ตำรวจพลิกแผ่นดินล่า ด.ต.โหด บุกยิงถล่มพ่อตาดับสยอง 3 ศพพร้อมเมียและญาติสนิท แฉขณะเผ่นหนี เกิดคลั่งสติแตกยิงลูกชายตัวเองที่ทำหน้าที่ขับรถให้แก๊งมือปืน ก่อนนำศพใส่รถเก๋งไปจอดใกล้ศาลาสวดศพพี่ชายที่ถูกฝ่ายพ่อตายิงสวนดับในที่เกิดเหตุ ขณะที่เมียดาบทมิฬและลูกสาวเหยื่อที่หายตัวไปหลังเกิดเหตุกลายเป็นศพขึ้นอืดในรีสอร์ต หลังถูกผัวเหี้ยมยิงกรอกปากเสียชีวิตก่อนยกพวกไปรัวถล่มพ่อตา 1 วันส่งผลให้มีผู้สังเวยชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ถึง 6 ศพ ล่าสุดชุดสืบสวนตามลากคอหนึ่งในทีมสังหารได้อีก 1 คน ด้าน ผบ.ตร.เตรียมล้อมคอกการเบิกปืนราชการไปใช้กลายเป็นคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่ประชาชนให้ความสนใจ กรณี ด.ต.อรรถพร วิเชียร ผบ.หมู่ (ป) สภ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ยกพวกบุกกราดยิงเอ็ม 16 ถล่ม นายธรรมรงค์ นิลนิยม อายุ 60 ปี พ่อตา และอดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเย็นวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา บริเวณบ้านในสวนปาล์มน้ำมัน หมู่ 8 ต.กะเปา อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี จนเกิดการยิงปะทะต่อสู้กันดุเดือด เป็นเหตุให้นายธรรมรงค์เสียชีวิตพร้อมภรรยาและญาติสนิทรวม 3 ศพ ส่วนหนึ่งในมือปืนซึ่งเป็นพี่ชายของ ด.ต.อรรถพร ถูกยิงดับคาที่เกิดเหตุ 1 ศพ หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 ระดมกำลังไล่ล่าตำรวจคลั่งและทีมสังหารอีก 2 คนที่ยังหลบหนีการจับกุมอย่างกระชั้นชิด ส่วนสาเหตุมาจากปมขัดแย้งระหว่างพ่อตากับลูกเขย หลังนายธรรมรงค์ยุให้ลูกสาวเลิกกับ ด.ต.อรรถพร จนบานปลายเป็นชนวนแค้นบุกฆ่าอำมหิตความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 9 เม.ย.พล.ต.ต.ศรัญญู ชํานาญราช ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ว่าพบรถเก๋งต้องสงสัยยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กร 3948 สุราษฎร์ธานี ที่ด.ต.อรรถพรใช้หลบหนีจอดอยู่อยู่ใต้ต้นไทรใกล้กับกุฏิที่พักสงฆ์ไกรสรเขตราราม หมู่ 4 ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน ภายในรถพบศพนายอรรพล หรือบาส วิเชียร อายุ 25 ปี ลูกชาย ด.ต.อรรถพร ที่เกิดกับภรรยาคนแรกอยู่ที่เบาะซ้ายด้านหน้า สภาพถูกปรับเบาะเอนมีผ้าขาวม้าลายขาวดำคลุมร่าง มือสองข้างถูกมัดด้วยสายสิญจน์และมีพวงมาลัยดอกไม้คล้องอยู่ ลักษณะคล้ายกับการมัดตราสังข์ มีแผลถูกยิงที่ขมับขวา 1 นัด ในรถพบปลอก 9 มม. 1 ปลอก รอบตัวถังและกระจกไม่พบรอยกระสุน เบื้องต้นคาดว่าน่าจะตายไม่ต่ำกว่า 3 ชม. สอบสวนทราบว่า ก่อนหน้านี้ญาติได้นำศพนายธรรมรัตน์ หรือวัฒน์ วิเชียร พี่ชายของ ด.ต.อรรถพร หนึ่งในคนร้ายที่บุกเข้าไปยิงถล่มนายธรรมรงค์และถูกยิงเสียชีวิตมาบำเพ็ญกุศลศาลาที่พักสงฆ์แห่งนี้เป็นคืนแรก หลังสวดศพจบราว 2 ทุ่มกว่า พระสงฆ์เดินกลับกุฏิพบรถเก๋งจอดอยู่ เดินเข้าไปดูพบผู้เสียชีวิต นอกจากนี้มีพยานให้ข้อมูลว่าช่วงสวดศพมีชายที่คาดว่าเป็น ด.ต.อรรถพรเดินไปบอกญาติในงานว่าฝากจัดงานศพให้หลานด้วยและบอกด้วยว่าหลานอยู่ในรถ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานนายอรรถพล ลูกชาย ด.ต.อรรถพร น่าจะเป็นหนึ่งในคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ และทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้แก๊งมือปืน ยังไม่แน่ชัดว่าถูกกระสุนปืนฝ่ายใด หลังลูกเสียชีวิต ด.ต.