หลายภูมิภาคในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา กำลังเผชิญกับภัยแล้ง โดยเฉพาะระดับน้ำในแม่น้ำหลายแห่งลดต่ำอย่างเป็นประวัติการณ์ เป็นหนึ่งในสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิกฤติของโลกที่น่ากังวลต่ออนาคต ทว่าท่ามกลางความน่าตื่นตระหนกในความแห้งแล้ง ก็มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นควบคู่ นั่นคือการค้นพบบรรดาหลักฐานทางโบราณคดี หรือซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิล ที่ผุดโผล่ให้เห็นหลังน้ำในแม่น้ำลำธารขอดแห้ง อย่างเช่น ความแห้งแล้งในรัฐเท็กซัสก็ทำให้แม่น้ำพาลักซี ที่ไหลผ่านอุทยานไดโนซอร์ วัลเลย์ สเตท พาร์ค (Dinosaur Valley State Park) ซึ่งน้ำแห้งเหือดลงจนทำให้เห็นเส้นทางรอยเท้าของไดโนเสาร์ ถูกระบุว่าเป็นแอโครแคนโทซอรัส (Acrocantho saurus) น้ำหนัก 6,350 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มวัยจะสูงราว 4.5 เมตร อยู่ในกลุ่มไดโนเสาร์เธอโรพอด (Theropods) เดินด้วย 2 เท้า มี 3 นิ้วและกรงเล็บในแต่ละแขนขา ฟอสซิลรอยเท้าไดโนเสาร์ชนิดนี้มีอายุ 113 ล้านปี คาดว่าจะเป็นเส้นทางรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งภายใต้สภาพของแม่น้ำที่เป็นปกติ รอยเท้าเหล่านี้จะซ่อนอยู่ใต้น้ำและมักจะถมเต็มด้วยตะกอน ทำให้พวกมันถูกฝังและมองไม่เห็น ทั้งนี้ อุทยานของรัฐเท็กซัสแห่งนี้ตั้งอยู่ในผืนแผ่นดินทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองดัลลัส ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ริมมหาสมุทรโบราณและไดโนเสาร์ได้ทิ้งรอยเท้าไว้ในโคลน ณ ช่วงเวลานั้นนอกจากนี้ ก็มีการค้นพบเส้นทางรอยเท้าไดโนเสาร์อื่นๆที่อุทยานไดโนซอร์ วัลเลย์ สเตท พาร์ค เช่นกัน ได้รับการระบุว่า เป็นของพวกซอโรพอด ไดโนเสาร์คอยาวที่ชื่อ ซอโรโพไซดอน โปรเตเลส (Sauropo seidon proteles) สายพันธุ์นี้จะยืนได้สูงถึง 18 เมตร หนัก 44,000 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มวัย.