ชาวพุทธไทย รู้จักบริษัท 4 ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา แล้วก็รู้ว่า มีเหตุปัจจัยทำให้ภิกษุณีขาดวงศ์ไปนาน ที่มีอยู่ตอนนี้ ฟังได้ว่าได้เชื้อมาจากประเทศอื่นยังมีอีกบริษัท 4 ที่ไม่เป็นทางการ เรียกกันแบบบ้านๆ พระเณรเถรชี แต่ตอนนี้เถรขาดวงศ์ไปเสียแล้วสมเด็จพระสังฆราช แพ วัดสุทัศน์ ท่านเคยบอกเจ้านายผู้ใหญ่ว่า เถร คือฆราวาส อาศัยวัดอยู่ ถ้าความรู้ดี ประพฤติดี ก็มีชาวบ้านนับถือในสมัยรัชกาลที่ 4 เถรยังมีไม่น้อย แต่มีเหตุให้ถูกจัดระเบียบ จนค่อยๆหายไป ดังมีเรื่องต่อไปนี้เดือนสิบเอ็ด ปีชวด จุลศักราช 1214 มีประกาศให้ออกบังคับใช้แก่พระอารามหลวงทั่วราชอาณาจักร ความว่า ด้วยมีรับสั่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ศรีสุคตขัตติยวงศ์ สั่งว่าณ วันพุธ เดือน 11 ขึ้น 9 ค่ำ ปีชวด จัดวาศก พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระที่นั่งดุสิตมหาประสาท ทรงพระราชปรารภเหตุอันพระยาศรีสุริยวงศ์กราบทูลพระกรุณาว่าเถรจั่น บวชอยู่ ณ วัดทองเพลง แทงเอาผู้มีชื่อแล้วหนีไป ยังเอาตัวมิได้จึงมีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า ทุกวันนี้คนพาลอายุเกินอุปสมบท หลีกหลบเข้าบวชเป็นเณร เป็นเถร อาศัยวัดทำการทุจริตหยาบช้าต่างๆ มีเป็นอันมากแต่ที่กุลบุตรจะบวชเป็นสามเณร ตั้งแต่อายุยังอยู่ในทารกภูมิ ไปจนถึงอายุ 21 ปี ควรที่จะอุปสมบทบวชเป็นภิกษุ แม้นมีความขัดข้องด้วยเหตุอันใดอันหนึ่ง มิได้อุปสมบท ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เป็นสามเณรไปอีก 3 ปี จนถึงอายุ 24 ปีถ้าพ้นไปกว่านั้น ไม่อุปสมบท ก็ให้สึกเสีย เป็นคฤหัสถ์จะได้รับราชการแผ่นดินห้ามไม่ให้บวชเป็นเถร เป็นเณร สืบไปอีกกว่านั้นอนึ่งถ้าภิกษุชราอายุถึง 70 ปีไปแล้ว จะปฏิบัติในสมณธรรมมิได้ จะประจุออกบวชเป็นเถรเป็นเณร ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บวช มิได้ห้ามแม้คฤหัสถ์ชราอายุล่วง 70 ปีแล้ว จะหากินเลี้ยงชีวิตในฆราวาสนั้นขัดสน จะบวชเป็นเถรเป็นเณรพอได้ บิณฑบาตฉันเลี้ยงชีวิตโดยง่าย ก็จะได้หักหาญชีคฤหัสถ์ห้ามแต่อายุ 24 ขึ้นไปจนถึง 70 ปี มิให้บวชเป็นเถรเป็นเณร ในระหว่างนั้น เป็นอันขาดทีเดียวแม้นล่วงพระราชบัญญัติครั้งนี้ อุปัชฌาย์อาจารย์ผู้บวชให้ก็จะมีโทษ ฝ่ายพุทธจักรตัวกุลบุตรผู้บวช ก็จะมีโทษทั้งฝ่ายพุทธจักรแลอาณาจักรทั้งสองฝ่าย เป็นมหันตโทษถ้าพระราชาคณะ ฐานานุกรม เปรียญ อนุจรทั้งปวงทุกๆพระอาราม แจ้งในพระราชกำหนดประกาศนี้แล้ว ก็จงกระทำตามพระราชบัญญัตินี้ จงทุกประการตามเนื้อหาพระราชกำหนดประกาศฉบับนี้ รัชกาลที่ 4 ยังทรงมีพระเมตตา โปรดให้คนแก่อายุเกิน 70 ปี บวชเป็นเถร เป็นเณร ถือบาตรขอข้าวชาวบ้านกินได้ ถ้าอายุตั้งแต่ 24 ปีไปถึง 70 ปี ทรงห้ามจึงเป็นอันว่า นับแต่สมัยนั้น เณรโค่ง เณรอายุมาก ไม่มี เถรซึ่งคงไม่ได้โกนหัวห่มเหลืองเหมือนพระ ไม่มีกฎกติกาถือศีลกี่ข้อ ซึ่งเคยขึ้นหน้าขึ้นตา ก็เริ่มหายหน้าไปจะเหลือ เถรหง่อม อายุเกิน 70 ปี อาศัยขอข้าวชาวบ้านกินประทังชีวิตอยู่บ้าง ก็คงน้อยเต็มที เถรหง่อม งกๆเงิ่นๆได้ไม่กี่ปีก็ตาย นี่เป็นเรื่องในสมัยรัชกาลที่ 4 ที่เฉลี่ยคนไทยอายุไม่ยืนนักหากเปลี่ยนมาเป็นสมัยนี้ คนอายุยืนเฉลี่ย เอ! ผมจำได้ว่าใกล้ 80 ปีแล้วนี่นา อายุจึงไม่ใช่ปัญหา คนแก่จะอายุ 77-78 ปี อยากจะตีตั๋วเป็นนายกฯบ้าง แทนที่จะนินทา หง่อมเต็มทีแล้วยังไม่เจียมตัว กลับมีเสียงขานรับฮือฮาการเมืองเมืองไทย อายุมากน้อยไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่ว่า เงินน่ะมีมากพอมั้ย! เท่านั้นเอง.กิเลน ประลองเชิง