งหมดแล้วว่าบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง เมื่อจับกุมได้ครบใครจะให้ปากคำอย่างไรก็ตามถือเป็นสิทธิผู้ต้องหา แต่ดีเอสไอทราบเส้นทางการเงินและการทำธุรกรรมทั้งหมดแล้ว สำหรับกรณี 2 พ่อลูกที่เป็นนายทุนหมูเถื่อนทั้งคู่รับหน้าที่เป็นนายทุนให้กับห้างหุ้นส่วนจำกัด กันตา ไทยโฟรเซ่นฟิช และบริษัท มายเฮ้าส์ เทรดดิ้ง จำกัด โอนจ่ายค่าตู้คอนเทนเนอร์ในอัตราประมาณ 15,000 บาทต่อตู้ รวม 33 ตู้ จากการตรวจค้นที่ผ่านมาพบพยานหลักฐาน พยานเอกสารที่บ่งชี้ชัดเจนว่าทั้งคู่เกี่ยวข้องส่วนกรณีที่มีการรายงานว่า ทั้งคู่เป็นผู้จัดส่งเนื้อหมูให้ศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบขายส่ง สินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ชื่อดัง พ.ต.ต.ณฐพลกล่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนจะสอบถาม 2 ผู้ต้องหาพ่อลูกว่าสินค้าที่สั่งเข้ามาหรือเนื้อหมูต่างๆได้ส่งไปยังใครอีกบ้าง เนื่องจากทั้งคู่ทำธุรกิจลักษณะนี้มาก่อนแล้ว อีกทั้งในช่วงที่โรคหมูระบาดเมื่อปี 64-65 เกิดเหตุการณ์หมูขาดแคลน แต่กลับมีการสั่งเนื้อหมูจากต่างประเทศเข้ามาในไทย สำแดงเท็จเป็นเนื้อปลาแช่แข็ง บางครั้งสำแดงเป็นพลาสติกโพลิเมอร์ เพราะถ้าสำแดงเป็นเนื้อปลาแช่แข็ง ผู้ประกอบการจะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า สามารถผ่านช่องกรีนไลน์ (Green Line) ได้เช่นเดียวกับพลาสติกโพลิเมอร์ แต่ถ้าสำแดงเป็นเนื้อหมูจะต้องผ่านช่องเรดไลน์ (Red Line) เมื่อนำเข้ามาแล้วก็จัดเก็บไว้ตามห้องเย็นต่างๆในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เป็นต้น ถ้าหากห้องเย็นใดเต็มแล้วจะนำไปฝากแช่ไว้ที่อื่นแทนพ.ต.ต.ณฐพลกล่าวต่อว่า กรณีของสองพ่อลูกพบว่ามีการนำเนื้อหมูส่วนต่างๆไปแช่ไว้ที่ห้องเย็น 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท แอล อาร์ ห้องเย็น จำกัด ถนนธรรมคุณากร ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร ตรวจยึดเนื้อหมูได้ 75 ตัน หรือ 75,000 กิโลกรัม ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ของกรมปศุสัตว์ ส่วนห้องเย็นอีกแห่งอยู่ใกล้กับห้องเย็นแห่งแรก ห่างเพียง 5 กิโลเมตร ดีเอสไอจะเข้าตรวจค้นเช่นเดียวกัน แต่ขอละเว้นการเปิดเผยรายละเอียดไว้ก่อน สำหรับผู้ต้องหาในกลุ่มบริษัทชิปปิ้งเอกชนที่ได้มีการออกหมายจับไป 3 บริษัท (หรือ 4 ราย) คาดว่าไม่เกินวันที่ 15 พ.ย. ดีเอสไอจะได้ตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบปากคำขยายผลต่อไป โดยสิ้นเดือน พ.ย.นี้ คณะพนักงานสอบสวนเตรียมขอศาลออกหมายค้นและออกหมายจับอีก 2 บริษัท มีบทบาทเป็นทั้งบริษัทชิปปิ้งเอกชนและนายทุนมีรายงานเพิ่มเติมว่า ประเด็นที่ดีเอสไอได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับกลุ่มบริษัทชิปปิ้งเอกชนเพิ่มเติมอีก 3 บริษัท (หรือบุคคล 4 ราย) ประกอบด้วย 1.นายพิเชฐ แซ่ซี (บริษัท ซี เวิรล์ โฟรเซ่น ฟูด จำกัด) 2.นายโกญจนาท ศรมยุรา (บริษัท เรนโบว์ กรุ๊ป จำกัด) 3.นายสมนึก กยาวัฒนกิจ (บริษัท เรนโบว์ กรุ๊ป จำกัด) และ 4.นายวีรศักดิ์ กิตนัทธี (ห้างหุ้นส่วนจำกัด สหัสวรรษ ฟูดส์) ฐานนำของผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเกี่ยวกับของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 และความผิดฐานนำเข้า ส่งออกหรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 จะถูกคุมตัวมาสอบปากคำในวันที่ 15 พ.ย.วันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปกครั้ง 30 ที่สหรัฐอเมริกาถึงการแก้ปัญหาหมูเถื่อนที่คาดโทษกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่า อย่าไปเรียกว่าคาดโทษดีกว่า ต้องเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่มีงานเยอะแต่ต้องอย่าลืมว่ามีการจับกุมหมูเถื่อนมานาน กระบวนการทำลายหมูเถื่อนมีมานานแล้ว พบผู้กระทำผิด 10-11 ราย เริ่มตรวจสอบไปแล้ว ขนาดของความผิดมันใหญ่ อธิบดีดีเอสไอได้สั่งการไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วแต่มีความล่าช้า มีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อยได้รับผลกระทบจนเกือบล้มเลิกกิจการ ตนมีหน้าที่ติดตามเพราะหากสาวไปไม่ถึงรายใหญ่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นอีก เมื่อสังคมลืมจะเกิดขึ้นอีก ดังนั้น ต้องกำจัดให้สิ้นซาก เพราะเป็นภัยของสังคมจริงๆเมื่อถามว่า กังวลหรือไม่มีภาพนายกฯในลักษณะเกรี้ยวกราดระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายกฯ ตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า เห็นภาพข่าวแล้วขอให้ดูที่ผลงานเป็นหลัก อยากจะจัดการกับผู้กระทำผิด เป็นหน้าที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องจัดการให้รวดเร็วที่สุด คนที่เดือดร้อนไม่ได้มีพื้นที่ในหน้าสื่อ ขอให้ลงไปดูว่าผู้ประกอบการหมูรายย่อยเสียหายแค่ไหน เรายอมไม่ได้คนทำผิดจะต้องถูกจับมาลงโทษ และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั่นคือความตั้งใจอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่