โจโฉผู้ยิ่งใหญ่ สมัยสามก๊ก มีลูกชายเกิดจากฮูหยินเปี้ยนสองคน คนโต โจผี คนรอง โจสิด ระหว่างที่่ลูกทั้งสองเติบใหญ่ โจโฉยังไม่ปักใจ จะให้พี่หรือน้อง เป็นรัชทายาท(งำประกาย กโลบายไร้ผู้ต่อต้าน (เห่ง อู๋อั้ง เขียน อธิคม สวัสดิญาณ เรียบเรียง) สำนักพิมพ์เต๋าประยุกต์ 2553)โจโฉผู้พ่อ ได้ชื่อว่า เป็นนักการเมือง เป็นนักการทหาร และยังเป็นนักวรรณคดี เขาเป็นกวีที่ได้รับการยอมรับ เมื่อทราบชัดโจสิด อายุแค่สิบกว่าๆ ก็เขียนบทประพันธ์ได้เนื้อหาสละสลวยปราชญ์ใหญ่ในแผ่นดิน เคยกล่าวถึงโจสิด อัจฉริยภาพบนแผ่นดิน หากมีสิบโต่ว โจสิดคนเดียวเอาไปได้ 8 โตก บทกวีของเขาใช้ภาษาวิจิตรอลังการลื่นไหล คล้ายมีชีวิตกิตติศัพท์นี้เข้าหู โจโฉเรียกโจสิดไปถาม เจ้าเขียนบทกวีบทนี้เอง หรือให้ใครอื่นเขียน โจสิดคุกเข่าทูลว่า “ผู้บุตรพูดเป็นร้อยแก้ว เขียนเป็นร้อยกรอง จะใช้ผู้อื่นเขียนแทนได้อย่างไรกัน”โจโฉทดสอบโจสิดหลายครั้ง จนยอมรับว่าลูกคนรองสติปัญญาเป็นเลิศ ร่ำๆจะตั้งให้เป็นรัชทายาท แต่ต้องสะดุด เมื่อถูกทัก ตำแหน่งรัชทายาท ผู้นำในวันข้างหน้า จะต้องเก่งทางอื่นๆอีกด้วยท่าทีของโจโฉผู้พ่อ โจผีบุตรผู้พี่รู้ดี เขาพยายามทำทุกวิธีที่จะรักษาตำแหน่งว่าที่รัชทายาทวันหนึ่งโจโฉกำลังยกทัพไปปราบศึก โจสิดร่ายบทกวี เป็นที่จับใจโจโฉและขุนนางที่ได้ยิน โจผีไม่เก่งทางกวี เขาเพียงทำหน้าเศร้าเข้าไปร่ำลาบิดา ใช้มือปาดน้ำตา ทำให้โจโฉตื้นตันใจได้ไม่แพ้กันโจสิดทะนงตัวเป็นคนเก่ง ไม่ค่อยคำนึงถึงกฎกติกา วันหนึ่งนั่งรถม้าเปิดประตูวังออกไปตามลำพัง เรื่องนี้โจโฉถือสามาก ถึงขั้นสั่งประหารนายประตูแล้วโจโฉก็ให้โจสิดทดสอบนำทัพออกศึกบ้าง โจผีรู้ข่าวส่งสุราอาหารชั้นดีไปให้ โจสิดเมาไม่ได้สติ ถึงเวลานำทัพ โจโฉต้องส่งคนไปตาม ปรากฏว่าลูกชายรองยังไม่ตื่นเจอการเมืองมุกนี้เข้า โจโฉตัดสินใจได้ เลิกคิดที่จะให้โจสิดเป็นรัชทายาทโจโฉตาย โจผีขึ้นเป็นอุปราชแทน...แต่ยังฝังแค้นกันอยู่แล้วก็ถึงวันนั้น โจผีส่งทูตไปส่งสารถึงน้องชาย โจสิดกำลังเมา ไม่ฟังทูตทั้งยังสั่งจับขัง นี่เป็นความผิดขั้นคุกคามราชสำนัก โจผีส่งคนไปจับโจสิดมาขัง รอการพิจารณาโทษประหารร้อนถึงเปี้ยนฮูหยินมารดา รีบเข้ามาขอร้องโจผีให้นึกถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องโจผีรับปากมารดา งานนี้เป็นแค่งานพี่สอนบทเรียนให้น้อง แล้วก็เรียกโจสิดมา บอกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้คนร่ำลือว่า เจ้าเก่งทางเขียนบทกวี ครั้งนี้ ข้าจะให้เจ้าเขียนบทกวีในช่วงเวลาเดินเจ็ดก้าวในหัวข้อ “เราคือพี่น้องกัน” โดยไม่ให้มีคำว่าพี่น้องโจสิดรับปากแล้ว ก้าวเดินไปข้างหน้ายังไม่ถึงเจ็ดก้าว ก็ได้บทกวีสองบท ต่อไปนี้ต้มน้ำถั่วทำน้ำแกง ลุกไล้ไฟแดง ต้นถั่วเผาไหม้ในเตาเมล็ดถั่วสะอื้นเศร้า ร่วมวงศ์พงษ์เผ่า ไฉนถาโถมโหมเคี่ยว...โจผีได้ฟังแล้ว สะเทือนใจถึงกับน้ำตาไหล ยกโทษประหารให้น้องชาย คนทั้งโลกก็ได้รับรสบทกวีคมลึกเป็นคติเตือนใจความรักระหว่างพี่น้องสายเลือดเดียวกันเรื่องความรักสองพี่น้องต่างสายเลือดทางการเมือง...ที่พลิกผันไปมา ในบ้านเมืองใกล้ๆผมได้ข่าวใหม่ ประเด็นเยื่อใยความรักจะมีมากน้อยไม่รู้ รู้แต่ว่าทางการเมืองเหลือแคบมาก สถานการณ์นี้ เพื่อความอยู่รอด สองพี่น้องต้องหันมาจับมือกันสถานเดียว.กิเลน ประลองเชิง