ภาพสะพานลอยน้ำ “เกาะลอย” อันใหม่ มูลค่า 240 ล้าน กลายเป็นภาพไวรัลในสื่อสังคมโซเชียล...เป็นเสมือนภาพเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมบรรยากาศความงดงามของเกาะลอยและอ่าวศรีราชาในเร็วพลันผสมผสานกับสุ้มเสียงผู้คนในโลกออนไลน์ที่มีทั้งชื่นชมและคัดค้าน พร้อมมีการแสดงความคิดเห็น...มีการโพสต์ เรื่องราวนี้เอาไว้อย่างมากมายหลากหลายประเด็นโดยเฉพาะประเด็นอายุสะพานไม่ถึง 10 ปี สะพานแพงเกินจริงหรือไม่ คุ้มค่าต่อการสร้างไหม อยากให้นำงบไปปรับปรุงด้านอื่นๆมากกว่า...ด้วยงบประมาณ 240 ล้านบาท?จบท้ายที่ ฉัตรชัย ทิมกระจ่าง นายกเทศมนตรีเมืองศรีราชา จังหวัดชลบุรี เข้าแจ้งความต่อตำรวจให้ดำเนินคดีกับเกรียนคีย์บอร์ดหลายรายในข้อหา พ.ร.บ.คอม และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา“เมืองศรีราชายังมีอีกหลายส่วนที่ทางเทศบาลควรเร่งดำเนินการ มากกว่าการสร้างสะพานลอยน้ำ” สราวุธ สิริชัยเจริญกล หนึ่งในผู้ที่ โพสต์ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อกรณีการสร้างสะพาน 240 ล้านเปิดประเด็น สราวุธ สิริชัยเจริญต้องขออธิบายก่อนว่า นายกเทศมนตรีเมืองศรีราชาคนเก่าชื่อ ธานี รัตนานนท์ เป็นนายกเทศบาลศรีราชามา 10 กว่าปี ตั้งแต่ พ.ศ.2554-2564 มีจำนวนสมาชิกสภาเทศบาลที่สนับสนุน 6 คน ส่วนอีก 12 คนไม่ค่อยสนับสนุน เพราะฉะนั้นงบประมาณที่ต้องการนำมาบริหารเมืองศรีราชาบางเรื่องก็ติดขัดเพราะอีกฝั่งไม่ยกมือผ่านให้ในบางเรื่องหรือบางโครงการ ต้องวิ่งหางบมาพัฒนาด้วยตนเอง สถานะของเทศบาลศรีราชาขณะนั้นจึงอยู่ในสภาพนายกเสียงข้างน้อย มีอำนาจบริหารแต่ไม่มีเงินพอมีการเลือกตั้งเทศบาลพร้อมกันทั่วประเทศครั้งล่าสุด ประมาณปี พ.ศ.2564 ฉัตรชัย ทิมกระจ่าง สามารถชนะเลือกตั้งเป็นนายกพร้อมทั้งพาลูกทีมเข้าสภาไปได้อีก 17 คน เหลืออีก 1 คน ที่อยู่กลุ่มการเมืองอื่น ซึ่งเรียกได้ว่า คุมเสียงทั้งหมดในสภาตรงนี้ถือเป็นโอกาสดีของศรีราชาที่จะได้กลับมาพัฒนาท้องถิ่นของศรีราชาให้งดงามขึ้นไป ซึ่งระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่าเทศบาลศรีราชา บริหารงานดีบ้าง ไม่ดีบ้าง อันนี้ก็ต้องมีทั้งชมและตำหนิส่วนประเด็นสะพาน 240 ล้าน ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ นั้น ต้องบอกว่า มีหลายประเด็นต้องค่อยๆคิดตามให้มากๆ...ประการแรก สะพานแห่งนี้สร้างด้วยวัสดุลอยน้ำมีส่วนผสมของ HDPE ซึ่งเป็นวัสดุชนิดเดียวกับท่อประปา เป็นสะพานลอยน้ำชั่วคราวหรือจะเรียกตามประสาชาวบ้านว่า “แพลอยน้ำ” ก็คงได้ซึ่งทางเทศบาลบอกว่า อายุสะพาน หรือแพลอยน้ำที่เกาะลอยนั้น ตามสถิติของประเทศเกาหลีอยู่ได้ประมาณ 10 ปีก็เสื่อมสภาพ ส่วนราคาสะพานมีมูลค่าการก่อสร้างสูงถึง 240 ล้านบาทแม้เทศบาลจะบอกว่าจริงๆแล้ว นำงบเทศบาลออกมาใช้สร้างสะพานเพียง 80 กว่าล้าน เงินที่เหลือดึงงบมาจากราชการส่วนอื่นๆ มาช่วย เช่น งบของ EEC ก็อยากจะถามว่า แล้วเงินหรืองบส่วนอื่นๆ... ไม่ใช่ภาษีของประชาชนหรือ? สราวุธ มองว่า เมืองศรีราชาต้องปรับปรุงในอีกหลายส่วน เทศบาลมีงบประมาณอยู่ในคลัง 1,000 ล้าน เงินตรงนี้เป็นเงินที่ตกค้างสืบทอดมาจากเทศบาลชุดก่อนที่ไม่ได้ใช้...“เงินพันล้านนี้ควรที่จะต้องนำมาใช้ในส่วนที่เป็นประโยชน์ที่จับต้องได้จริงๆ เช่น เทศบาลมีการสร้างสวนสาธารณะขึ้นมาใหม่ อันนี้เห็นด้วย จะปรับปรุงเกาะลอย อันนี้ก็เห็นด้วย”แต่สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนเทศบาลจะลืมไป คือการปรับปรุงตลาดสดและพื้นที่โดยรอบ สราวุธ บอกว่า อยากให้พี่น้องมาเดินตลาดศรีราชามาดูสภาพความสะอาด ความสวยงามของสถานที่ ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไรความจริงอาหารทะเลศรีราชาขึ้นชื่อมาก่อนอ่างศิลาหรือที่อื่นๆ เสียอีก เมืองศรีราชาเรามีปลาเก๋า ตัวขนาด 25-30 กิโลกรัม ขาย ปูม้า กุ้ง หมึก หอย อาหารประมงชายฝั่งสดๆ แต่ตลาดที่วางขายกลับมีสภาพเก่า ทรุดโทรม ทุกวันนี้...ตลาดขายได้เฉพาะลูกค้าประจำตั้งแต่ตี 4 ไม่เกินสิบโมงก็เลิกเพราะไม่มีคนเดินถ้าเทศบาลมีเจตนาที่จะพัฒนาหรือส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนจริงๆ ควรนำงบที่จะสร้างสะพาน 240 ล้าน เข้าปรับปรุงตลาดทำให้สะอาดดูดีเสียก่อน อาจจะไปดูงานของอ่างศิลาหรือที่อื่นๆแล้วนำมาปรับปรุง“เมื่อตลาดสะอาด สวยงาม ทันสมัย มีของทะเลดีดี ราคายุติธรรม ลูกค้าก็จะมาอุดหนุน อันนี้ชัดเจน สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ยั่งยืน”พุ่งเป้าไปที่ “โครงการสะพาน 240 ล้านบาท” แม้เทศบาลจะชี้แจงว่า มีขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้องมีการอ้างอิงราคากลาง ซึ่งชาวบ้านก็ยังงงๆอยู่เหมือนกันว่าจะอ้างอิงราคากลางได้อย่างไร ก็ในเมื่อเทศบาลบอกว่าเป็นวัสดุที่มาจากต่างประเทศมีประเทศเกาหลีใช้เป็นต้นแบบ นอกจากนี้ ก็ยังมีประเด็นที่ยังข้องใจซึ่งเป็นความกังวลสำคัญคืออายุการใช้งาน ความไม่คงทนของสะพาน ประเด็นสำคัญก็คือ ความคุ้มค่า ความคุ้มทุน ในการสร้างสะพานนั้นจะมีมากน้อยเพียงใดคำกล่าวที่ทางเทศบาลบอกว่า คนมาชมสะพาน 1 คน จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาในศรีราชา 100 บาท สราวุธ ขอตั้งข้อสงสัยว่า เงินมันจะหมุนมาได้อย่างไร 100 บาท ในเมื่อ...ค่าสะพานไม่เสีย ค่าจอดรถไม่มี นักท่องเที่ยวเดินชมสะพานเสร็จ เขาก็ไปนอนบางแสน พัทยา...แล้ว “ศรีราชา” จะได้อะไร“ผิดกับการพัฒนาปรับปรุงตลาดที่จะมีการหมุนเวียนของเงินตราได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ลองนึกภาพตาม ถ้าหากนักท่องเที่ยวหรือแม้แต่คนในท้องที่เข้ามาตลาด ทุกคนเมื่อเจอของที่ต้องการ ต้องควักสตางค์ออกมาใช้แน่นอน อันนี้เม็ดเงินกระจายเห็นได้ชัดกว่า”ทุกวันนี้ เด็กรุ่นใหม่ๆของศรีราชารู้จักตลาดสดศรีราชาหรือไม่รู้ไหมตรงไหนมีอะไรขาย? คำถามนี้หลายๆคนอาจจะตอบแทนได้เลยว่า คำตอบก็คือ “ไม่รู้...เขาบอกไม่เดิน เหม็น สกปรก สุดท้ายไปซุปเปอร์มาร์เกต เสร็จนายทุนหมด”สราวุธ ย้ำว่า สะพานใหม่ที่ว่านี้...มาผิดเวลา สะพานนี้อาจจะสวยหรือคุ้มค่าในสายตาผม เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในศรีราชาได้รับการแก้ไข หรือฟื้นฟูให้พร้อมกว่านี้อีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้เทศบาลบอกความจริงให้ประชาชนทราบก็คือ ปัญหาหลายอย่างที่อยู่ในหน้าที่ของเทศบาลที่ยังไม่ได้รับแก้ไขมาตลอด 10 ปีนั้น...ล้วนมาจากปัญหาการเมืองท้องถิ่นของศรีราชาเองทุกๆอย่างดูเหมือนจะเกี่ยวพันกันจนทำให้ “เมืองศรีราชา” ที่มีงบประมาณเป็น 1,000 ล้าน แต่การเมืองขัดแย้งเสียจนนำงบประมาณมาบริหารงานส่วนท้องถิ่นไม่ได้สราวุธ ฝากทิ้งท้ายว่า นาทีนี้ นั่งเถียงกันไปก็ไม่มีวันจบว่า สะพาน 240 ล้านโปร่งใส ไม่โปร่งใส? คุ้มไม่คุ้ม? แต่ในเมื่อเทศบาลบอกว่า มีความสุจริตใจในการสร้างสะพาน 240 ล้านนั้น ก็ควรเปิดโอกาสให้กับหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบ โดยเฉพาะ ป.ป.ช.อยากให้เข้ามาดูแลสอบสวนว่าโครงการนี้เป็นอย่างไรเพราะหากปล่อยให้สะพาน 240 ล้านเป็นประเด็นต่อไป ก็จะมีแต่ข้อครหา เป็นสิ่งมัวหมอง คาใจ ของพี่น้องชาวศรีราชาตลอดไป จนไม่มีวันจบและไม่มีวันสิ้น.