“ผู้การเต่า ปปป.” เจอบันทึกลับหัวหน้าฝ่ายรายได้เขตราชเทวี ระบุเส้นทางเงินใต้โต๊ะ รวมไปถึงสคริปต์เจรจาต่อรอง คาดให้ลูกน้องนำไปใช้เรียกรับผู้ประกอบการ เผยพบผู้ร่วมขบวนการนับ 10 มีเงินหมุนเวียนทั้งหมดกว่า 100 ล้านบาท กำลังดูเรื่องฟอกเงิน เพราะผู้ต้องหานำเงินแปลงเป็นทรัพย์สินอื่น เช่น เช่าพระเครื่อง ส่วนหลักฐานที่ตรวจยึดพบพัวพันกว่า 100 เคส มีผู้ประกอบการเป็นเหยื่อกว่า 100 ราย ขู่ฟ่อ หลักฐานถึงใครโดนหมด ด้านผู้ว่าฯชัชชาติป้องข้าราชการน้ำดีอย่าเสียขวัญ ชี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล กำชับ ผอ. 50 เขต ต้องโปร่งใส ไม่ส่วย ไม่เส้น ส่วนเรื่องคดีเป็นหน้าที่ตำรวจ กทม.ให้ความร่วมมือเต็มที่กรณีตำรวจ บก.ปปป.ซ้อนแผนบุกจับกุมนายประมวล แสงแก้วศรี หัวหน้าฝ่ายรายได้ เขตราชเทวี เรียกรับสินบนผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เลี่ยงภาษี พร้อมเงินของกลาง 3.2 ล้านบาท จับได้ที่ลานจอดรถโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ก่อนเข้าตรวจค้นบ้านใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พบเงินสดในรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์อีก 6.9 ล้านบาท ถัดอีกวันเข้าตรวจค้นห้องพักสาวคนสนิทในคอนโดมิเนียมย่านจตุจักร พบสมุดบัญชีธนาคารหลายเล่ม เอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นมีเงินหมุนเวียนเข้าออกกว่า 5 ล้านบาท ได้ยึดไว้ตรวจสอบความคืบหน้าในการสอบสวนข้าราชการ กทม. รายนี้ เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 7 เม.ย.ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนายประมวล แสงแก้วศรี เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี เรียกรับสินบนผู้ประกอบการเพื่อเลี่ยงจ่ายภาษีว่า จากการตรวจค้นตรวจยึดเอกสารหลักฐานต่างๆได้เป็นจำนวนมาก เอกสารเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญกับแนวทางสืบสวนสอบสวนคดี ขณะนี้เริ่มมีการประชุมแบ่งงานวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพประกอบกับเอกสารหลักฐานต่างๆที่ตรวจยึดได้นั้นมีจำนวนมาก เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกว่า 100 เคส มีผู้ประกอบการที่ตกเป็นเหยื่อกว่า 100 ราย หลังจากนี้อาจจะเชิญตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบปากคำในฐานะพยาน ปัจจุบันสอบไปแล้ว 4-5 ปากผบก.ปปป.กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีเข้าตรวจค้นห้องพักหญิงสาวคนสนิทนายประมวลพบข้อมูลการเงินผ่านเข้าบัญชีกว่า 5 ล้านบาท เป็นช่วงที่นายประมวลยังปฏิบัติหน้าที่อยู่สำนักงานเขตพญาไทและราชเทวี เมื่อพิจารณาจากแผนประทุษกรรมจะพบว่านายประมวลเมื่อได้เงินมาจะไม่ยอมเก็บไว้ใกล้ตัว แต่จะผ่องถ่ายไปให้บุคคลใกล้ชิด รวมถึงนำไปลงทุนเช่าพระเครื่องหรือแปลงเป็นทรัพย์สินอื่นๆ ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นการฟอกเงินหรือไม่ นอกจากนี้ เอกสารหลักฐานต่างๆที่ตรวจยึดมาได้ ยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่รายอื่นๆเกี่ยวข้องกว่า 10 รายชื่อ จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่เช่นกันพล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ยังพบพยานหลักฐานสำคัญเป็นสมุดบันทึกหรือไดอารี ที่นายประมวลเขียนบันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ ไม่ว่าจะเป็นเงินที่ได้มาถูกโอนไปให้กับใครรวมไปถึงบันทึกสคริปต์การพูดต่อรองกับผู้ประกอบการเป็นขั้นเป็นตอนสอนให้ลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชานำไปใช้ในการเรียกเงินจากผู้ประกอบการ จากข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่เชื่อว่าน่าจะก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายเคส ต้องตรวจสอบให้ครบทุกมิติ รวมทั้งเชื่อว่าไม่ได้ทำเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน จากพยานหลักฐานที่มีอยู่เชื่อว่าเพียงพอที่จะเรียกกลุ่มคนที่ต้องสงสัยว่าร่วมกระทำผิดเหล่านี้มาแจ้งข้อกล่าวหาได้ แต่ขอเวลาตรวจสอบให้แน่ชัดเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ยืนยันว่าหากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครไม่มีละเว้น“ส่วนเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินต่างๆรวมทั้งเงินหมุนเวียนในบัญชี พบรวมๆแล้วมีประมาณ 100 กว่าล้านบาท อยากฝากไปถึงผู้ประกอบการต่างๆที่ตกเป็นเหยื่ออยากขอเข้ามาให้ข้อมูลให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ เพื่อที่ปัญหาการทุจริตเหล่านี้จะได้ลดน้อยลงไป” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าววันเดียวกัน ที่ศาลาว่าการ กทม.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ขออย่าให้ข้าราชการน้ำดีเสียกำลังใจ เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ยืนยันว่า กทม.ให้ความสำคัญกับคำที่ว่า “ไม่ส่วย ไม่เส้น” เพราะเรื่องทุจริตเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ขอฝากเตือนถึงข้าราชการทุกคน ส่วนที่มีปัญหาความไม่โปร่งใสในแต่ละเขตได้เน้นย้ำให้ ผอ.เขตให้ความสำคัญเรื่องนี้ คนที่ไม่ดีมีไม่มาก ต้องกรองคนไม่ดีออกไป กทม.จะมีมาตรการป้องกัน โดยจะลดการใช้วิจารณญาณในการประเมินรายได้ของฝ่ายรายได้ เอาเทคโนโลยีมาช่วยจะช่วยลดการใช้วิจารณญาณลง ทำให้กระบวนการเรียกสินบนและค่าตอบแทนใต้โต๊ะลดลงได้ ถือเป็นโอกาสที่ดี เพราะเมื่อก่อนภาษีโรงเรือนคิดตามการประเมินรายได้ แต่พอเปลี่ยนมาเป็นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คิดตามราคาประเมินของกรมธนารักษ์และราคาประเมินอาคาร ทำให้ค่อนข้างตรงไปตรงมาและเมื่อเข้าสู่ระบบดิจิทัลจะทำให้ตรวจสอบได้ดีขึ้นนายชัชชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ตำรวจ กทม.ให้ความร่วมมือเต็มที่ ส่วนในพื้นที่เขตพญาไทจะมีความผิดด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แต่หัวใจสำคัญคือการอุดช่องโหว่ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร หลังจากนี้จะไล่เก็บภาษีอย่างเป็นธรรมส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมองว่า ไม่น่ามีข้อกังขาเพราะเป็นวิทยาศาสตร์ ส่วนภาษีโรงเรือนต้องมีคณะทำงานขึ้นมาเพื่อให้เกิดความรอบคอบและโปร่งใสมากขึ้น และภาษีปีหนึ่ง กทม.เก็บได้กว่า 20,000 ล้านบาท ถือว่าไม่ได้น้อย แต่เมื่อมีการเปลี่ยนรูปแบบจากรายได้เป็นราคาประเมินอาจจะจัดเก็บได้น้อยลง ตามรูปแบบที่เปลี่ยนไปบ้างด้าน พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการประสานงานกับ บก.ปปป. เพื่อปรึกษาหารือถึงรูปแบบการกระทำความผิดก่อนวางแผนดำเนินการ หลังจากนี้จะทำเวิร์กช็อปให้เจ้าหน้าที่ กทม.ได้รับรู้ และตระหนักถึงพฤติกรรมเหล่านี้ ที่ผ่านมา กทม.ทราบแค่ชื่อผู้กระทำความผิด แต่ยังไม่รู้แผนประทุษกรรมจึงต้องให้ตำรวจดำเนินการ กทม.รับทราบมาโดยตลอด แค่ไม่ได้ร่วมวางแผนในการจับกุมเท่านั้น แต่ให้ความร่วมมือมาโดยตลอด หลังจับกุมจะเตรียมการขยายผลต่อไปวันเดียวกัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่า กทม. เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านทุจริตกรุงเทพมหานคร (ศปท.กทม.) ครั้งที่ 3/2566 มี คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครและผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการ ร่วมประชุมนายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร เผยหลังประชุมว่า ที่ประชุมหารือร่วมกันในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่นายชัชชาติให้นโยบายไว้คือเรื่องการต่อต้านการทุจริตไม่ทนต่อการทุจริต ไม่ส่งไม่ส่วย ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านทุจริตกรุงเทพมหานครรับแจ้งเกี่ยวกับการทุจริตเข้ามาประมาณ 70 ราย ผ่าน Traffy Fondue ตรวจสอบพบมีการเกี่ยวข้องประมาณ 20 ราย ได้ลงโทษทางวินัยและดำเนินคดีอาญาไปแล้วบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนบางชัน ฝ่ายรายได้เขตสวนหลวง ล่าสุดเป็นหัวหน้าฝ่ายรายได้เขตราชเทวีเป็นประเด็นใหญ่ กรุงเทพ มหานครได้ดำเนินการเป็นตัวอย่าง โดยปลัดกรุงเทพ มหานครได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย และย้ายมาเข้าแก้มลิง 20 ตำแหน่ง ที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพ มหานครได้ทำไว้ที่สำนักงาน ก.ก. สำนักปลัดกรุงเทพ มหานคร โดยช่วงเช้าได้เซ็นคำสั่งให้พักราชการ จากนั้นจะดำเนินการสอบสวน หากยืดเยื้อจะสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ผลการสอบสวนประมาณ 120 วัน ขยายได้ไม่เกิน 180 วัน ส่วนคดีอาญาเป็นของ บก.ปปป. อยู่ระหว่างส่งเรื่องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณา