กับบทพิสูจน์สังคมไทย ที่ไม่เคยถอดบทเรียนจากความรุนแรงจริงจัง ท่ามกลางความเศร้าสลดเสียใจของพี่น้องประชาชนชาวไทย กับโศกนาฏกรรมช็อกโลกที่อดีตตำรวจยศ ส.ต.อ. อดีต ผบ.หมู่ ป.สภ.นาวัง อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู คลุ้มคลั่งบุกศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์ใช้มีดพร้าฟันหัวเด็กเล็กวัย 2-5 ขวบที่กำลังนอนกลางวันอย่างอำมหิตเป็นเหตุให้เด็กน้อยไร้เดียงสาต้องสังเวยชีวิต ด้วยฝีมืออมนุษย์ตนนี้ ถึง 24 ศพ แล้วยังใช้ปืนพก 9 มม. ยิงครูพี่เลี้ยงดับไปอีก 3 ศพ หนึ่งในนั้นตั้งท้องแก่ 8 เดือนใกล้คลอด ระหว่างขับรถหลบหนีก็ก่อเหตุลงไปยิง-ฟันผู้บริสุทธิ์ตามรายทาง จนมีผู้เสียชีวิตเพิ่มหลายศพ สุดท้ายกลับบ้านไปยิงปลิดชีพเมียและลูกเลี้ยงและฆ่าตัวตายหนีความผิดรวมมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 37 ศพ บาดเจ็บอีก 10 รายไม่เพียงแต่สะเทือนขวัญพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ แต่ยังเป็นข่าวใหญ่ระดับโลก สร้างความเศร้าสลดให้กับผู้คนในโลกใบนี้ก็ต้องถามตรงๆไปยังผู้มีอำนาจทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้กุมอำนาจรัฐอยู่ ณ เวลานี้ ถึงเวลาที่จะเอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหาความรุนแรงในสังคมหรือยังโจทก์ใหญ่ของปัญหาที่เพิ่งเกิด ถูกพุ่งเป้าไปที่ ยาเสพติด ที่ ส.ต.อ.ผู้ก่อเหตุถูกระบุว่าติดยามาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม จนมาสอบบรรจุเป็นตำรวจได้ก็ยังคงเสพมาตลอด จนเป็นเหตุให้ถูกปลดออกอีกโจทก์คือ อาวุธปืน ที่บ้านเราหามาใช้กันง่ายดาย ทั้งที่ถูกกฎหมาย และ ปืนเถื่อนผิดกฎหมายโดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด ที่แม้รัฐบาลชุดนี้ที่สืบต่อมาจากรัฐบาล คสช. จะตั้งหน้าตั้งตาปราบปราม จับยาบิ๊กลอตกันเป็นว่าเล่นแต่ดูเหมือน ยิ่งจับก็ยิ่งระบาดหนักขึ้น จนมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐไม่กล้าแก้ปัญหานี้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็เพราะมีผลประโยชน์แฝงจากยาเสพติดอยู่ทำได้ก็แค่จับรายวัน จับรายปีเพื่อสร้างผลงานช่วงโยกย้าย โดยเฉพาะสินบนนำจับ จนบางครั้งก็มีข่าวนำของกลางมาเวียนเทียน เพื่อกินสินบนนำจับกันก็อย่างที่ คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว.แต่งตั้ง ระบุว่า “ใครจะอยากให้ความชั่วร้ายตัวนี้หมดไป เพราะได้รับประโยชน์จากขบวนการจัดการ”และอยากเห็นกึ๋นผู้นำประเทศ กล้าตัดสินใจปฏิรูประบบการจัดการยาเสพติด สร้างผลงานสุดท้ายก่อนจบวาระมีข้อที่น่าสังเกตว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ผู้ก่อเหตุมักเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่อยู่ในเครื่องแบบ หากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้ก็เกิดเหตุ “จ่าทหารคลั่งกราดยิงที่โคราช” “จ่าคลั่งกราดยิงเพื่อนในกรมยุทธศึกษาทหารบก” หรือ “ครูกอล์ฟปล้นทองกราดยิงคนในห้าง”โดยเฉพาะกรณีจ่าทหารคลั่งกราดยิงที่โคราช ส่งผลให้ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ขณะนั้น ถึงกับหลั่งน้ำตา และประกาศจะปฏิรูปกองทัพ แต่นี่ผ่านมากว่า 2 ปีครึ่ง ยังไม่เห็นมีอะไรคืบฝีมือผู้ก่อเหตุที่มีทั้งคนที่สวมใส่ชุดทหารและตำรวจ ไม่น่าจะแค่ปัญหาเรื่องเครียดหรือติดยาเท่านั้น แต่น่าจะเป็นปัญหาบางอย่างภายในกองทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องหาทางแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีกแรงสะสมความเกลียดชังกันในสังคม ที่ทุกฝ่ายช่วยกันปลุก ก็เป็นอีกตัวการสำคัญเราจะร่วมกันถอดบทเรียน ลดความรุนแรงในสังคมกันได้หรือยังหรือพอกระแสซา ก็ซุกปัญหาเอาไว้ใต้พรมต่อไป.“เพลิงสุริยะ”