ประเด็น การถือหุ้นสื่อ เป็นการต้องห้ามการลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หลากหลายความเห็นทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต จากสถาบันนิด้า แสดงความเห็นว่า คดีที่พิธา เป็นผู้จัดการมรดกหุ้นไอทีวี เป็นของกองมรดก ไม่ใช่ของพิธา ถึงพิธาจะเป็นทายาท แต่ตราบใดที่ ยังไม่มีการแบ่งมรดก ก็หมายความว่ายังไม่มีทายาทคนใดเป็นเจ้าของหุ้นนี้ จะถือว่า พิธา ครอบครองหุ้นไม่ได้ถ้ามีการตีความว่า พิธา ถือหุ้นสื่อส่งให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ยังมีโอกาสรอด เพราะบรรทัดฐานของคดีปกครองและคดีรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา การพิจารณาว่าบุคคลใดเคยเป็นหรือเป็นกรรมการ หรือผู้ถือหุ้น ในบริษัทประกอบธุรกิจกิจการกระจายเสียงหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาตรวจสอบตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏ ว่าบริษัทได้ประกอบกิจการจริงหรือไม่ ไม่ใช่พิจารณาจากวัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้นเช่นกรณีของ ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม.เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ระบุชัดว่า การพิจารณาวัตถุประสงค์ของบริษัทตามที่ระบุไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ แต่เพียงอย่างเดียวแล้วมีมติว่า บริษัทดังกล่าวได้ประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานอื่นที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทดังกล่าวประกอบกิจการโทรคมนาคม กรณีนี้จึงเป็นการใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมายล่าสุดกรณีถือหุ้นสื่อของ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ศาลฎีกา ก็ใช้แนวทางนี้ และ นำเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาร่วมวินิจฉัยด้วย หากถือหุ้นสื่อส่วนน้อย จะไม่สามารถครอบงำสื่อได้ สรุปว่า งานนี้พิธาจะรอด เพราะเป็นผู้จัดการมรดกไม่ได้ครอบครองหุ้นตามข้อเท็จจริงไอทีวี ถือว่าไม่ได้เป็นสื่อแล้วตั้งแต่ปี 2550 และสัดส่วนหุ้นน้อยมากซึ่งก็ไม่ใช่อุปสรรคขวากหนามเดียวของ พิธา ที่จะเดินหน้าไปสู่ดวงดาว ยังมี ด่าน ส.ว. 250 เสียง ที่ยังค้ำคออยู่ ไม่มีเสียงตอบรับที่ชัดเจนจาก ส.ว. แต่เสียงค้านการนั่งเก้าอี้ของพิธากลับชัดเจนอุปสงค์อุปทาน ถ้า พิธา โหวตแล้วโหวตอีกก็ไม่ได้เป็นนายกฯ ก็เป็นหน้าที่ของพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค จะเสนอใครเป็นนายกฯคนต่อไป ซึ่งคงไม่พ้น เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯจากเพื่อไทย ดังนั้น ตำแหน่ง ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็เลยกั๊กๆกันอยู่ระหว่าง เพื่อไทยกับก้าวไกลซึ่ง เพื่อไทย ในยามนี้ ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก คอยไหลตามน้ำอย่างเดียว เป็นช่องทางที่สมเหตุสมผล ถ้าก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็ต้องตกเป็นของเพื่อไทย และเป็นหน้าที่ของเพื่อไทยที่จะไปหาเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทยให้ครบ 376 เสียง โดยเพื่อไทยมีเงื่อนไขการตั้งรัฐบาลน้อยกว่าก้าวไกล ยกเว้นว่าจะไปเอาพรรคสองลุงมาร่วมรัฐบาลไม่ได้เท่านั้นกลายเป็นจุดอ่อนที่เกิดความหวาดระแวงขึ้นในแกนนำพรรคร่วม สมาชิกบางคนของก้าวไกลมาเปิดประเด็นในทำนอง เกิดการสมคบคิด มีการวางแผนเอาไว้เป็นขบวนการ โดยเฉพาะเรื่องของคลิปไอทีวีเป็นจุดอ่อนที่ฝ่ายอนุรักษนิยมได้โอกาสอีกกระทอก เกมโอเว่อร์จนได้.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th