ก็เพราะคนยุคใหม่เติบโตมาท่ามกลางโลกที่หมุนเร็วและแรง จึงมีความคาดหวังและต้องการสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้ แต่เรื่องการท่องเที่ยว ก็เริ่มมีการเจาะกลุ่ม “Niche Market” รวมเฉพาะคนที่มีความชอบอะไรใหม่ๆ เหมือนกัน จนพัฒนากลายเป็นเทรนด์ท่องเที่ยวสุดแปลกน่าจับตามองศูนย์พัฒนาวิชาการด้านตลาดการท่องเที่ยว (TAT Academy) พาไปเจาะลึก 3 เทรนด์ท่องเที่ยวสุดแปลก แต่มีอยู่จริง เริ่มจาก “Ghost Tour ทัวร์ผีสิงวัดใจสิ่งที่มองไม่เห็น” ไม่ได้จะพานักท่องเที่ยวไปเจอกับผีตัวเป็นๆ แต่เน้นการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยมากกว่าการท้าทายสิ่งลี้ลับ เพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวที่อยากรู้อยากเห็นอยากลองสัมผัสบรรยากาศความหลอน หรือตามรอยสถานที่ในประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดโศกนาฏกรรม ทั้งนี้ ก็เพื่อความบันเทิงเป็นหลัก ในต่างประเทศมีกระแสตอบรับดีมาก โดย “TripAdvi sor Experiences” พบว่าปี 2018 รูปแบบทัวร์ผีสิงถูกจองบนเว็บไซต์ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 79% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในอเมริกา อัตราการเติบโตพุ่งสูงขึ้นถึง 108% ทัวร์ผีสิงยอดนิยมก็เช่นโรงแรมสแตนลีย์ รัฐโคโลราโด สถานที่ จริงที่ “สตีเฟน คิง” เจ้าพ่อนวนิยายสยองขวัญเข้าพัก ก่อนเจอเรื่องลี้ลับจนเป็นแรงบันดาลใจของนวนิยายสุดหลอน “The Shining” อีกสถานที่หลอนๆติดอันดับโลก รวมถึง “Enfield Poltergeist” บ้านผีสิงแห่งเอนฟีลด์ อังกฤษ และโบสถ์สยองขวัญในโรมาเนีย อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวแบบ “Ghost Tour” ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมในเมืองไทย แม้จะเป็นดินแดนที่มีความเชื่อเรื่องลี้ลับไม่แพ้ชาติใดในโลก เพราะวัฒนธรรมความเชื่อของไทยค่อนข้างอ่อนไหวและผูกโยงกับความศักดิ์สิทธิ์อย่างแยกไม่ออก “Mutelu Tourism โอมจงปัง...เที่ยวรับความเฮง” จึงนิยมแพร่หลายมากในเมืองไทย จุดประสงค์ของนักท่องเที่ยวแตกต่างกัน เช่น สักการบูชาเพื่อความสบายใจ, การดูดวงตามความเชื่อ, การแสวงบุญ, การบนบานและแก้บน โดยทั้งหมดตอบสนองคุณค่าทางจิตใจและเสริมความเป็นสิริมงคล จากผลสำรวจของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าปี 2562 คาดว่าการเดินทางไปมูเตลูทั่วไทยสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบมากถึง 10,800 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นร้อยละ 0.36 ต่อ มูลค่าการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศ นอกจากนี้ การท่องเที่ยวเชิงความเชื่อสามารถต่อยอดสู่การบอกเล่าเรื่องราวทางวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์ และภูมิปัญญาท้องถิ่น ตัวอย่างการท่องเที่ยวมูเตลูเลื่องชื่อของไทย เช่น “ไอ้ไข่ หรือเจ้าไข่” จังหวัดนครศรีธรรมราช, “คำชะโนด” จังหวัดอุดรธานี และ “หลวงพ่อทันใจ” จังหวัดเชียงใหม่ อีกหนึ่งเทรนด์แปลกมาแรงทั่วโลกยกให้ “Cannabis Tourism กัญชาพาเพลิน” เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสายเขียวที่อยากมีประสบการณ์ทดลองกัญชาสักครั้ง ทั้งใช้เพื่อการแพทย์และสันทนาการ นิตยสารฟอร์บส์เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมกัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจกำลังมาแรงในภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก ในปัจจุบันคาดว่ามีมูลค่าสูงถึง 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 5.9 แสนล้านบาท สอดคล้องกับผลวิจัยของ “ResearchAndMarkets.com” ชี้ว่า การใช้กัญชาเพื่อสันทนาการมีอัตราเติบโตสูงถึง 28% และมีโอกาสขึ้นเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของโลกหากมีการอนุญาตมากขึ้นในระดับโลก เมืองไทยเปิดเสรีกัญชาทั้งทีก็ต้องชิงส่วนแบ่งตลาดมาให้ได้ อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือ!!