ตำรวจรวบสองผัวเมียแก๊งจีนเทา ตุ๋นเหยื่อ ชวนลงทุนในแพลตฟอร์มปลอมสําหรับเทรดเงินสกุลดิจิทัลแล้วเชิดเงินหนีพร้อมยึดทรัพย์สินกว่า 600 ล้านบาท หลังประสานข้อมูลกับเอฟบีไอมีเหยื่อถูกตุ๋น 2 คดี อังกฤษ 1 คดี และมีผู้เสียหายมากถึง 2 แสนคดี ความเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาท ตั้งฐานอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ใช้เมืองไทยเป็นที่พัก เปิดบริษัทกว้านซื้อบ้านหรูและทรัพย์สินมีค่า มีคนไทยเป็นนอมินี ตำรวจเร่งขยายผล ขณะที่ชูวิทย์ชมเชยตำรวจไซเบอร์ล่าแก๊งตุ๋นเงินรายใหญ่หลอกไปทั่วโลกรวบแก๊งผัวเมียจีนเทาตุ๋นเหยื่อเทรดเงินสกุลดิจิทัล เปิดเผยเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 31 พ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช. สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. และ นายคริสโตเฟอร์ แคนเทรว ผู้ช่วยทูตฝ่ายกฎหมายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวสรุปผลปฏิบัติการ Trust No One ล่าข้ามโลกราชา คริปโต ปิดล้อมตรวจค้น 20 จุด ในพื้นที่หมู่บ้านหรู ถนนศรีนครินทร์ เขตประเวศ และถนนกรุงเทพกรีฑา เขตบางกะปิ กทม. จับกุมนายเซาเซียน ซู อายุ 31 ปี และนางคี ยิ ยี อายุ 25 ปี สองผัวเมียชาวจีนผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1665-1666/2566 ลงวันที่ 26 พ.ค. ภายในบ้านเลขที่ 55/2 หมู่บ้านเดอะ พาลาซโซ่ ศรีนครินทร์ เขตประเวศ กทม. ในความผิด ฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันฟอกเงินตรวจยึดรถโรลส์-รอยซ์, รถเบนท์ลีย์, รถโตโยต้า อัลพาร์ด รวม 9 คัน เงินสดกว่า 1.5 ล้านบาท โฉนดที่ดินบ้านจัดสรรมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดคอนโดหรูย่านสุขุมวิท 4 ห้อง ห้องละ 128 ล้านบาท ตุ๊กตาแบร์บริค 14 ตัว โทรศัพท์มือถือไอโฟน 6 เครื่อง ไอแพค คอมพิวเตอร์แมคบุ๊ก กระเป๋าแบรนด์เนม อาทิ แอร์เมส, ชาแนล สุราต่างประเทศ รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาทพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ กล่าวว่าสืบเนื่องจากในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ตำรวจรับแจ้งจากระบบแจ้งความออนไลน์ว่า มีประชาชนถูกหลอก ลักษณะไฮบริดสแกรม คนร้ายใช้โปรไฟล์ปลอมตีสนิท ผู้เสียหาย ผ่านช่องทางโซเซียลมีเดียต่างๆ ก่อนจะ ชวนลงทุนในแพลตฟอร์มปลอมสําหรับเทรดเงินสกุลดิจิทัล หรือสินทรัพย์ต่างๆในลักษณะหลอกลงทุน ไฮบริดสแกรม มีผู้เสียหายมากถึง 2 แสนคดี คิดเป็น ความเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาท อีกทั้งยังพบว่าในพื้นที่ สน.ศาลาแดง สน.โชคชัย และ สภ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมมูลค่ากว่า 35 ล้านบาท นอกจากนี้ ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ, ยูเอส ซีเคร็ท เซอร์วิส และหน่วยงานกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สหรัฐ ว่า มีผู้เสียหายจากประเทศสหรัฐ อเมริกา 2 คดี และอังกฤษ 1 คดี ที่มีความเชื่อมโยง กับเครือข่ายดังกล่าว รวมมูลค่ากว่า 450 ล้านบาท ประสานตำรวจ บช.สอท.เร่งดำเนินการสืบสวนพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า การสืบสวนพบว่า คนร้ายจะโอนเงินเข้าบัญชี ของแพลตฟอร์มสําหรับเทรดเงินดิจิทัลแพลตฟอร์มหนึ่ง พบว่า มีการลงทะเบียนบัญชีโดยชาวลาว อีกทั้งบัญชี ดังกล่าวมีการใช้งานหลายประเทศ ได้แก่ พม่า ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ดูไบ และลาว เบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหาใช้บ้านหลังดังกล่าวเป็นสถานที่กบดาน นำหมายค้นตรวจสอบจุดที่สำคัญ โดยเฉพาะบ้านเลขที่ 789/16 หมู่บ้านแสนสิริ ซอยพัฒนาการ 32 แขวงและเขตสวนหลวง และบ้านเลขที่ 55/2 หมู่บ้านเดอะ พาลาซโซ่ ศรีนครินทร์ มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น เนื้อที่กว่า 150 ตารางวา จุดนี้มีด้วยกัน 5 เป้าหมายแต่ละหลังมูลค่า 35-60 ล้านบาท ก่อนจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนสองคนทำหน้าที่เป็นแอดมินตัวการใหญ่ถือบัญชีวอลเล็ตไว้คอยเทรดเงินเข้าสู่ระบบนำเงินเข้ามา ส่วนภรรยาเป็นคนกดเงินบัญชีวอลเล็ตในระยะ เวลา 3 เดือน มีเงินหมุนเวียน 450 ล้านบาท ขณะนี้ สั่งระงับการทำธุรกรรมอายัดเงินได้ 60 ล้านบาทพล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. กล่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวมีบริษัทลองเวฟเป็นผู้ครอบครองปล่อยให้เช่า เดือนละ 3.5 แสนบาท มีกรรมการบริษัทเป็นชาวจีน และชาวไทย เมื่อตรวจสอบที่ตั้งบริษัทพบว่า ใช้ร้านขายของชำเป็น ที่จดทะเบียนตั้งบริษัท อีกทั้งพบว่าคนไทยจดทะเบียนในลักษณะนอมินีกว่า 47 บริษัทด้วย และกว้านซื้อบ้านในรูปแบบบริษัทเพื่อให้ชาวจีนเช่าอีกกว่า 14 หลัง ตรวจสอบพบชาวจีน 22 คน ชาวเมียนมา 10 คน ชาวกัมพูชา 1 คน และบุคคลพื้นที่สูง 1 คน ทั้งหมดเดินทางเข้ามาโดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว, วีซ่าบั้นปลายชีวิต และวีซ่านักศึกษา เป็นต้น หลังจากนี้ จะตรวจสอบและขยายผลหาความเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร ในส่วนคนไทยที่จดทะเบียนบริษัท เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ผู้ต้องหาคนจีน 2 คนนี้ถือว่าเป็นหัวหน้าขบวนการ และเป็นผู้บริหารเงินในวอลเล็ต ส่วนภรรยาจะนำเงินสดไปฝากในตู้รับฝากเงินสดครั้งละ 5 หมื่นถึง 1 แสนบาท และภายในบ้านที่ซื้อไว้ใช้เป็นที่ตั้งของกลุ่มคนจีน นอกจากนั้นยังพบซิมการ์ดของประเทศเพื่อนบ้าน และสกุลเงินต่างประเทศจำนวนมาก ส่วนสถานที่ทำงานหลักของกลุ่มนี้จะตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านใช้ไทยเป็นที่พักอาศัย ครั้งนี้ถือว่าเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง และจับผู้ต้องหาในระดับกลุ่มผู้บริหาร รวมทั้งยังพบความเชื่อมโยงกับเงินในกลุ่มคอลเซ็นเตอร์และอื่นๆอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตามสั่งการให้ตำรวจ บช.สอท. ขยายผลความเชื่อมโยงกับคดีอื่นๆที่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขณะแถลงข่าวนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาร่วมรับฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้ เจ้าตัวสอบถาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึงมาตรการในการป้องกันและปราบปรามคนจีนที่เข้ามากระทำความผิดในประเทศไทย ผบ.ตร.ตอบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีมาตรการในการเฝ้าระวังและสืบสวนปราบปราม เน้นย้ำหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย อาทิ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบคนจีนที่เข้ามากระทำความผิดในประเทศไทย ที่ผ่านมาประสานทางการจีนแลกเปลี่ยนข้อมูลและนำมาซึ่งการจับกุมชาวจีนที่มีหมายจับจากประเทศจีนที่เข้ามากบดานในประเทศไทย ด้านนายชูวิทย์เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยให้ข้อมูลกับตำรวจกับแก๊งจีนเทา ไม่คาดคิดว่าจะติดตามจับกุมผู้ต้องหาเพราะเป็นเรื่องยาก ครั้งนี้ขอชมเชยตำรวจไซเบอร์ที่จับกุมแก๊งหลอกลงทุนรายใหญ่ ก่อเหตุหลายประเทศทั่วโลก ฝาก ผบ.ตร.วางมาตรการป้องกันชาวจีนเทาแฝงตัวเข้ามาในไทย ตั้งฐานก่อเหตุอาชญากรรมในทุกรูปแบบ