เหตุแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ “ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ตุรกีติดพรมแดนซีเรีย” ก่อความเสียหายมหาศาล “คร่าชีวิตผู้คน หลายหมื่น และบาดเจ็บหลายแสนคน” แล้วยังคงมีผู้สูญหายติดอยู่ใต้ซากอาคารอีกมาก “ทีมกู้ภัยนานาชาติ” ต่างระดมสรรพกำลัง และอุปกรณ์อันทันสมัยเข้าช่วยเหลือชีวิตอย่างไม่ลดละ แม้ตอนนี้โอกาสพบผู้รอดชีวิตเลือนรางลงเต็มทีแต่ความหวังพบผู้รอดก็ยังมีอยู่เช่นนี้ “ทีมสกู๊ป” มีโอกาสได้คุยกับ “ทีมกู้ภัยยูซาไทยแลนด์ (USAR Thailand) เป็นหนึ่งทีมที่ได้ร่วมสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยครั้งนี้ด้วย เลอพงศ์ สวนสังข์ ผอ.ส่วนปฏิบัติการพิเศษค้นหาและกู้ภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน.ชุดทีมยูซาไทยแลนด์ เล่าว่าปัจจุบันภัยพิบัติทางธรรมชาติมีแนวโน้มเกิดบ่อยซับซ้อนมากขึ้น และความเสียหายจากสาธารณภัยไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะประเทศที่ประสบภัยเท่านั้น “แต่ยังส่งผลกระทบต่อประเทศใกล้เคียง” ทำให้ประเทศไทยจัดตั้งชุดค้นหา และกู้ภัยในเมืองแห่งชาติ (National Urban Search and Rescue : USAR Teams) ขึ้นมาอันประกอบกำลังจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. กรมการแพทย์ ทีมสุนัขค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ และภาคเอกชน กลายเป็น “ทีมยูซาไทยแลนด์” ทำการฝึกภาคปฏิบัติ และฝึกซ้อมสถานการณ์จำลองมา 7 ปีเพื่อพัฒนาศักยภาพทีมค้นหา และกู้ภัยในเมืองตามเกณฑ์มาตรฐาน INSARAG ขององค์การสหประชาชาติกำหนดไว้ 5 ด้าน คือ ด้านแรก... “Management การจัดการ” มีฝ่ายประสานงาน การวางแผน ติดตามด้านที่สอง... “Search การค้นหา” มีฝ่ายค้นหาเชิงเทคนิค ค้นหาโดยสุนัข การประเมินวัตถุอันตราย ด้านที่สาม... “Rescue การกู้ภัย” อันเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกู้ภัย ฝ่ายทำลาย ฝ่ายตัด ฝ่ายใช้อุปกรณ์เชือกกู้ภัย ด้านที่สี่... “Logistics” ฝ่ายส่งกำลังบำรุงสนับสนุนช่วยเหลือทีม รวมถึงการบริหารจัดการสื่อสาร การขนส่ง และการข้ามชายแดนด้านที่ห้า... “Medical การแพทย์” ให้การรักษาภาวะฉุกเฉินดูแลสุขภาวะของทีมแล้ว “ยูซาไทยแลนด์” ดำเนินการฝึกฝนสม่ำเสมอจนมีประสิทธิภาพความพร้อมเพื่อเตรียมยื่นใบสมัครเข้ารับการประเมินรับรองจาก “ยูเอ็น” แต่ด้วยโควิด-19 ระบาดหนักทำให้การประเมินนั้นเลื่อนออกมาแล้ว 2 ปี กระทั่ง “เกิดเหตุแผ่นดินไหวตุรกีติดพรมแดนซีเรีย” ส่งผลกระทบต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมาก “รัฐบาลไทย” ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจาก “รัฐบาลตุรกี” ผ่านกระทรวงต่างประเทศแล้วเห็นว่า “ยูซาไทยแลนด์” มีขีดความสามารถในด้านค้นหา และกู้ภัยในเขตเมืองจึงพิจารณาส่ง “ทีมยูซาไทยแลนด์ 42 คน และสุนัขกู้ภัย 2 ตัว” พร้อมอุปกรณ์ค้นหา รวมถึงอุปกรณ์การแพทย์ฉุกเฉิน 72 รายการ รวมกว่า 241 ชิ้น เช่น อุปกรณ์กู้ภัยการช่วยชีวิต อุปกรณ์จัดตั้งฐานปฏิบัติการ อุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียมสำหรับสื่อสารในพื้นที่ประสบภัย และเวชภัณฑ์น้ำหนักรวมกว่า 8 ตันเพราะด้วยตามมาตรฐานสากล “กรณีการเข้าช่วยเหลือเหตุภัยพิบัติขนาดใหญ่” มีข้อกำหนดไว้ไม่อาจขอสนับสนุนจากหน่วยงานพื้นที่ได้ “รัฐบาลตุรกีจะจัดเฉพาะสถานที่โล่งให้เท่านั้น” เหตุนี้เราจำต้องจัดเตรียม อุปกรณ์ทั้งด้านการค้นหา กู้ภัย และสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในการปฏิบัติภารกิจนั้น 10 วันแต่ว่าหลักการทำงานก่อนออกเดินทางนั้น “ยูซาไทยแลนด์” ได้เรียกรวมพลทีมประชุมวางแผนการปฏิบัติงานเบื้องต้นมาแล้ว เมื่อถึง “ตุรกีก็มุ่งหน้าไปยังเมืองอาดานา” เข้ารายงานตัวกับหน่วยงานที่รับผิดชอบของตุรกี และยูเอ็นตามระบบร่วมกันกับ “ยูซานานาชาติ” เพื่อรับมอบภารกิจ และพื้นที่ในการปฏิบัติการส่วนภารกิจจะแบ่งเป็น 2 ชุด แต่ละทีมประกอบด้วยฝ่ายการจัดการ ฝ่ายการค้นหา ฝ่ายการกู้ภัย ฝ่ายส่งกำลังบำรุงสื่อสาร “แพทย์” ดูแลสุขภาพคนในทีม “วิศวกร” ทำหน้าที่ประเมินโครงสร้างอาคารก่อนเข้าปฏิบัติการถัดมาถ้าจะพูดถึงสถานการณ์ต้องยอมรับว่า “เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงมาก” ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนของประชาชนที่อาศัยอยู่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ตุรกีกว่า 10 จังหวัด ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ในส่วน “ยูซาไทยแลนด์” ได้รับมอบหมายเข้าปฏิบัติภารกิจในเมืองฮาไต (Hatay) ที่เป็นศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว สิ่งที่ปรากฏในระหว่างเดินทางเข้าพื้นที่ได้พบเห็น “ความเสียหายอาคารบ้านเรือนพังถล่ม 100%” ประชาชนไร้ที่อยู่อาศัยทำให้ “รัฐบาลตุรกี” จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว และจัดตั้งจุดแจกจ่ายอาหารอยู่หลายแห่ง “แต่ด้วยสภาพอากาศหนาวเย็น 1-2 องศาฯ” ทำให้ผู้ประสบภัยค่อนข้างมีความเป็นอยู่ลำบากมากทั้งยังมีประชาชนบางส่วนรอความหวังในการเร่งค้นหาผู้สูญหายติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังจำนวนมาก “ทีมกู้ภัยจากทั่วโลก รวมถึงทีมไทย” ต่างทำงานแข่งขันกับเวลาค้นหากันอย่างต่อเนื่อง “แต่ด้วยการเกิดเหตุล่วงเลยเวลามานานเกิน 7 วันแล้ว” ทำให้โอกาสพบผู้รอดชีวิตคงน้อยลงมากๆยิ่งเหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในเวลา 04.17 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) อันเป็นช่วงผู้คนกำลังหลับนอนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แล้วยังมีแนวโน้มพบผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยซ้ำตอกย้ำ “อุปสรรคการค้นหา และกู้ภัย” เรื่องแรกคงหนีไม่พ้นปัญหาจาก “สภาพอากาศหนาวเหน็บถึงขั้นอุณหภูมิติดลบ” แต่เราเตรียมเครื่องนุ่งห่มมาดี ทำให้การช่วยเหลือผู้รอดชีวิตมีความลำบากเล็กน้อยทว่าสำหรับ “ด้านเทคนิคการค้นหา” ใช้วิธีหลายองค์ประกอบผสมผสานกัน อย่างเช่นการใช้ตรวจจับด้วยกล้อง search camera เครื่องตรวจฟัง เครื่องบันทึกเสียงพร้อมไมโครโฟนกับเสา และเครื่องเรดาร์ค้นหาผู้ประสบภัยใต้ซากอาคาร ในการตรวจจับความเคลื่อนไหว หรือตรวจจับการหายใจของสิ่งมีชีวิต ในส่วน “สุนัขดมกลิ่น” เป็นอีกเทคนิคหนึ่งในการใช้การรับรู้ดมกลิ่นที่ดีเยี่ยมของสุนัขที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตติดอยู่ในพื้นที่ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งการค้นหาด้วยสุนัขนั้นมีประสิทธิภาพในการค้นหาสูงมาก และสามารถให้ผลสรุปได้ค่อนข้างแน่นอนดังนั้นจริงๆแล้ว “สุนัขดมกลิ่น” เป็นสิ่งมีชีวิตในการค้นหาสามารถระบุ “ผู้รอดชีวิต” ได้ประสิทธิภาพสูงชัดเจนอันดับต้นๆ ยิ่งกว่านั้น “สุนัขดมกลิ่น K9 พันธุ์โกลเด้นฯ” เป็นสัตว์ทนอยู่ในอากาศหนาวได้ดี “ทำให้การค้นหาค่อนข้างราบรื่นไม่มีอุปสรรค” ในส่วนเครื่องมืออุปกรณ์เป็นเพียงตัวช่วยสนับสนุนสุนัขดมกลิ่นเท่านั้นอย่างไรก็ดีเบื้องต้นตอนนี้ “ทีมค้นหา และกู้ภัยนานาชาติ” เริ่มทยอยถอนกำลังออกจากตุรกีกลับประเทศบางส่วนแล้ว เพราะจากนี้ “รัฐบาลตุรกี” จะนำเครื่องจักรขนาดใหญ่เข้ารื้อซากอาคารบ้านเรือนที่ถล่มลงมานั้น“ในฐานะเป็นหนึ่งทีมที่เข้าปฏิบัติการค้นหาผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในตุรกีต่างได้เห็นสภาพอาคารบ้านเรือนพังเสียหายหนักมาก ประชาชนสิ้นเนื้อประดาตัวทั้งเมืองและบางคนยืนร้องไห้โศกเศร้าช็อกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้จนญาติพี่น้องหลายคนยังติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ทำให้เห็นแล้วรู้สึกหดหู่ใจมาก” เลอพงศ์ว่า แผ่นดินไหวในตุรกีนี้กำลังส่งสัญญาณเตือน “ประเทศไทย” ต้องตระหนักในการเตรียมการป้องกันรับมือทุกสถานการณ์กับ “เหตุที่มิอาจคาดการณ์ล่วงหน้าได้” ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานและอาคารบ้านเรือนโดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่เป็นดินอ่อนต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษปัจจุบันมีกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.2564 ในหลายพื้นที่เสี่ยงเช่นนี้ควรต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ขณะที่อาคารเก่าก็ควรพิจารณาปรับปรุง และปิดจุดด้อยที่จะทำให้เกิดอาคารถล่มด้วยย้ำว่า “แผ่นดินไหว” ไม่อาจคาดการณ์ได้ “ประชาชน” ต้องตระหนักศึกษาวิธีเอาตัวรอดไว้ “ภาครัฐ” ก็ควรเตรียมแผนรับมือและป้องกันเหตุ อัปเดตข้อมูลอยู่ตลอด เพื่อมิให้เกิดโศกนาฏกรรมร้ายแรง.ขอบคุณภาพจาก Twitter : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)