อรรถพรนำศพใส่รถมาจอดทิ้งบริเวณที่พักสังฆสถานที่สวดศพนายธรรมรัตน์พร้อมทำพิธีมัดตราสังข์ตามความเชื่ออย่างไรก็ตามระหว่างชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามจับกุม ด.ต.อรรถพร ที่ยังคงหลบหนีไปพร้อมนายมานพ ว่างงาน ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีดังกล่าว รวมถึง น.ส.พนิดา หรือตั๊ก นิลนิยม ลูกสาวของนายธรรมรงค์ ที่หายตัวไปหลังเกิดเหตุ และคาดว่า ด.ต.อรรถพร จะพาหนีไปด้วย ปรากฏว่าในช่วงสายวันที่ 10 เม.ย.เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งพบศพ น.ส.พนิดา หรือตั๊ก เมีย ด.ต.อรรถพร ในห้องพักหมายเลข 1 ลีลาวดีรีสอร์ท ริมถนนทางหลวงชนบท 4247 ต.ท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม สภาพศพเปลือย มีแผลถูกยิงปาก มีกระสุน 9 มม. ฝังอยู่ที่หมอน 1 หัว ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 และแพทย์ รพ.คีรีรัฐนิคม ร่วมตรวจชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตไม่ต่ำว่า 3 วันสอบสวนพยานทราบว่า ด.ต.อรรถพรเป็น คนมาเปิดห้อง ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา ต่อมาช่วงเที่ยงวันที่ 8 เม.ย.นายธรรมรัตน์ พี่ชาย ด.ต.อรรถพรขับรถมาเช่ากับเพื่อนอีก 1 ห้อง ก่อนขับรถพากันออกกันไปไม่กลับมาอีกเลย กระทั่งวันนี้พนักงานไปดูห้องดังกล่าว เนื่องจากยังไม่ได้คืนห้อง เมื่อไปถึงได้กลิ่นศพโชยออกมา รีบเปิด เขาไปดูพบเป็นศพ น.ส.พนิดา ลูกสาวนายธรรมรงค์ สภาพขึ้นอืด เบื้องต้นคาดว่าถูก ด.ต.อรรถพรฆ่าตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. โดยใช้หมอนปิดเก็บเสียง ก่อนนัดแนะนายธรรมรัตน์ พี่ชายมาร่วมวางแผนก่อเหตุ กระทั่งเย็นวันที่ 8 เม.ย.ยกพวกบุกไปยิงถล่มนายธรรมรงค์ พ่อตาเสียชีวิตพร้อมนางนิลทิพย์ ปาลคะเชนทร์ ภรรยา และนายพรศักดิ์ เพ็ชรชู อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ต.ท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม ญาติสนิทนางนิลทิพย์ ต่อมา พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.9 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี เดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมสั่งการให้พนักงานสอบสวนเก็บหลักฐานต่างๆอย่างละเอียด ขณะเดียวกันญาติของ น.ส.พนิดา นิมนต์พระสงฆ์ 2 รูปทำพิธีเชิญวิญญาณของ น.ส.พนิดา กลับบ้านด้วยความโศกเศร้า ทั้งนี้ ญาติเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ด.ต.อรรถพรพาพวกไปยิงนายธรรมรงค์และครอบครัวจนมีคนตายถึง 4 ศพ และ น.ส.พนิดา ลูกสาวนายธรรมรงค์ก็หายตัวไปด้วย ตอนนั้นญาติทุกคนต่างเฝ้ารอข่าวและภาวนาขอให้ น.ส.พนิดา ปลอดภัย ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องร้ายแบบนี้อีก ส่วนปมขัดแย้งไม่ทราบแน่ชัด ที่ผ่านมารู้เพียงว่า น.ส.พนิดาคบหากับ ด.ต.อรรถพร แต่ผู้ใหญ่ฝ่ายนายธรรมรงค์ไม่ให้คบหากัน ไม่นึกว่าเรื่องจะบานปลายกลายเป็นเหตุรุนแรงถึงขนาดนี้ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ช่วงเที่ยงที่ผ่านมาตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ ภ.จ.สุราษฎร์ธานี ติดตามจับกุมนายมานพ ว่างงาน หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับขณะหลบหนีอยู่ในเขตรอยต่อ อ.ทับปุด จ.พังงา นำตัวมาสอบปากคำที่ สภ.คีรีรัฐนิคม เบื้องต้นนายมานพรับสารภาพว่ารู้จักกับนายธรรมรัตน์ พี่ชาย ด.ต.อรรถพร ตอนติดคุกด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุนายธรรมรัตน์ชวนมาร่วมก่อเหตุดังกล่าว นัดแนะกันที่ห้องพักลีลาวดีรีสอร์ต มีนายอรรถพล ลูกชาย ด.ต.อรรถพร ทำหน้าที่ขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน ที่เช่ามาไปก่อเหตุ แต่เกิดการยิงต่อสู้กัน ทำให้นายธรรมรัตน์ถูกยิงตาย ตนและ ด.ต.อรรถพร วิ่งกลับมาขึ้นรถ ลูกชาย ด.ต.อรรถพร เป็นคนขับไปส่งตนที่บ้านพัก ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จากนั้นรีบหลบหนีออกจากพื้นที่ทันที เพราะสังเกตดูอาการ ด.ต.อรรถพรเหมือนคนคุมสติไม่ได้ กลัวว่าจะย้อนมาฆ่านอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า ชุดสืบสวนพบรถเก๋งโตโยต้า รุ่นวีออส ที่ ด.ต.อรรถพรเช่าไป ก่อเหตุและขับหลบหนีจอดทิ้งไว้ในที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 ตรวจสอบและเก็บลายนิ้วมือแฝง ส่วน ด.ต.อรรถพรยังไม่พบเบาะแสที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า ล่าสุดจับกุมตัวพลเรือนที่ร่วมกับตำรวจก่อเหตุได้แล้วในพื้นที่ จ.พังงา และพบปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอกที่รีสอร์ต อีกทั้งยังพบภรรยาผู้ก่อเหตุเสียชีวิต และลูกชายที่ขับรถไปก่อเหตุเสียชีวิตแล้วเช่นกัน ตรวจสอบกระสุนพบลูกชายถูกยิงจากปืนของดาบตำรวจ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ก่อเหตุ คาดว่าน่าจะได้ตัวในเร็วๆนี้ จากการตรวจสอบสภาพศพและพยานหลักฐานต่างๆน่าจะฆ่าภรรยาก่อน เพราะดูจากระยะเวลาการเสียชีวิตภรรยาน่าจะเสียชีวิตก่อน จากนั้นไปฆ่าพ่อตาแม่ยาย ส่วนศพลูกชายที่พบในวัดเบื้องต้นดูร่องรอยกระสุนและพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุน่าจะเกิดจากถูกพ่อฆ่า ส่วนมูลเหตุเกิดจากเรื่องพ่อตาลูกเขย รายละเอียดทั้งหมดต้องรอความชัดเจนหลังจากได้ตัวมาก่อนผบ.ตร.กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้พูดคุยกับ ผบช.ภ.8 แล้ว และมีการประชุมกันในวันนี้ถึงเรื่องการให้มีสิทธิถือครองอาวุธต่างๆ ถึงแม้จะมีหน้างานที่ต้องใช้ก็ต้องระมัดระวัง ต้องดูการเบิกจ่ายให้ดีกว่านี้ เพราะการใช้อาวุธไปในทางอื่นจะสามารถก่อเหตุนี้ขึ้นมาได้ เป็นบทเรียนอีกบทเรียนหนึ่ง ส่วนประเด็นเรื่องอาวุธสงครามที่ดาบตำรวจรายนี้นำไปใช้ ผู้บังคับบัญชาอยู่ระหว่างการเร่งติดตามตัวและจับกุม เมื่อถามถึงผู้ก่อเหตุตั้งใจยิงหรือพูดคุย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน แต่คาดว่าน่าจะมีปากเสียงกันพอสมควร และน่าจะเข้าไปเพื่อจะก่อเหตุยิงเพราะมีการเตรียมอาวุธไปพร้อมต่อมาเวลา 17.30 น.วันที่ 10 เม.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ไปติดตามคดีดังกล่าวที่ สภ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมสอบปากคำนายมานพ หนึ่งในผู้ต้องหาด้วยตัวเอง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า คดีนี้มีผู้ร่วมก่อเหตุ 4 คน จับกุมแล้ว 1 คน คือนายมานพ เสียชีวิต 2 คน คือนายธรรมรัตน์ และนายอรรถพล พี่ชายและลูกชายของ ด.ต.อรรถพร ส่วน ด.ต.อรรถพรยังหลบหนีพร้อมอาวุธสงครามและปืนสั้นถือว่าเป็นบุคคลอันตราย ขณะนี้สั่งให้ สภ.คีรีรัฐนิคม ต้นสังกัดของคนร้ายรายงานการเบิกจ่ายอาวุธปืน และวันเดียวกัน พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิต ผบช.ภ.8 มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.เกรียงไกร เกตุแก้ว ผกก.สภ.คีรีรัฐนิคม ไปช่วยราชการ สปก.ภ.8 และตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีคนร้ายเคยใช้อาวุธสงครามลอบยิงนายธรรมรงค์มาแล้ว 1 ครั้ง แต่ไม่ได้สืบสวนติดตามคนร้าย เพื่อยุติความขัดแย้งอ้างว่าผู้เสียหายไม่ติดใจ