ที่มาของเรื่องต่อไปนี้ สี จิ้นผิง อ่านเรื่อง ชานกว่า (เจี่ยงอีเขียน นสพ.เสียงประชาชนรายวัน คุณแสวง เครือวิวัฒนกุล แปล) แล้วประทับใจ แนะนำให้คนจีนอ่านเมื่อไม่นานมานี้ ฉันนั่งรถไฟจากปักกิ่งไปอำเภอหยวนโม่ว มณฑลยูนนาน เมื่อรถไฟถึงตะเข็บรอยต่อระหว่างยูนนานและเสฉวน สองข้างทางล้วนเป็นป่าเขาไร้ผู้คน ก็หยุดจอดสถานีซาอวาฉันเห็นเด็กหญิงชายกลุ่มใหญ่ บนหลังแบกเข่งใหญ่ที่สานด้วยเปลือกใบไผ่ แย่งชิงกันเบียดเสียด เข่งบนหลังทำให้พวกเขาทุลักทุเล กว่าจะผ่านบันไดขึ้นมาได้เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่างผอมมาก เบียดคนเข้ามายืนข้างที่ฉันนั่ง ปลดเข่งลงจากบ่า ฝ่ามือหนึ่งปาดเหงื่อบนใบหน้า สองมือรวบผมที่ปรกหน้าไปไว้ข้างหลัง หน้าตาเธอน่ารัก แต่ซีดเซียวเหมือนสีผักเสื้อแขนครึ่งท่อนที่เธอสวม ตัดเย็บด้วยผ้าพื้นเมือง มีรอยปะทั้งหน้าหลัง กางเกงก็ขาดวิ่น ขากางเกงสองข้างสั้นยาวไม่เท่ากัน เห็นชัด เธอมาจากครอบครัวยากจนผู้โดยสารแน่นมาก มือหนึ่งเธอจับพนักเก้าอี้ตัวที่ฉันนั่ง ดูเธอจะเกรงใจจะยืนเบียดถูกฉัน พยายามดันตัวออกฉันทำได้แค่ขยับตัว ให้เธอมีที่ยืนได้สบาย อีกมือก็ช่วยจับเข่งไว้ ไม่ให้ขวางทางเดินเธอยิ้มให้ฉัน เปิดฝาเข่งล้วงผลไม้ ที่แท้คือ “ลูกมันฮ่อ” เต็มกำมือยัดใส่กระเป๋าฉัน ฉันปฏิเสธ แต่เธอมุ่งมั่นจะให้ เราก็ค่อยๆพูดจากัน จากภาษาถิ่นที่ฟังยาก ไม่นานเราก็ฟังเข้าใจได้เธออายุย่างสิบสี่ บ้านอยู่ไกลสถานีรถไฟหลายสิบลี้ รถยนต์เข้าไปไม่ถึง แม่ป่วยต้องการเงินรักษา จะขายของป่า ก็ต้องใช้เข่งแบกเดินเท้าเปล่าเข้ามาขายในเมืองออกจากหมู่บ้านเที่ยงคืนวานซืน เดินตลอดวันจนมืด แวะนอนในถ้ำ ตื่นแต่เช้า ก็รีบเดินเท้ามาให้ทันรถไฟ“เดินไปกลับไกลขนาดนี้ ไม่กลัวหรือ?” ฉันถาม “ไม่กลัว หนูมีเพื่อน แยกกันตอนขึ้นรถไฟ เดี๋ยวลงรถไฟเราก็เจอกัน” เธอตอบขายลูกมันฮ่อหมด หักค่ารถไฟแล้ว คงเหลือสัก 15-16 หยวน เรื่องอาหาร กินอาหารแห้ง ขนมย่างทำเป็นแผ่นทำด้วยหัวมัน ไปแล้ว ที่เหลือพ่อซุกไว้ก้นเข่ง เอาไว้กินตอนกลับคุยไปซักกันไป ผู้โดยสารรถไฟหลายคนได้ยินกันทั่ว หลายคนเศร้าเหงาพอดีมีเสียงประกาศ รถไฟจะช้า 30 นาที ฉันถือโอกาสโฆษณา...มันฮ่อของเด็กคนนี้อร่อยดี ช่วยกันอุดหนุนหน่อย “อาม้าให้ขาย 10 ผล 25 เซ็นต์” เธอบอก ฉันเสริม “ที่บ้านฉันขายชั่งละตั้ง 8 หยวน”ผู้โดยสารช่วยกันซื้อ ครู่เดียวขายได้ครึ่งเข่ง เธอรวบรวมเงินเก็บเข้ากระเป๋า สีหน้าดีใจมากแล้วรถไฟก็ถึงสถานี ฉันช่วยเธอยกเข่งใส่บ่า เอาเสื้อกางเกงสีถั่วแดงชุดใหม่ ที่ตั้งใจซื้อไปฝากหลานสาว ยัดใส่เข่ง บอกให้เธอเอาไว้ใส่ที่บ้าน เธอยิ้มขอบคุณมีเสียงชาวนาสี่คน ตะโกนบอกออกตัวที่ได้ช่วยซื้อมัน “เรามีสัมภาระติดตัวมาก ไม่มีที่พอใส่” คนหนึ่งยื่นเงิน 50 หยวน “เอาไปซื้อยาให้แม่” เธอหน้าแดงก่ำ ร้องไห้ พูดอะไรไม่ออกเบียดตัวลงจากรถไฟไปแล้ว เธอยังไม่เดินจากไปทันที แต่เดินไปที่หน้าต่างรถไฟ ที่ชาวนาผู้มีน้ำใจนั่ง หลุดคำเรียก “คุณปู่” แล้วก็เดินมาที่หน้าต่างที่นั่งฉัน ตะโกนด้วยน้ำเสียงสะอื้น“คุณยาย หนูชื่อชานกว่าค่ะ เสื้อที่คุณยายให้ หนูจะยังไม่ใส่ หนูจะเก็บไว้ใส่ตอนหนูแต่งงาน”ตอนแรกที่อ่าน คนไทยรุ่นผม สนุกเรื่องที่คุณประวิตร ขยันเล่ามากกว่า ไม่เชื่อคุณสี จิ้นผิง สักเท่าไหร่?แต่อ่านจบแล้ว ซึ้งอึ้งไปเลย ต้องย้อนกลับไปอ่านอีกขอบคุณ คุณบัญญัติ คำนูณวัฒน์ ประธาน บสส.รุ่น 1 แชร์เรื่องนี้ให้อ่าน ใครอ่านแล้วน้ำตาไม่ไหล ผมว่านะ! ไม่น่าจะใช่พวกเราๆ.กิเลน ประลองเชิง