แอมโบรส เบียร์ซ นักเขียนเรื่องเสียดสีชื่อดังชาวอเมริกัน เขียนไว้ร้อยกว่าปีก่อนว่า “การเล่นการเมืองก็คือ การที่ผู้เล่นอ้างว่าทำเพื่อผู้อื่น แต่อันที่จริงทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น” วันนี้คนไทยก็ได้เห็นแล้ว พฤติกรรมของ ส.ส. และ ส.ว.แต่งตั้งโดยเผด็จการ ร่วมกันโดดร่มล้มกฎหมายที่เป็นเกมการเมือง นักการเมืองเหล่านี้ทำเพื่อตัวเองหรือเพื่อใคร ยอมเป็นทาสยุคใหม่คอยรับคำสั่ง ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี เป็นเรื่องน่าเศร้าของชาติบ้านเมืองจากวิกฤติการเมืองที่เกิดขึ้น วันนี้ผมขอนำคำบรรยายของ อาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตองคมนตรี และอดีตนายกฯ ซึ่งไปบรรยายให้ นักศึกษา วปอ.รุ่น 47 ฟังเรื่อง “คุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหาร” มาเล่าสู่กันฟังอาจารย์ธานินทร์กล่าวว่า ในปัจจุบันสังคมของเราประสบปัญหาต่างๆมากมาย การฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้น เป็นที่ประจักษ์แจ้งทุกระดับ มีการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้ง ทั้งในระดับชาติและในระดับท้องถิ่น มีการประมูลซื้อขายตำแหน่งหน้าที่ราชการ มีการสมคบคิดกันในการประกวดราคาก่อสร้าง และการจัดซื้อพัสดุของหน่วยงานต่างๆของรัฐ มีการวิ่งเต้นให้ได้มาซึ่งตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้นกว่าผู้ร่วมงาน มีการยักยอกเงินราชการลับ และมีการหลบเลี่ยงการเสียภาษีอากรที่ควรจะต้องชำระตามกฎหมาย เป็นต้นอาจารย์ธานินทร์ กล่าวว่า วิกฤตการณ์อีกอย่างหนึ่งซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งก็คือ การจงใจฝ่าฝืนตัวบทกฎหมายและความถูกต้องชอบธรรม ในหมู่ข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงที่ลุแก่อำนาจ เป็นวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรงกว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวงเสียอีก วิกฤตการณ์เหล่านี้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาในสังคมไทย ความเหลวเฟะดังกล่าวได้เกิดขึ้นก็เพราะว่า สังคมไทยในปัจจุบันมีค่านิยมที่จะยอมรับทุกอย่างไม่ว่าชั่วหรือดี เป็นสังคมที่ตามใจทุกคน ใครอยากจะทำอะไรก็ทำได้ตามใจ ดังภาษาอังกฤษที่เรียกว่า a permissive society วิกฤตการณ์ดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนยุ่งยากไปทุกหย่อมหญ้า ทำให้สังคมไทยมีปัญหาเรื้อรัง และไม่สามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน“ทางหนึ่งที่ผมคิดว่า จะมีส่วนแก้ไขวิกฤตการณ์เหล่านี้ได้ก็คือ การใช้มาตรฐานทางคุณธรรมและจริยธรรมเข้ามาช่วย เสริมสร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบให้แก่ทุกคน ทุกฝ่ายในบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็น นักการเมือง ข้าราชการ หรือแม้แต่ประชาชนทั่วๆไป”อาจารย์ธานินทร์ ได้ยกบทเรียนจากต่างประเทศ เช่น ประเทศต่างๆในแอฟริกา โดยมีการทำวิจัย เพื่อหาข้อมูลการฉ้อราษฎร์บังหลวงในหมู่นักการเมือง ที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยตั้งคำถามต่อนักการเมืองเหล่านั้นว่า พวกเขาต้องการอะไรจากการเป็นนักการเมืองและเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งผู้วิจัยสรุปคำตอบได้ดังนี้1.ต้องการอำนาจ (Power)2.ต้องการความมั่งคั่ง (Wealth)3.ต้องการสถานภาพที่ทุกคนยอมรับ (Status)นักวิจัยสกัดคำตอบของนักการเมืองเหล่านั้นได้ว่า พวกเขาต้องการทั้ง 3 สิ่งพร้อมกัน ไม่ใช่เพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีคำถามต่อไปว่า พวกเขาต้องการอะไรที่เป็นรูปธรรมบ้าง คำตอบที่ได้รับคือ พวกเขาต้องการตำแหน่งที่สำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น ตำแหน่งรัฐมนตรี หรือตำแหน่งที่มีผลประโยชน์เป็นเงินทองจำนวนมาก ต้องการความมั่งคั่ง เช่น หุ้นลมของบริษัทการค้าใหญ่ รถยนต์คันใหญ่หรูรุ่นล่าสุด คฤหาสน์ที่โอ่อ่ามีบริเวณกว้างขวาง เราสรุปจากผลวิจัยได้ว่า นักการเมืองของประเทศที่กำลังพัฒนาในทวีปแอฟริกา ต้องการเป็นผู้บริหารประเทศ มิใช่เพื่อเห็นแก่ความเจริญของประเทศชาติเป็นหลัก แต่เพื่อให้ได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ ซึ่งสรุปได้ด้วยคำว่า “กิเลส” กล่าวคือ พวกเขาต้องการได้ในสิ่งที่ตนไม่มีทางได้มาด้วยความชอบธรรมตามกฎหมายและศีลธรรมอันดี”ฟัง อาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร บรรยายแล้ว ท่านนึกถึงประเทศอะไรครับ?“ลม เปลี่ยนทิศ”