ข้อเขียนเรื่อง “เหตุที่กุสุมาไม่ได้แต่งงาน” ผมอ่านจาก “สินในหมึก”...นิยายเรื่องผู้ชนะสิบทิศ ถึงตอน จะมีพิธีสยุมพร ระหว่าง บุเรงนอง เจ้าบ่าว และสองเจ้าสาว ตะละแม่จันทรา และตะละแม่กุสุมาวันนั้นยาขอบอยู่ในโรงพิมพ์ จู่ๆก็มีสุภาพสตรีสูงศักดิ์แปลกหน้า เข้ามาขอร้อง...ตะละแม่จันทรา พระพี่นางพระเจ้าอยู่หัวมังตรา จะเข้าพิธีเดียวกับกุสุมา สาวที่ถูกสอพินยาฉุดเอาไปเป็นเมียที่เมืองแปร...ได้อย่างไร?คำขอ “ฉันคงตายตาไม่หลับ” ประกอบฐานะ พระราชธิดาพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ยาขอบจำยอมรับ แต่ยังคิดไม่ออก จะหักเหเรื่องที่ตั้งธงไว้แล้ว ไปทางไหนแล้ว “แม่นมเลาชี” แม่นม “มังตรา” แม่แท้ๆบุเรงนองก็ถูกเชิญออกมา “พิธีสยุมพร” “หนึ่งชายสองหญิง” จึงเลิกล้มไป ในแง่เชิงชั้นของนิยาย ผู้ชนะสิบทิศมีลีลาซับซ้อนเพิ่มรสชาติยิ่งขึ้นยาขอบ เขียนเรื่อง เหตุที่กุสุมาไม่ได้แต่งงาน ลงหนังสือพิมพ์ ในวันพระราชทานเพลิงพระศพ พระองค์เจ้าหญิงพระองค์นั้น ในฐานะผู้มีพระคุณนี่เป็นปมปัญหา ที่ถูกผูกขึ้นในนิยาย...ยาขอบผูกเองก็แก้เอง...ผมเพิ่งอ่านเจอ “ปมปัญหาสำคัญ” ของบ้านเมือง ในประวัติศาสตร์จีน สมัยจักรพรรดิถางไท่จงองค์จักรพรรดิยอมรับนับถือเว่ยเจิง อัครมหาเสนาบดีฝ่ายค้าน ...มากๆจากหลายๆเรื่อง นี่คือเรื่องหนึ่งงานอภิเษกสมรสเจ้าหญิงฉางเล่อ พระราชธิดา ถางไท่จง ดำริจะพระราชทานสินสมรส ให้มากกว่าเจ้าหญิงของพระราชบิดาเท่าตัว เว่ยเจิงถวายคำทัดทาน“สมัยจักรพรรดิ ฮั่นหมิงตี้ จะพระราชทานศักดิ์ให้โอรสทรงตรัสว่าโอรสของข้า จะดีเสมอโอรสพระบิดาไม่ได้ หากจะใช้เป็นตัวอย่างข้าพระองค์ไม่เห็นด้วยที่จะถวายสินสอดให้พระราชธิดามากอย่างที่ทรงดำริ”จักรพรรดิเก็บความไม่พอพระทัยไว้ จนพระมเหสีจ่างซุน กราบทูลว่า เป็นคำทัดทานที่โน้มน้าวด้วยขนบจารีตอันดีงาม เว่ยเจิงเป็นขุนนางที่จงรักภักดีพร้อมปกป้องราชวงศ์ที่แท้...ถางไท่จง เปลี่ยนพระอารมณ์ถ่ายทอดคำสั่ง ลดสินสอดพระราชธิดา และพระราชทานผ้าแพร 40 พับ เงิน 40 หมื่น ให้เว่ยเจิง พร้อมฝากถ่ายทอดพระราชดำรัสว่า“ท่านเป็นคนซื่อตรงยุติธรรมยิ่ง วันนี้ได้ประจักษ์ หวังว่าท่านจะถนอมความดีงามนี้ไว้”ต่อมาสถานการณ์เปลี่ยน วันนั้นถางไท่จงทรงทนฟังคำค้านเรื่องพระองค์จะทรงสร้างพระราชวังแห่งใหม่ ในขณะบ้านเมืองเกิดฝนแล้ง ชาวบ้านอดอยาก...ไม่ไหว แต่ก็ทรงอดทนจนเสด็จกลับถึงตำหนักในระเบิดพระอารมณ์ใส่ พระมเหสีจ่างซุน “ข้าต้องฆ่าไอ้เฒ่ากระต๊อบนาให้ได้...คอยดู”“ไอ้เฒ่ากระต๊อบนา” ฉายาเว่ยเจิง ทรงเรียกหลังจากทรงเห็นบ้านอัครมหาเสนาบดีฝ่ายค้านทั้งเล็กทั้งซอมซ่อพระมเหสีสดับแล้ว ก็ทรงถอยจากไป กลับมาในชุดข้าราชสำนัก ตรัสอวยพรพระสวามี“ข้าพระองค์ ได้ฟังมาว่า เจ้าปรีชาญาณ ข้าย่อมซื่อตรง” “มาบัดนี้ ราชสำนักมีขุนนางซื่อตรงอย่างเว่ยเจิง เป็นเพราะฝ่าบาททรงปรีชาญาณนั่นเอง ข้าพระองค์ขอแสดงความยินดี”จักรพรรดิคลายความชัง เป็นความชื่นชม ปฏิบัติต่อเว่ยเจิงด้วยมารยาทอันดี ให้การยกย่องดังเดิม จนกระทั่งเว่ยเจิงถึงแก่กรรมผมอ่านเรื่องพระมเหสีจ่างซุน ทรงเตือนพระสวามีด้วยปัญญา นึกถึงปมปัญหาใหญ่ในบ้านเมืองขณะนี้ความขัดแย้งระหว่างอำนาจเก่ากับอำนาจใหม่ เหมือนรถไฟสองขบวน เร่งความเร็วเข้าใส่กันยึดความสงบสุข ความเจริญรุ่งเรือง และกฎกติกาบ้านเมืองเป็นหลัก ผมอยากเห็นสุภาพสตรีมีฐานะ ใกล้ตัว ใช้ปัญญาแนะลุงซึ่งยังหลงอำนาจ...ควรถอยออกมา จะเกิดประโยชน์ดีกว่าสู้ เราอาจผ่านช่วงเวลาระทึกนี้ไปได้ผมมองโลกสวย ตัวอย่างทั้งจากเรื่องนิยาย ทั้งเรื่องในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นอีกได้เสมอ.กิเลน ประลองเชิง