ทำท่าจะมีสำนึกแล้วล้างบาปในสิ่งที่ปฏิบัติอะไรทำนองนั้นก็นโยบายของรัฐบาลที่จะให้เปิดสถานบริการหรือสถานบันเทิงไปจนถึงตี 4 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวแต่ทำได้แค่ครึ่งเดียวแล้วจะไปเห็นผลอย่างไร?ล่าสุด “อนุทิน ชาญวีรกูล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้คุมนโยบายได้เรียกผู้ว่าฯ 4 จังหวัด 4 พื้นที่เพื่อมารับทราบนโยบายและแนวทางปฏิบัติ4 จังหวัดก็มี กทม. เชียงใหม่ ภูเก็ต และชลบุรีเพราะเป็นจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทยเลยถูกกำหนดให้เป็น “ต้นแบบ” เพื่อทดลองว่าจะได้ผลแค่ไหนหน้าที่สำคัญเบื้องต้นที่แต่ละจังหวัดต้องคิดก็คือการจัดทำโซนนิงแบ่งพื้นที่ให้ชัดเจนว่าจะใช้นโยบายนี้ตรงไหนบ้างไม่ใช่ครอบคลุมทั้งจังหวัดเรื่องนี้คงไม่ยาก เพราะแต่ละจังหวัดก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ตรงไหนเป็นพื้นที่มีสถานบริการที่ดำเนินการอยู่แล้วเพียงแต่เปลี่ยนกำหนดเวลาปิดเสียใหม่จากตี 2 เป็นตี 4 เพิ่มบริการอีก 2 ชั่วโมง ทำให้สถานบันเทิงต่างๆสามารถเพิ่มเวลาในการให้บริการมีการสำรวจตัวเลขแล้วว่าจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งทำให้บรรดานักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติสามารถเสพสุขกันได้อย่างเต็มที่นักเที่ยวต่างชาตินั้นมีความนิยมชมชอบเมืองไทยอย่างหนึ่งก็คือการได้ดื่มกินอย่างเสรี ฟังเพลงอย่างสนุกสนานด้วยบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์นี่เป็นความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งของคนต่างชาติไม่ต่างไปจากวัยรุ่น นักศึกษาจากชาติตะวันตกที่มีความคิดตรงกันว่า การได้เดินทางไปเที่ยวที่อัมสเตอร์ดัมคือยอดปรารถนาของพวกเขาชาตินี้ได้ไปสักครั้งก็คือ ความมีชีวิตที่สมบูรณ์...ทำนองนั้นประเด็นที่เป็นหัวใจของเรื่องก็คือ ในแต่ละจังหวัดจะต้องทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ในการดูแลให้ความปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎหมายห้ามเด็กที่อายุไม่ถึงกำหนดเข้าเด็ดขาดอันนี้ถือเป็นหลักการต่างๆตำรวจ-เจ้าหน้าที่ปกครองอย่าไปทะเลาะเบาะแว้งกันเองในประเด็นบุกจับสถานบันเทิงเปิดเกินเวลาแล้วเขม่นกันเองประเด็นที่เป็นปัญหาก็คือ แนวทางปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ซึ่งจะทำให้นโยบายนี้ไร้ผลและเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่หากินได้นั่นคือข้อกำหนดที่ให้เปิดถึงตี 4 แต่ให้จำหน่ายแอลกอฮอล์หรือนั่งดริงก์ได้แค่ตี 2 เท่านั้น ระบุว่า เพื่อจะได้มีเวลาพูดคุยกันในช่วงหลังตี 2 ไปแล้วสงสัยไม่บ้าก็เมาไปแล้วที่สำคัญคงไม่รู้หรือไม่เข้าใจว่า ช่วงเวลานั้นนักเที่ยวต่างก็กำลังเพลิดเพลินและเจ้าของกิจการกำลังรับทรัพย์ เพราะจะมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ตรงนี้แหละ...จึงไม่แปลกที่เกิดเสียงคัดค้านและประชดว่า แบบนี้ไม่ต้องทำเสียเลยดีกว่าอย่าลืมว่านโยบายนี้ก็เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับนักท่องเที่ยว และเพิ่มรายได้ให้กับเจ้าของกิจการสถานบันเทิงต่างๆการห้ามขายสุราจึงขัดกับนโยบายนี้โดยตรงเป็นความเขลาของคนสั่งที่ไม่รู้อะไรเลย...มากกว่า!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม