“เราตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับฟาร์มเลี้ยงสุกรของซีพีเอฟทั้ง 98 แห่ง และฟาร์มของเกษตรกรในโครงการคอนแทกต์ฟาร์ม ได้ดำเนินการตามมาตรฐาน Greenfarm มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2552 ทั้งหมดอยู่ภายใต้มาตรฐานฯ เดียวกัน มุ่งจัดการของเสียภายในฟาร์มสุกรด้วยระบบ Biogas ที่ส่งผลดีทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ที่สำคัญเรายังให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ต่อยอดความสำเร็จจากระบบ Biogas เปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในฟาร์ม ช่วยลดต้นทุนด้านไฟฟ้าได้ถึง 50-80% ของค่าไฟฟ้าทั้งหมด และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศได้ประมาณ 370,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เป็นผลดีทั้งในด้านการประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อน” นายสมพร เจิมพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ บอกอีกว่า บริษัทยังนำระบบโซลาร์เซลล์มาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับส่วนต่างๆของฟาร์ม เกิดผลประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต่อยอดสู่โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ : SOLAR CELL ในรูปแบบ “โซลาร์ฟาร์ม” มีฟาร์มนำร่องที่ได้ติดตั้งและเดินระบบจ่ายไฟฟ้าแล้ว ได้แก่ ฟาร์มกาญจนบุรี ฟาร์มวิเชียรบุรี ฟาร์มศรีเทพ ฟาร์มเพชรบูรณ์ และฟาร์มท่าจรุง รวมกำลังผลิตไฟฟ้า 1.3 เมกะวัตต์ และกำลังจะขยายสู่โครงการเฟส 2 อีก 6 แห่ง คือ ฟาร์มจันทบุรี 1 ฟาร์มหนองคาย ฟาร์มโคกปี่ฆ้อง ฟาร์มคลองอุดม ฟาร์มศิลาทิพย์ และฟาร์มลพบุรี รวมกำลังผลิตไฟฟ้า 1.25 เมกะวัตต์ โดยในอนาคตจะขยายไปยังฟาร์มอื่นๆต่อไป “เรามุ่งพัฒนาฟาร์มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมีฟาร์มของบริษัทเป็นต้นแบบ แล้วถ่ายทอดความสำเร็จไปสู่ฟาร์มของเกษตรกร ทั้งมาตรฐานกรีนฟาร์ม การนำระบบ Biogas และโซลาร์ฟาร์มให้กลายเป็นขุมพลังสำคัญสามารถป้อนไฟฟ้าเข้ากระบวนการเลี้ยง เป็นพลังงานสะอาดที่ฟาร์มสามารถผลิตใช้เองได้ ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า บางฟาร์มสามารถทดแทนการใช้พลังงานจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ 100% และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตได้เป็นอย่างดี”ขณะเดียวกัน ฟาร์มสุกรของซีพีเอฟทุกแห่ง มุ่งพัฒนากระบวนการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่การผลิต ด้วยหลักการ 3Rs คือ “Reduce” ลดปริมาณการใช้น้ำ “Recycle” นำน้ำกลับมาใช้ใหม่ โดยผ่านกระบวนการบำบัดแล้ว และ “Reuse” นำน้ำมาใช้ซ้ำ ด้วยการนำน้ำที่ออกจากระบบ Biogas และผ่านการบำบัดจนเป็นน้ำที่มีคุณภาพนำกลับมาใช้ ช่วยลดการใช้น้ำดิบจากแหล่งธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วที่เรียกว่า “น้ำปุ๋ย” กลับไปใช้ประโยชน์ ทั้งรดสนามหญ้า ต้นไม้ และแปลงปลูกผักปลอดสารสำหรับบุคลากรในฟาร์ม และยังนำน้ำมาผ่านการฆ่าเชื้ออีกครั้งสำหรับใช้ล้างโรงเรือน พร้อมทั้งจัด “โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่ชุมชน” ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เพื่อแบ่งปันน้ำให้แก่เกษตรกรในบริเวณใกล้เคียง ช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ มุ่งเน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นมิตรชุมชน. ชาติชาย ศิริพัฒน์