วันเสาร์สบายๆวันนี้ผมมีคำแนะนำมาฝากสาวไทยที่คิดจะแต่งงานกับหนุ่มจีน วาดฝันจะไปใช้ชีวิตสุขสบายที่เมืองจีน โดยเฉพาะที่มณฑลยูนนานซึ่งเคยเป็นมณฑลที่ยากจนที่สุดอันดับ 2 ของจีน ถ้าเจ้าสาวยังไม่เคยได้ไปเห็นที่ทางบ้านช่องของว่าที่เจ้าบ่าว โปรดเผื่อใจไว้สักหน่อย และทำตามคำแนะนำที่ผมจะเล่าให้ฟัง ถือเป็นการเตรียมทางหนีทีไล่หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพราะสิ่งที่ฝันกับสิ่งที่เป็นอาจตรงข้ามกันเรื่องที่นำมาถ่ายทอดวันนี้ เป็นข้อมูลที่ คุณภาวีวรรณ นรพัลลภ กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ฝากคณะสื่อมวลชนไทยที่ไปศึกษาดูงานที่คุนหมิง ตามโครงการอบรมหลักสูตร “มองจีนยุคใหม่ ความท้าทายที่สื่อไทยควรรู้” ครั้งที่ 5 ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ เตือนใจสาวไทยที่มีแผนแต่งงานไปใช้ชีวิตคู่ที่มณฑลยูนนาน เพราะมีสาวไทยหลายรายที่แต่งมาแล้วถูกจำกัดอิสรภาพ ต้องทนทุกข์ทั้งกายและใจก่อนอื่นต้องพูดถึง ค่านิยมในการเลือกคู่ครอง ของคนจีนยุคนี้ เนื่องด้วยชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนยกระดับขึ้นจากเดิมอย่างมาก แถมประชากรหญิงมีน้อยกว่าประชากรชาย ทำให้ผู้หญิงจีนวางมาตรฐานคู่ครองไว้สูง อย่างน้อยฝ่ายชายต้องมีบ้าน มีรถ ถึงจะยอมแต่งงานด้วย ยิ่งถ้าฝ่ายหญิงมีหน้าที่การงานดี มีฐานะทางบ้าน ฝ่ายชายก็ยิ่งต้องมีฐานะและการงานไม่น้อยหน้า การที่สาวจีนวางสเปกคู่ครองไว้สูง ย่อมมีหนุ่มจีนจำนวนมากที่ไม่ผ่านเกณฑ์ แต่ค่านิยมคนจีนอย่างไรเสียต้องแต่งงานมีลูกสืบสกุล เมื่อหาเมียจีนไม่ได้ ก็เบนเป้าไปหา เมียนำเข้า แทน ซึ่งสาวไทย สาวลาว สาวพม่า ถือเป็นตัวเลือกที่ดี ถึงขั้นมี นายหน้า จัดหาสาวไทยไปเป็นภรรยา โดยเฉพาะสาวไทยบางคนที่ประสบปัญหาทางการเงินก่อนแต่งงานได้เจอกันแค่ครั้งเดียวตอนนัดดูตัว ได้เห็นแค่ตัวว่าที่เจ้าบ่าว แต่ไม่ได้ไปเห็นบ้านช่องสภาพความเป็นอยู่ ไม่รู้ขนบธรรมเนียม ประเพณี ค่านิยม ทัศนคติของครอบครัวฝ่ายชายแม้จีนพัฒนาประเทศได้อย่างน่าอัศจรรย์ ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัวประชากรหลุดพ้นจากความยากจน แต่ใช่ว่าทุกพื้นที่จะศิวิไลซ์ทันสมัยไปเสียหมด สภาพความเป็นอยู่ที่ดูโก้หรูสุขสบายในเมืองใหญ่นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสภาพความเป็นอยู่ในพื้นที่ชนบทส่วนใหญ่แล้วหลายคนแต่งงานได้อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น ปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ได้ ก็เป็นเรื่องน่ายินดี แต่บางรายไปอยู่ชนบท ต้องช่วยทำการเกษตร บางบ้านอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ สะใภ้มีหน้าที่ทำงานบ้านรับใช้ทุกคนในครอบครัว ใช่ว่าหนุ่มจีนจ้องจะกดขี่เมียไทย เพียงแต่ธรรมเนียมการใช้ชีวิตแตกต่างกัน บางคนปรับตัวไม่ได้ พูดจีนไม่เป็น กลายเป็นปัญหาสะสมทางจิตใจ ครั้นจะขอหย่า สามีก็ไม่ยอม บางคนถึงขั้นโดนกักบริเวณ พอแจ้งความ ตำรวจกลับมองเป็นปัญหาภายในครอบครัว ไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง หรือจะติดต่อหาญาติที่เมืองไทย ทั้งไลน์กับเฟซบุ๊กก็ดันถูกทางการจีนบล็อก ชีวิตโดดเดี่ยวโดนตัดช่องทางติดต่อท่านกงสุลภาวีวรรณฝากให้ข้อคิดว่า ก่อนจะแต่งงานมาอยู่กับหนุ่มจีน ขอให้หาข้อมูลสภาพความเป็นอยู่ของบ้านเจ้าบ่าว ศึกษาวัฒนธรรม เรียนรู้ภาษาจีน ให้เข้าใจก่อนเมื่อมาถึงจีนแล้ว พาสปอร์ตควรจะเก็บไว้กับตัว ไม่ใช่ปล่อยให้สามีเก็บหรือยึดไว้ หากเป็นไปได้ ควรมีเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว และบันทึกเบอร์ของสถานีตำรวจ โรงพยาบาล เบอร์โทรฉุกเฉิน หรือลงทะเบียนแจ้งที่อยู่กับเบอร์ติดต่อไว้กับสถานกงสุลนอกจากนี้หากสมรสกับคนจีนแล้ว ควรทำวีซ่าติดตามคู่สมรสให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทีหลัง เพราะถ้าเดินทางเข้าจีนด้วยวีซ่าประเภทอื่น อาจจะเกิดปัญหาอื่นๆตามมาได้โชคชะตาไม่แน่นอน ไม่ว่าแต่ละคนจะแต่งงานไปด้วยเหตุผลใด ผมว่าศึกษาข้อมูลเตรียมเผื่อทางถอยไว้บ้างจะอุ่นใจกว่าครับ.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม