ระทึกบึมสนั่นคลังแสงทหาร เมืองกรุงเก่า ชาวบ้านแตกตื่นเดชะบุญไม่มีใครได้รับอันตราย จุดเกิดเหตุเป็นโรงงานผลิตชนวนระเบิดเตรียมปรับปรุงใหม่ ต้องขนย้ายสารเคมีจำพวกกรดไนตริกกับกรดซัลฟิวริกออกมาไว้ด้านนอก คาดทำปฏิกิริยากับอากาศ ประกอบกับสภาพอากาศร้อนอบอ้าวทำให้เกิดการลุกไหม้จนระเบิดขึ้นควันโขมง เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้ไม่มีการระเบิดซ้ำ ผวจ.ลงพื้นที่ดูแลประชาชน สั่งเตรียมพร้อมสนับสนุนรถดับเพลิงป้องกันเหตุเหตุระเบิดระทึกขวัญในคลังแสงเปิดเผยเมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 10 ก.พ. เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นมีกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาจากบริเวณโรงงานผลิตชนวนระเบิด กองโรงงานวัตถุระเบิด ศูนย์อุตสาห กรรมสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา สร้างความแตกตื่นตกใจให้ชาวบ้านละแวกใกล้เคียง หลังเกิดเหตุมีรถดับเพลิงหลายคันจากหลายพื้นที่และรถดับเพลิงภายในกรมสรรพาวุธวิ่งเข้าไประดมฉีดน้ำดับเพลิง ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในนายมาโนช จันทร์เกตุ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บ้านเกาะ เปิดเผยภายหลังเข้าไปดูจุดเกิดเหตุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ดินระเบิด แต่เป็นสารเคมีที่นำออกมาจากในโรงงานที่กำลังจะปรับปรุงใหม่ เมื่อเจอความร้อนจากแสงแดดทำให้เกิดปฏิกิริยาจนเกิดระเบิดขึ้นไม่มีใครบาดเจ็บ และสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ ปภ.พระนครศรีอยุธยา ว่า สาเหตุที่เกิดการระเบิดเกิดจากชนวนประกอบวัตถุระเบิดที่ไม่ได้ใช้งานแล้วนำออกจากตัวอาคารมาวางไว้ในหลุมด้านนอกเพื่อรออนุมัติทำลายทิ้ง แต่มาเกิดระเบิดขึ้นต่อมาในช่วงบ่าย ผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุอยู่ลึกเข้าไปจากถนนสายหันตรา-บ้านเกาะ ประมาณ 3 กม. บริเวณข้างอาคารโรงงานพบหลุมขนาดใหญ่กว้างประมาณ 5 เมตร เป็นหลุมไว้ใช้สำหรับทำลายสารเคมีในการประกอบชนวนระเบิดที่ไม่ได้ใช้แล้ว ยังคงมีกลุ่มควันลอยคลุ้งอยู่ในหลุม ใกล้กันมีรถแทรกเตอร์ตักดินจอดอยู่ถูกไฟไหม้พังเสียหาย โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับอันตราย เจ้าหน้าที่ยังคงฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้เพื่อป้องกันเหตุระเบิดซ้ำพ.อ.อิศเรศ ศิลางาม ผอ.กองโรงงานวัตถุระเบิด เผยว่า จุดเกิดเหตุเป็นอาคารเก่าที่ใช้เก็บสารเคมีในการประกอบชนวนระเบิด หลังได้รับงบประมาณให้ปรับปรุงอาคารต้องขนย้ายสารเคมีบางส่วนออกมานอกอาคาร และกำจัดสารเคมีที่ไม่ได้ใช้แล้วออกมาไว้กลางแจ้ง ส่วนใหญ่เป็นกรดไนตริกกับกรดซัลฟิวริกที่ใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตชนวนระเบิด เกิดทำปฏิกิริยากับอากาศ ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้เกิดการลุกไหม้จนระเบิดขึ้น เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้วและจะไม่มีการระเบิดซ้ำ ชาวบ้านบริเวณโดยรอบพื้นที่ไม่ต้องอพยพด้านนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือว่า เพลิงสงบลงแล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งการให้ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เร่งดูแลพี่น้องประชาชนโดยรอบบริเวณดังกล่าว และให้เตรียมรถดับเพลิงพร้อมสนับสนุนทั้งประชาชนและกองโรงงานวัตถุระเบิด เพื่อป้องกันหากเกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีก