ศึกซักฟอกครั้งสุดท้ายเดือด 30 ขุนพลจ่อขึงพืดขย่ม “บิ๊กตู่” 2 วันครึ่ง “ชลน่าน” เปิดมีดตัดวงจรปรสิต สูบเลือดประชาชน ชำแหละ ผู้นำพิการทางความคิด ยึดติดอำนาจ สุมปัญหา 6 วิกฤติถล่มแหลก 8 ปีเป็นผู้นำแห่งความพินาศ ล้มเหลว ลวงโลก ทุบเศรษฐกิจดิ่งเหว ลากคนไทยจมทุกข์ สิ้นหวังทั้งแผ่นดิน ตะเพิดอย่าอยู่ต่อทำลายประเทศ “บิ๊กตู่” สวนกล่าวหาแรง ไร้ข้อเท็จจริง ท้าไปเอาคนอื่นที่ว่าดีกว่ากลับมาให้ได้แล้วกัน “สุทิน” ฉะกัญชาเสรีละเมิด ก.ม. ภาพลักษณ์ไทยเจ๊งเป็นนครกัญชา ปูด “ชาญวีรกูล” ทับซ้อนธุรกิจกัญชง “อนุทิน” ขอโทษอ้างพูดติดตลกยุคนพี้กัญชา เร่งออก ก.ม.ควบคุมทันสภาฯชุดนี้ “ศักดิ์สยาม” สาหัสถูกถลกหนังเปิดโปงเครือข่าย “กมลศักดิ์” ฉะ รฟท.ยื้อยึดที่ดินเขากระโดง โยง รมต.กับจำเลยพวกเดียวกัน “ปกรณ์วุฒิ” แฉ “เสี่ยโอ๋” ซุกหุ้น 120 ล้าน เชิด “นายเอ” ลูกจ้างเป็นนอมินี คุมบริษัทตระกูลชิดชอบ ฮั้วประมูลฟาดงาน ก.คมนาคมกว่าพันล้านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลวันแรก ผู้นำฝ่ายค้านตั้งข้อกล่าวหา พล.อ. ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นผู้นำต้นตอก่อให้เกิดวิกฤติ 6 ด้าน ทำความเสียหายใหญ่หลวง ไม่สามารถไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไป โดยเตรียมผู้อภิปราย 30 คน ไว้อภิปรายเฉพาะนายกฯคนเดียว 30 ขุนพลขึงพืดขยี้ “บิ๊กตู่” 2 วันครึ่งเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 19 ก.ค. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า ฝ่ายค้านจะอภิปรายวันละ 11 ชั่วโมง วันแรกอภิปราย 5-6 คน วันที่ 20 ก.ค. จะอภิปรายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ จากนั้นเข้าคิวเดี่ยวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จากนั้นจะอภิปรายวีรกรรมร่วม 3 ป. เสร็จแล้วเข้าสู่การอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้เวลา 2 วันครึ่ง มีผู้อภิปรายราว 30 คน โดนทุกประเด็นทั้งเศรษฐกิจ พลังงาน ปล่อยปละ ละเลยให้ทุจริต ที่รัฐบาลออกโปสเตอร์ฆ่าไม่ตายลอกธีมฝ่ายค้าน พยัคฆ์ร้ายฆ่าไม่ตายแต่จะน่วมนายกฯตู่พร้อมสู้ศึกเต็มพิกัดขณะที่เวลา 08.08 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางถึงอาคารรัฐสภา โดยนายกฯออกจากบ้านพักเวลา 07.40 น. มาถึงสภาฯเป็นจังหวะเดียวกับที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน มาถึงก่อนหน้าเล็กน้อย นายสุทินได้ยกมือไหว้ ขณะที่นายกฯยกมือรับไหว้แตะแขนทักทาย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพร้อมรับศึกอภิปรายครั้งนี้หรือไม่ โดยนายกฯพยักหน้า ด้วยสีหน้าเรียบเฉยสภาฯเปิดมีดเชือดชุดแรก 5 รมต.ต่อมาเวลา 09.25 น. ที่รัฐสภามีการประชุมสภาฯ มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 11 คน ตามที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน พร้อม ส.ส.รวม 186 คน เข้าชื่อเสนอญัตติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จากนั้นนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรค พท. ชี้แจงรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายฯวันแรก 5 คน เริ่มที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม “ชลน่าน” นำกำจัดปรสิตยึดติดอำนาจจากนั้น นพ.ชลน่านกล่าวเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีว่า ตลอด 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ผิดพลาดล้มเหลว ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประเทศ เป็นต้นตอให้ปัญหาขยายวงกว้าง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การทุจริต เป็นผู้นำพิการทางความคิด ยึดติด แต่อำนาจ สร้างความเสียหายร้ายแรงให้ประเทศ ปล่อยให้พวกพ้องแสวงหาผลประโยชน์บนความ ทุกข์ร้อนประชาชน ไม่ใส่ใจปราบทุจริต ใช้เงินต่อรองเพื่อความอยู่รอดทางการเมือง ทำลายระบบรัฐสภาตกต่ำสั่นคลอน หากให้บริหารประเทศต่อ ย่อมนำมาซึ่งความเสียหายจนยากจะแก้ไขได้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์มีภาวะผู้นำต้องประกาศความผิดพลาด ไม่มีความรู้ความสามารถ แต่ไม่มีทางเกิดขึ้น จึงต้องเด็ดหัว สอยนั่งร้าน ไม่ไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ และพวกพ้องบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ต้องตัดวงจรเห็บเหาปรสิตที่สูบเลือดประชาชนเฉ่งผู้นำพังพินาศ ล้มเหลว ลวงโลก“รัฐบาลชุดนี้มีความล้มเหลวรัฐบาล 6 ด้าน ได้แก่ 1.เป็นผู้นำแห่งความพินาศผิดพลาดล้มเหลว ไร้ความชอบธรรม ลวงโลก เป็นผู้นำไร้ความชอบธรรมตั้งแต่การเข้าสู่อำนาจ การใช้อำนาจไม่ชอบธรรม และขาดวิสัยทัศน์ บังอาจตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจประเทศ มีวิสัยทัศน์แบบเสพติดอำนาจ จนหลงตัวเอง ขาดวิสัยทัศน์บริหารบุคคลรอบข้าง ใช้คนไม่ถูกกับงาน 2.เศรษฐกิจพังพินาศ ล้มเหลว ประชาชนจน ทุกข์ เครียด แพง สิ้นหวังทั้งแผ่นดิน ประเทศอมโรคอยู่รั้งท้ายภูมิภาค จัดงบประมาณกระจุกตัวเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง และยังสร้างหนี้ กู้มาแจกเงิน แต่ไม่แจกงาน จนหนี้ท่วมทั้งแผ่นดินอัปยศ 500 หาร ระบบรัฐสภาวิบัตินพ.ชลน่านกล่าวว่า 3.สังคมพินาศพังทลาย สร้างความแตกแยก แบ่งฝักฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์กลายเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนเอง เป็นยุคมืดแห่งการคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน ปล่อยนโยบายกัญชาเสรีใช้อย่างขาดการระมัดระวัง เป็นเครื่องมือใช้เรียกค่าไถ่บีบคอนายกฯ 4.ความพินาศด้านสาธารณสุข ล้มเหลวแก้วิกฤติโควิด-19 สร้างความสูญเสีย ทางเศรษฐกิจ 5.ความพินาศด้านการเมือง พล.อ.ประยุทธ์มีเป้าหมายสืบทอดอำนาจ ออกแบบระบบเลือกตั้งทำลายพรรคคู่แข่ง ระบบรัฐสภาถูกทำลายย่อยยับ เป็นสภากล้วยใช้เงินแลกเสียงโหวต จงใจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อัปยศที่สุดใช้สูตร 500 หารคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สั่งการจากทำเนียบฯเรียกแกนนำพรรคไปสั่งการเอา 500 หาร ก้าวล่วงฝ่ายนิติบัญญัติลงมติตามต้องการ จับหนูตัวเดียวแต่เผาบ้านตัวเองพังพินาศหมด ถึงศาลแน่ มั่นใจนั่งร้านจะถูกสอย 6.คอร์รัปชันจนประเทศพังพินาศ เป็นยุคทุจริตเฟื่องฟู อันดับความโปร่งใสประเทศตกต่ำสุดรอบ 10 ปี ไปจากสภาได้แล้ว อย่าอยู่เป็น 608 ทำลายประเทศ “บิ๊กตู่” เหน็บม็อบหน้าสภาไม่มีในระบบจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นชี้แจง ว่า เป็นโอกาสดีที่ได้มาช่วยกันขบคิดทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพราะเป็นการทำหน้าที่ฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ส่วนที่เป็นฝ่ายข้างนอกไม่รู้เป็นฝ่ายไหนเหมือนกัน ไปลงคะแนนลงมติข้างนอกไม่เคยได้ยิน ไม่อยู่ในระบบบริหารราชการแผ่นดิน การแก้ปัญหาโควิด 2 ปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จหลายประเทศเอาแบบอย่างของเราไปทำ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ได้พบสมาคมท่องเที่ยวมาพูดถึงข้อเสนอแนะต่างๆก็รับมา นายกฯไม่ใช่คนรู้ทุกเรื่อง ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด เหมือนบางคนที่ท่านบอกว่าฉลาดที่สุดตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ที่บอกตนไม่ได้รับเกียรติในเวทีต่างประเทศ คิดว่าไม่ได้ด้อยค่าไปกว่านายกฯท่านอื่นๆ หรืออดีตนายกฯบางท่านที่ไปมา และ 10 กว่าปีมาแล้วตนไม่ใช่คนทำให้เกิดความขัดแย้ง ย้อนกลับไปดูพฤติกรรม ย้อนกลับไปดูความผิดย้อนกลับไปดูคนที่ติดคุก แม้เรามีอุดมการณ์ที่แตกต่าง แต่เราต้องทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ตนไม่ใช่คนที่ต้องการให้เกิดการแบ่งพวกแบ่งฝ่าย ที่บอกว่าบังคับใช้กฎหมายละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมายที่ว่าเป็นกฎหมายอะไร กฎหมายทั่วไปหรือไม่ หลายคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ท้าเอาคนดีกว่ากลับมาให้ได้แล้วกันพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เอาทุกเรื่องมาตีหมดอย่างนี้ไม่ได้ ไม่ได้กล่าวอ้างว่าทำได้ดีที่สุด เก่งที่สุด ท่านตีความไปเอง ที่พูดมายืนยันไม่ใช่ข้อเท็จจริง และไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง บอกใช้กลไกทหารทำงานใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำเป็นก็ต้องใช้ ถ้าไม่ละเมิดคนอื่นก็ใช้ประโยชน์ได้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีรัฐมนตรีเกี่ยวข้องอยู่ในนั้น คุณไม่ใช้เพราะไม่ไว้ใจทหาร ถ้าไม่มีทหาร ตำรวจดูแลจะนั่งอยู่เหมือนทุกวันนี้ได้หรือไม่ ที่บอกว่าเศรษฐกิจแย่ไปหมด กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า พืชผลเกษตรราคาดีขึ้นเกือบทุกตัว สิ่งที่ยังไม่ดีต้องไปแก้ต้นทางการผลิต ไม่เคยได้ยินรัฐบาลไหนที่บอกว่ากู้มาเต็มเพดานเพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด 55 ล้านบัญชี เคยให้ประชาชนแบบนี้หรือไม่ และไม่ได้ให้เพื่อซื้อเสียง ให้เฉพาะคนมีปัญหาให้อยู่รอด“ท่านแรงมาผมก็พยายามแรงน้อยกว่าหน่อย รู้อยู่แล้วท่านต้องการให้โมโห ถ้าอยากได้รับเกียรติจากคนอื่น ต้องรู้จักให้เกียรติคนอื่นเขา ถ้าโจมตีให้ร้ายพูดจาส่อเสียดไม่ใช่สุภาพบุรุษ ผมไม่อยากฟัง ผมต้องชี้แจงเพราะผ่านมา 1 ชั่วโมง ไม่ใช่ข้อเท็จจริง 100% เลย หลายอย่างมันดี กำลังทำ กำลังแก้ไข ทราบดีท่านชื่นชมคนที่ทำงานมาก่อนว่าดีกว่าผมว่าโน้นนี่ ไม่เป็นไรก็เอากลับมาให้ได้แล้วกัน” นายกฯกล่าว ฉะกัญชาเสรีละเมิดกติกาไทย-โลกจากนั้นเวลา 11.25 น.นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ว่า ขอกล่าวหานายอนุทินและนายกฯร่วมกันกำหนดให้มีนโยบายกัญชาเสรี ด้วยความไม่สุจริตใจ นำมาซึ่งการละเมิดกติกาโลกและกฎหมายระหว่างประเทศ ละเมิดรัฐธรรมนูญไทย ละเมิดมติรัฐสภาไทย ละเลยไม่ออกมาตรการควบคุมกัญชา เสียหายต่อประชาชนและประเทศชาติ โดยเปิดคลิปวีดิโอที่นายอนุทินเคยพูดหาเสียง ถือว่ากลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ถ้าถอดทุกคำพูดผิดกฎหมายโลกทุกข้อ ผิดกฎหมายไทยทุกเรื่อง แต่ผิดสะเทือนใจมากคือที่บอกพี้กันได้เลย นายกฯจะปฏิเสธโยนความผิดให้นายอนุทินไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายรัฐบาลไปแล้วท่านดำเนินนโยบายทันที แบบผิดกติกาโลก ผิดอนุสัญญายาเสพติดให้โทษ 1961 เป็นต้น “ลุงตู่” ต้องอุ้มกลัว “หนู” ถอนยวงนายสุทินอภิปรายว่า เข้าใจผิดกันเยอะว่ารัฐสภาเห็นดีเห็นงามให้ปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด คนปลดคือรัฐบาลกับกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศมีผลวันที่ 9 มิ.ย.65 แบบละเมิดกติกาโลก ที่กัญชายังเป็นยาเสพติดประเภท 1 แต่อนุโลมทางการแพทย์โดยกฎควบคุมเข้มงวด แต่วันนี้ สธ.เลยเถิดไปจนถึงส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรม ส่งเสริมให้เสพได้ สันทนาการไปกันใหญ่ มีคนท้วงติง อาทิ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เตือนว่าโลกและ ยูเอ็นยังไม่ปลด ก็ถูกเด้ง รมว.ยุติธรรมท้วงว่าไม่ขัดกับอนุสัญญาเดี่ยวของยูเอ็นหรือ ก็ตอบว่าไม่จริง อ้างอนุสัญญาเดี่ยวไม่ได้บังคับว่าต้องให้กัญชาเป็นยาเสพติด คนปิดเกมคือ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุม ครม.ว่า อนุสัญญาเดี่ยวเอาไว้ก่อน เอากัญชาของเราให้ผ่านเสียก่อน อนุสัญญาเดี่ยวค่อยว่ากัน ขอให้ทำกัญชาสำเร็จตามนโยบายรัฐบาลก่อน เรื่องประเทศเอาไว้ก่อนได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นช้อนเอาเพราะกลัวพรรคร่วมถอนตัว ต้องดันให้เสร็จ มันจะละเมิดกติกาโลก ช่างมันเอาไว้ก่อน นี่คือความผิดที่ตนยอมไม่ได้ภาพพจน์ ปท.เจ๊งกลายเป็นนครกัญชานายสุทินกล่าวต่อว่า รัฐบาลปลดล็อกแต่ไม่ควบคุม ชั้น กมธ.แม้ออกกฎหมายก็ยังให้เสพได้เสรีเหมือนเดิม เข้าใจว่าห้ามเสพในที่สาธารณะ แต่แสดงว่าให้เสพที่บ้าน ที่คอนโดได้ใช่หรือไม่ ทุกวันนี้เด็กเสพกัญชามาจากบ้านไปถึงโรงเรียนก็นอน เรียนไม่รู้เรื่อง หลายคนตื่นตัวไปทำกัญชาระดับประเทศ เห็นใจมันไม่ง่ายปลูกกัญชาเพื่อแปรรูปเป็นยาส่งออกไม่ง่าย ท่องเที่ยวต้องกำหนดยุทธศาสตร์เอากัญชาเป็นจุดขายก็ได้ขี้ยามาแทน เกิดปัญหาสังคมตามมา กัญชาจะบานทั่วประเทศ เพราะวันนี้ปล่อยกัญชาเสรีที่บ้าน ไปเสพติดครัวเรือน เป็นห่วงภาพพจน์และเกียรติภูมิของประเทศ หากหลับตาลงเป็นนครกัญชา ถามว่าอะไรจะเกิดขึ้นปูด “ชาญวีรกูล” ทับซ้อนธุรกิจกัญชง“นี่คือผลประโยชน์ทางการเมือง และมีผลประโยชน์ทับซ้อน นายกฯก็ทำเพื่ออยากอยู่ต่อในตำแหน่ง ได้ยินมาว่ามีนักการเมืองใหญ่ทำไร่กัญชาเป็นหมื่นเป็นแสนไร่ที่ลาว แถมมีคนกระซิบบอกด้วยว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นแอบมาตกลงกับนักการเมืองไทย ยังพบเป็นข่าวสัปดาห์ที่แล้ว เครือบริษัทซิโน-ไทย หันมาทำธุรกิจกัญชงเต็มตัว บริษัทนี้ครอบครัวชาญวีรกูลเป็นผู้ถือหุ้น ส่วนนายอนุทินไม่เกี่ยว โอนหุ้นทั้งหมดไปให้เกียรตินาคินภัทร ต่อมาเกียรตินาคินฯไปถือหุ้นในซิโน-ไทย แปลว่าหากทำธุรกิจกัญชง แล้วเกียรตินาคินฯได้ปันผล ถามว่าถ้าเกียรตินาคินฯได้ถึงท่านหรือไม่ ถ้าถึงท่านแปลว่าเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ถ้านายกฯไม่อนุญาตหรือไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ไม่สำเร็จ ทั้งนายกฯ และนายอนุทินต้องรับผิดชอบด้วยกัน ผมและพรรคเพื่อไทยไม่ได้คัดค้านกัญชา แต่มีทางที่ทำได้แบบไม่กระทบหรือไม่ สายเสียแล้ว เจตนาเป็นอย่างอื่นมากกว่าจึงไม่อาจไว้วางใจให้รัฐบาลอยู่ต่อไป ถ้ายังอยู่ต่อ กัญชาจะเตลิดกว่านี้มาก” นายสุทินกล่าวจวกสุดโต่งต้มสภาใช้เพื่อการแพทย์นายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า ขอไม่ไว้วางใจนายอนุทิน เพราะไร้คุณธรรมไร้จิตสำนึก สนับสนุนผลักดันเปิดเสรีกัญชาสุดโต่ง รวมถึงนายกฯปล่อยให้เสรีกัญชามาไกลขนาดนี้ แม้ถูกกฎหมายแต่ผิดหลักศาสนาอิสลาม พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ยอมรับการใช้กัญชา ประเทศไทยเป็นชาติเดียวในโลกที่เปิดเสรีกัญชาสุดโต่ง ต่างประเทศที่เปิดเสรียังให้พกพาไม่เกิน 3 กรัมใช้ส่วนตัว แต่ไทยขนเป็นรถสิบล้อผ่านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสถานีตำรวจที่ไหนก็ได้ไม่ผิด น่าเสียใจสภาฯไทยถูกหลอกว่าใช้เพื่อทางการแพทย์ ไม่ใช่สันทนาการ แต่วันนี้จำหน่ายเฉพาะช่อดอก เช่น ที่ถนนสีลม ถนนข้าวสาร ทองหล่อ กก.ละ 200,000-1,000,000 บาท ขายกันโจ๋งครึ่ม หน้าที่ รมว.สาธารณสุข คือดูแลสุขภาพคนไทย ไม่ใช่มาดูเรื่องรายได้ มีวัตถุ ประสงค์อะไร ขอเตือนพรรคสนับสนุนกัญชา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชาชนไม่เอาแน่ ข้องใจเร่งปลดล็อก ออก ก.ม.คุมไม่ทันนพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า พรรคก้าวไกลไม่มีปัญหาการใช้กัญชาทางการแพทย์ แต่ต้องควบคุมให้ถูกต้อง โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน นายอนุทินกำลังทำให้เกิดความเสียหาย นำประเทศเสี่ยงผิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ ที่ยังระบุกัญชาเป็นยาเสพติดที่ไทยเป็นภาคี อาจถูกแซงก์ชันทางเศรษฐกิจได้ ข้อมูลจากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุชัดพิษกัญชาทำให้พฤติกรรมเด็กผิดเพี้ยนเรียกกลับคืนมาไม่ได้ เหตุใดนำร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชงเข้าสภาฯวันที่ 8 มิ.ย. ก่อนวันปลดล็อกพ้นยาเสพติดเพียงวันเดียว อย่างไรก็ออกกฎหมายควบคุมไม่ทัน แทนที่จะประกาศกฎกระทรวงเลื่อนปลดล็อกวันที่ 9 มิ.ย.ก่อน แต่ไม่ทำ จงใจทำให้เกิดช่องว่างกฎหมาย นำชีวิตเด็กเยาวชนไปเสี่ยงอันตราย นำประเทศไปเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว การทูตถล่มดองแอสตราเซเนกานพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า รัฐบาลพยายามสร้างภาพควบคุมโรคโควิดได้ คุมตัวเลขผู้ติดเชื้อให้เข้าสู่โรคประจำถิ่น ความจริงติดวันละไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน จนแพทย์หลายคนเรียกร้องให้รัฐบาลบอกความจริง การรักษามีปัญหาไป รพ.สต.ได้ยาแก้ปวด แก้แพ้ ฟ้าทะลายโจร ไม่ได้ยาโมลนูพิราเวียร์อ้างว่าหมด กลุ่มไลน์แพทย์ยืมยากันให้วุ่น แต่รัฐมนตรีบอกยามีเหลือเฟือ เหลื่อมล้ำผู้หลักผู้ใหญ่เข้าถึงยาง่ายกว่าชาวบ้าน วัคซีนแอสตราเซเนกาค้างสต๊อก 30 ล้านโดส 10,000 ล้านบาท ป้องกันโอมิครอนไม่ได้ รอหมดอายุ แทนที่จะเลิกสั่ง ครม. กลับซื้อมาเติมสั่งเพิ่ม 22 ล้านโดส วงเงินกว่า 17,000 ล้านบาท รัฐบาลล้มเหลวประเมินสถานการณ์ผิดพลาด อาจมีการทุจริตด้วย ไม่สามารถไว้วางใจนายอนุทินได้ “หนู” ขอโทษพูดติดตลกยุคนพี้กัญชานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ชี้แจงว่า ยืนยันระบบสาธารณสุขไทยไม่ล้มเหลว ข้อมูลที่นำเสนอเป็นเท็จไม่ได้กรอง อย่าไปด้อยค่ายา วัคซีนตอบสนองการเมือง ให้เว้นสาธารณสุขไว้สักเรื่อง ถ้าบาดหมางการเมืองให้เป็นเรื่องระหว่างเรา อย่าเอาประชาชนมาเกี่ยว มีคนเคยพูดว่า “ถ้าฉีดวัคซีนถึง 100 ล้านโดส ได้ภายในปี 64 ร้อยบาทเอาแค่กองเดียว” แต่วันที่ 21 ธ.ค.64 ฉีดครบ 100 ล้านโดสแล้ว การซื้อวัคซีนแอสตราฯมาเยอะ ต้องฉีดภูมิเสริมอีกมาก บริษัทแอสตราฯ ออกคำชี้แจงมาแล้วว่าบูสเตอร์โดสแอสตราฯให้ภูมิคุ้มกันได้ 73% ไม่ต่างจาก MRNA การให้ยาขึ้นอยู่กับแพทย์ดูตามอาการ ส่วนการควบคุมการใช้กัญชา ยืนยันไม่มีช่องว่างทางกฎหมายในการบังคับใช้ เขียนคุมไว้หมดแล้ว รัฐบาลไม่สนับสนุนใช้สันทนาการ จะเร่งออกกฎหมายมาบังคับใช้ภายในสมัยประชุมสภาฯนี้ มั่นใจควบคุมในเด็กและเยาวชน และเป็นส่วนผสมอาหารได้ ยืนยันใช้ทางการแพทย์ไม่ขัดข้อตกลงระหว่างประเทศ ส่วนคลิปที่ไปพูดบนเวทีให้พี้กัญชา อย่าดูสั้นๆคลิปตัดต่อได้ ตนบอกให้สูบแค่ในบ้าน ไม่มีเจตนารมณ์ทางลบ พูดกับชาวบ้านก็มีติดตลกบ้าง ต่อไปจะระวังคำพูดหากทำให้ไม่สบายใจ ต้องขอโทษ เรื่องจริยธรรมทางการเมืองประเด็นกัญชาของตน ขอไปชี้แจงนอกสภาฯเพราะใช้เวลาชี้แจงมามากแล้ว “กมลศักดิ์” ฉะ รฟท.ยื้อยึดที่เขากระโดงนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ อภิปรายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ตอกย้ำการครอบครองที่ดินเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 5,083 ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า หลังอภิปรายเดือน ก.ย.64 ยังไม่สะเด็ดน้ำ รัฐมนตรีและพวกพ้องยังคงทำธุรกิจและพักอาศัยอยู่ตรงนี้ รฟท.ส่งรูประวางแผนที่ไปให้กรมที่ดิน 2 ครั้ง แต่เนื้อที่ไม่ครบ เจตนาส่งไม่ครบหรือต้องการให้ล่าช้าทางเทคนิคหรือไม่ อย่างไร โฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 3564 อัยการให้เพิกถอน ยังคง ใช้ภูมิลำเนาอยู่ที่นั่นเป็นที่ตั้ง หจก.อีกหลายบริษัทล้วนเกี่ยวข้องกับท่านทั้งนั้น โดยเฉพาะบริษัท ศ.เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน 3466 ตั้งอยู่ที่นั่น รวมถึงหจก.บ.ทั้ง 2 บริษัทเกี่ยวโยงระหว่างรัฐมนตรีกับพวกพ้องจึงไม่เพิกถอน อีกคดีศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าที่ดินนายเอ จำเลยคดีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาปี 61 รัฐมนตรีมารับตำแหน่งปี 62 จนปี 65 เพิ่งจะตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อ มิ.ย.65 ก่อนอภิปราย เหมือนแค่ขยับให้เห็น ไปตรวจสอบยิ่งเห็นชัดว่านายเอมีความสัมพันธ์กับรัฐมนตรี เป็นเหตุให้รัฐมนตรีไม่ดำเนินการใดๆกับที่ดินแปลงนี้ ในการฟ้องขับไล่แตกต่างจากคดีอื่นโยง รมต.-จำเลยพวกเดียวกันนายกมลศักดิ์กล่าวอีกว่า นายเอสมัยปี 61 ก่อนนายศักดิ์สยามเป็นรัฐมนตรี เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของ หจก.บ. ใช้ที่อยู่ที่เดียวกับรัฐมนตรี ปรากฏวันที่ 26 ม.ค.61 รัฐมนตรีโอนหุ้นทั้งหมด 119 ล้านบาทให้นายเอ และให้นายเอเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ปัจจุบัน หจก.นี้ยังอยู่ที่นี่ แสดงว่ารัฐมนตรีกับจำเลยในคดีที่ รฟท.ขยับเป็นพวกเดียวกัน นายเอยังบริจาคเงินให้พรรค ภท. 2.7 ล้านบาท และ หจก.บ.โอนหุ้นไปให้ รวมถึง หจก.ยังบริจาคเงินให้พรรคท่านอีก 4.8 ล้านบาท เป็นพวกเดียวกันจะให้เข้าใจอย่างไร อีกทั้งตามบัญชีงบดุลปี 60 บริษัท ศ.ได้ยืมเงินจากนายเอ 120 ล้านบาท ปี 61 ยืมอีก 221 ล้านบาท ต่อมาปี 62 บริษัท ศ.ยังกู้ยืมเงินจากนายเอ 143 ล้านบาท ปี 63 ยืมอีก 152 ล้านบาท ไม่ได้พูดลอยๆแต่มีเอกสารงบดุลบริษัท ศ. นายเอคนนี้ตรวจสอบมาแล้ว ก่อนที่รัฐมนตรีจะออกจาก หจก. บ. นายเอเป็นเพียงพนักงานบริษัท ศ.ร่ำรวยมาจากไหนถึงมีเงินให้บริษัท ศ. ที่กรรมการผู้จัดการคือนาย อ. นามสกุลเดียวกับรัฐมนตรียืมรมว.คมนาคมต้องทวงสิทธิ์เอาที่ดิน รฟท.คืนโดยเร็ว ต้อง แสดงสปิริตให้คนทั้งประเทศรับรู้ นายกฯจะอ้างว่าไม่เกี่ยวไม่ได้ มองได้อย่างเดียวว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ “ปกรณ์วุฒิ” แฉ “ศักดิ์สยาม” ซุกหุ้นจากนั้นนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่านายศักดิ์สยามปกปิดทรัพย์สินในส่วนที่เป็น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย เพื่อให้ตนเองมีส่วนได้รับผลประโยชน์จากโครงการต่างๆของรัฐ เนื่องจาก หจก.บุรีเจริญก่อตั้งปี 2539 มีตระกูลชิดชอบถือหุ้น 80% ตั้งสำนักงานที่บ้านนายศักดิ์สยามขณะนั้น เมื่อมีตำแหน่งการเมือง ออกจากผู้ถือหุ้น หจก. ย้ายสำนักงานไปที่อื่น พอยุค คสช. นายศักดิ์สยามก็กลับมาเป็นผู้ถือหุ้นอีกครั้งเกือบทั้งหมด ย้ายที่ตั้งสำนักงานมาที่บ้านหลังใหม่ของตัวเอง พอปี 2561 ที่มีข่าวเลือกตั้ง นายศักดิ์สยามโอนหุ้นทั้งหมดไปให้นอมินีที่ชื่อนายเอทันที และย้ายที่ตั้งสำนักงานบุรีเจริญออกจากบ้าน ก่อนรับตำแหน่งรัฐมนตรี 23 วัน เปลี่ยนชื่อคนถือหุ้นให้เป็นนอมินีหรือซื้อขายหุ้นจริง เพราะไม่พบหลักฐานชำระเงิน อีกทั้ง หจก.นี้มีทุนจัดตั้ง 120 ล้านบาท ไม่ว่าซื้อขายต่ำกว่าหรือสูงกว่าวงเงินจัดตั้ง แต่นายศักดิ์สยามไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินนี้ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตอนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ในปี 2562 ตอนรับตำแหน่งยื่นมีทรัพย์สินอยู่ 115 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน มีเงินสดบวกเงินฝากอยู่ประมาณ 76 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่นเกือบทั้งหมดระบุได้มาก่อนปี 61 เงิน 120 ล้านบาทก้อนนี้หายไปไหนแฉใช้นอมินีรับงาน ก.คมนาคมนายปกรณ์วุฒิกล่าวอีกว่า นอกจากนายศักดิ์สยามจะซุกหุ้นแล้ว ยังนำ หจก. บุรีเจริญ มาเป็นคู่สัญญากับรัฐ รับงานในกระทรวงคมนาคมที่ตัวเองเป็นรัฐมนตรี มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท หลายงานผิดปกติ ราคาชนะประมูลต่ำกว่าราคากลางเฉลี่ยไม่ถึง 0.3% และมีคู่เทียบรายเดียว เป็นบริษัทที่บริจาคเงินให้พรรค ภท.5 ล้านบาทในปี 2562 เอาไปให้ใครดูเขาก็ว่าฮั้ว ชัดขนาดนี้เอาธุรกิจตัวเองเข้ามารับงานกระทรวงตัวเองเป็นรัฐมนตรีก็ว่าผิดแล้ว ยังมีพฤติกรรมฮั้วประมูลชัดเจน เพราะนายเอ นอมินีเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทร้อยล้าน แต่มีรายได้เดือนละ 9,000 บาท นายเอแจ้งข้อมูลรายได้น้อยมากจนน่าสงสัย จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นายคนนี้เป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการในธุรกิจ 4 แห่ง แต่มีสถานะทิ้งร้างไป 3 แห่ง อีกแห่งที่เหลือไม่มีรายได้เลยช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และข้อมูลจากประกันสังคมและกรมสรรพากรช่วงปี 2558-2563 ยังพบว่าแสดงรายได้เพียงปีละประมาณ 100,000 บาท หรือเดือนละ 9,000 บาทเท่านั้น เป็นเงินเดือนที่ได้รับจากบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) ธุรกิจครอบครัวของตระกูลชิดชอบ มาตั้งแต่ปี 2558 ไล่เลี่ยกับช่วงที่นายศักดิ์สยามเป็นกรรมการบริษัทศิลาชัยเปลี่ยนชื่อนายเอเป็น “ศักดิ์สยาม” ลงตัวนายปกรณ์วุฒิกล่าวด้วยว่า งบดุลบริษัทศิลาชัยปี 2561-2562 ยังระบุว่าลูกจ้างคนนี้กลายมาเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ระยะยาว 221.5 ล้านบาทของบริษัท ขณะที่บริษัทศิลาชัยขาดทุนและติดหนี้ก้อนโตกับนายเอคนนี้ ในปี 2562 บริษัทศิลาชัยยังบริจาคให้พรรค ภท.ไป 4.7 ล้านบาท พร้อมให้ หจก.บุรีเจริญที่ตัวเองเป็นเจ้าของบริจาคให้พรรค ภท.ไปอีก 4.8 ล้านบาท และในปี 2563-2564 ยังให้บริษัทศิลาชัย กู้เพิ่มอีก 100 กว่าล้านบาท ทั้งหมดเป็นการกู้เงินไม่มีสัญญา ไม่คิดดอกเบี้ยใดๆ เป็นเรื่องเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนชื่อ พฤติการณ์นี้ทั้งหมดจากนายเอ เป็นนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และบริษัทศิลาชัยเป็นเหมือนกงสี ทุกอย่างดูเรียบง่าย ตัวเลขกำไรขาดทุนอาจไม่สำคัญมากนัก ถึงบริษัทจะขาดทุนและเป็นหนี้อยู่เป็นร้อยล้าน แต่เป็นหนี้คนในครอบครัว เอาเงินไปบริจาคให้พรรคการเมืองตัวเอง ไม่แปลกอะไรเทงบฯลงบุรีรัมย์ 1.5 หมื่นล้านนายพัฒนา สัพโส ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม จัดงบกรมทางหลวงกับกรมทางหลวงชนบท งบปี 66 เอื้อประโยชน์เฉพาะ จ.บุรีรัมย์รวม 5,406 ล้านบาท คิดเป็น 4-5% ของงบกระทรวงคมนาคม แบ่งงบกรมทางหลวง 2,985 ล้านบาท กรมทางหลวงชนบท 2,421 ล้านบาท เทียบ จ.อุบลราชธานีเก็บภาษีได้มากกว่า แต่ได้น้อยกว่า ที่สำคัญโครงการอำนวยความปลอดภัยสนับสนุนด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ บุรีรัมย์ได้ไป 61 โครงการ วงเงิน 1,160 ล้านบาท จากงบทั่วประเทศรวมกัน 3,300 ล้านบาท สมคบคิดเอื้อประโยชน์ ขาดจริยธรรม ตั้งแต่นายศักดิ์สยามเป็น รมว.คมนาคม เชื่อว่าบุรีรัมย์ได้งบ 2 กรมนี้ไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯคงไม่กล้าปลดเด็ก ภท.ประท้วงวุ่นป้องลูกพี่ช่วงค่ำ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายศักดิ์สยาม ย้ำการถือครองที่ดินเขากระโดง การถือหุ้น หจก.บุรีเจริญและ บ.ศิลาชัย จน ส.ส.ภูมิใจไทย ดาหน้าประท้วงกันวุ่น อาทิ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.บุรีรัมย์ ประท้วงอภิปรายวนเวียนซ้ำซาก นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่ 2 วินิจฉัยไปทางเดียวกัน ทำให้นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ประท้วงประธานไม่เป็นกลาง นายศุภชัยจึงสวนว่า จะสังกัดพรรคไหนไม่สำคัญ 3 ปีไม่เคยเอนเอียงเข้าข้าง แม้จะอยู่พรรค ภท. ทำหน้าที่ไม่มีพรรค ไม่มีพวกจากนั้นนายศุภชัยให้ พ.ต.อ.ทวีอภิปรายจนจบ ซัด “MR-Map” ผลาญงบถมชิดชอบบุรีต่อมานายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงโครงการ MR-Map หรือแผนแม่บทยุทธศาสตร์การคมนาคมใหม่ทั้งประเทศ ทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงและมอเตอร์เวย์ที่นายกฯคิด นายศักดิ์สยามทำซ้ำซ้อนเกินจำเป็น ไม่คุ้มค่า ใช้งบฯสูงถึง 5.7 ล้านล้านบาท เพิ่มหนี้ให้ลูกเด็กเล็กแดง 8 หมื่นกว่าบาทต่อคน เท่ากับงบลงทุนทุกกระทรวง ทุกจังหวัดรวม 12 ปี เท่ากับงบลงทุนกระทรวงเกษตรฯ 74 ปี งบกระทรวง ศึกษาธิการ 351 ปี งบลงทุนกระทรวงสาธารณสุข 354 ปี พยายามสลับงบฯไปบ้านตัวเองก่อน ลงทุนแบบไม่คุ้มค่าและคอร์รัปชันด้วย ไร้เหตุผลที่จะทำรางรถไฟจาก 1 ทาง เป็น 4 ทาง แล้วทำมอเตอร์เวย์วิ่งขนาน ไปตัดแย่งลูกค้ากันเอง ควรหาขบวนรถไฟดีๆมาวิ่ง ไม่ใช่หาเรื่องผลาญไปสร้างราง รัฐบาลเร่งดันรถไฟความเร็วสูงเพื่อกลุ่มทุน กำลังเข้าสู่ยุคไปชิดชอบบุรีก่อน ดัน MR-Map ต่อจากเส้น จ.นครราชสีมาไปอุบลราชธานี แต่ถึงชิดชอบบุรีก่อนเสมอ ตั้งแต่บ้านนายศักดิ์สยาม ทางเข้าสนามบอล สนามแข่งรถ เงินเหลือถึงแบ่งให้ชาวบุรีรัมย์ เป็นแผนเผื่อเลือก ช็อปปิ้งลิสต์ให้ผู้มีอำนาจเลือก เป้าหมายแท้จริงของเมกะโปรเจกต์สำหรับเมกะดีล“เสี่ยโอ๋” ขอตั้งหลักชี้แจง 20 ก.ค.ต่อมาเวลา 19.30 น. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายศักดิ์สยาม กล่าวหาร่วมมือวางแผนขายชาติให้ต่างชาติมาซื้อที่ดินในประเทศไทย ได้ เรียกรัฐบาลชุดนี้ว่า ชุดขายชาติกิน กำลังออกกฎหมายขายชาติ ฉ้อราษฎร์ ปล้นเงินราษฎรและบังหลวง เช่น เอาที่ดินเขากระโดงของ รฟท.ไปเป็นของตัวเอง หากเทียบกรณีนายศักดิ์สยามกับที่ดินมารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าถือว่าไม่ชอบธรรม แย้งกับมาตรฐานจริยธรรมการดำรงตำแหน่งฯ หลัง ส.ส.อภิปรายนายศักดิ์สยามครบถ้วน นายสุชาติ ตันเจริญ ประธานที่ประชุม แจ้งว่านายศักดิ์สยามจะขอชี้แจงในวันที่ 20 ก.ค.อัด “เฮ้ง” เอาเงินประกันสังคมปั่นหุ้นจากนั้นเวลา 20.00 น. นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย อภิปรายนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ว่า รมว.แรงงานขาดความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการแรงงาน ปล่อยให้ แรงงานลักลอบเข้าเมืองในช่วงโควิดระบาด แรงงานเข้ามาในประเทศไทยหลายแสนคน มีการเก็บส่วยจ่ายให้นายหน้า เสียจากเมียนมา 2 หมื่นบาทแล้ว มาไทยต้องเสียอีก 1.5 หมื่นบาท เข้ามาแล้วไม่กักกัน ตรวจโรค ไปส่งให้บริษัทพรรคพวก 1 ในนั้นเป็นพรรคพวกท่านที่ จ.ชลบุรี ยังมีเก็บค่าหัวแรงงานไปทำงานต่างประเทศ 3 พันบาทต่อคน มีหลักฐานพูดคุยทางไลน์ แม้ท่านไม่ได้เก็บเอง แต่ปล่อยให้เขาทำ แสดงว่าปล่อยปละละเลยให้เก็บส่วย เชื่อว่าคนนั้นเกี่ยวข้องกับท่าน และนายสุชาติยังอนุมัติเงินประกันสังคมให้บริษัทพวกพ้องชื่อ “ส.พ.” เป็นนักปั่น หุ้นฟอกเงิน นำเงินมาซื้อหุ้น บ.อรินสิริแลนด์ (ARIN) ในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งที่มีผลประกอบการติดลบตลอด นายสุชาติจะบอกไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะ 1 ในกรรมการ บริษัท มีภรรยานายสุชาติถือหุ้นอยู่ด้วย เงินประกันสังคม ลูกจ้างเก็บไว้ยามจำเป็น แต่เอาไปให้พวกพ้อง เอื้อพวกพ้องหรือไม่ ขอให้ กลต.ตรวจสอบ นายสุชาติ กับพวกเข้าข่ายปั่นหุ้นหรือไม่“สุชาติ” โบ้ยไม่เกี่ยวข้องซื้อขายหุ้นนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ชี้แจงทันทีว่า กองทุนประกันสังคม ตนไม่เกี่ยวข้องการซื้อขายหุ้น กองทุนประกันสังคมจะอนุมัติให้ใคร ล้วนผ่านการพิจารณาจากบอร์ด ที่มีตัวแทนหน่วยงานรัฐต่างๆ ตนไม่ใช่นักเล่นหุ้น ไม่มีใครคิดทำอะไรผิดกฎหมาย ก่อนมาเล่นการเมืองทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จริง ไม่ได้ค้าแป้ง ส่วนหุ้นจะขึ้นหรือลงไม่ทราบ การอนุมัติ เป็นเรื่องของบอร์ดกองทุนประกันสังคม ส่วนการกล่าวหา เอื้อบริษัทแห่งหนึ่งในชลบุรีถามอธิบดีกรมจัดหางานว่า บริษัทดังกล่าวรับแรงงานต่างด้าวมา 182 คน ไม่มี การเก็บส่วย ไม่เก็บหัวคิวทุบ “จุติ” ตั้งนักปั่นหุ้นนั่งบอร์ด กคช.ต่อมาเวลา 21.06 น. นายณัฐชา บุญไชย อินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯว่า ขอเปิดโปงมหกรรมสร้างเพื่อโกง มหากาพย์ผลาญภาษีประชาชน พังทลายชีวิตและความมั่นคงผู้มีรายได้น้อยไปถึงอนาคต ภายใต้การดำเนินการของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ที่มีโครงการก่อสร้างไปแล้วเกือบล้านยูนิต งบลงทุนหลายแสนล้านบาท นายจุติเข้ารับตำแหน่งปี 62 เริ่มแต่งตั้งคนของตัวเองมานั่งเป็นบอร์ด กคช.เมื่อวันที่ 30 ก.ย.62 ไล่ดูตั้งคนสนิทคนหนึ่งไม่ชอบมาพากลอักษรย่อนาย “จ.ร.ร.” มีประวัติโชกโชนด้านการเงินเป็นนักปั่นหุ้น นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์มาแล้วหลายบริษัท เป็นคนสนิทใกล้ชิด ชนิดที่ว่าอยากได้เท่าไหร่บอกมาพี่จัดให้ สนิทกันตั้งแต่นายจุติเป็น รมว.ไอซีที เมื่อปี 53 โครงการฉาวโฉ่คือโครงการที่พัวพันการทุจริต 3 จี ท่านโยนเรื่องให้ลูกน้องไปหมดแล้ว แต่มาวันนี้เรื่องมันใกล้เคียงกัน ที่ตั้งคนสนิทเป็นบอร์ดการเคหะฯ และบอร์ดกำลังกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้สูญเสียผลประโยชน์ของชาติมากมายผู้กองฯ-กลุ่ม 16 ขู่คว่ำ “ป๊อก-สันติ”ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคเศรษฐกิจไทยและพรรคเล็ก ขณะที่ในห้องประชุมมีการอภิปรายฯอย่างต่อเนื่อง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรค ศท. ได้หารือกับนายพิเชษฐ์ สถิรชวาล หัวหน้ากลุ่ม 16 ที่หลังห้องประชุม โดยนายพีระวิทย์ เรื่อง ลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทยรักธรรม เปิดเผยว่า ร.อ.ธรรมนัสมาหารือกับนายพิเชษฐ์ ด้านหลังห้องประชุมสภาฯถึงแนวทางการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีข้อสรุปร่วมกันว่า จะจัดหนัก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง มีแนวโน้มจะโหวตคว่ำทั้ง 2 คน แต่ขอฟังการอภิปรายก่อนจะมีใครเพิ่มเติม พรรคเล็กจะแถลงเป็นรายวัน ได้พูดคุยกับสมาชิกกลุ่ม 16 แล้วจะโหวตว่าตามกันพรรคเล็กได้ทีขี่คอ รมต.เป้าเชือดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กลุ่ม 16 ที่ประกอบด้วย ส.ส.พรรคเล็ก พยายามต่อรองกดดันรัฐมนตรีที่มีรายชื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ 5-6 คน ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีคะแนนเสียงหมิ่นเหม่ต่อการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แลกกับเสียงโหวตยกมืออภิปรายไว้วางใจให้ โดยมีรัฐมนตรีบางส่วนไม่สนใจ เนื่องจากมั่นใจว่าไม่ได้กระทำความผิดและมั่นใจจะได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจเพียงพอจาก ส.ส.ฝั่งรัฐบาล โดยรัฐมนตรีที่มีแนวโน้มจะได้รับเสียงไว้วางใจจากพรรคเล็กคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ขณะที่รัฐมนตรีที่มีแนวโน้มจะถูกพรรคเล็กลงมติไม่ไว้วางใจคือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถูกคาดหมายอาจได้คะแนนไว้วางใจน้อยที่สุด“พิเชษฐ” เคาะกะลาอุ้ม “บิ๊กป๊อก”ต่อมาช่วงเย็น นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.หัวหน้ากลุ่ม 16 กล่าวว่าพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันจะโหวตไปทิศทางเดียวกับฝ่ายค้าน ยกเว้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรค พปชร. กลุ่มพรรคเล็กขอฟังอภิปรายนำมาวิเคราะห์ทิศทางเป็นมติกับกลุ่ม 16 วันที่ 22 ก.ค.เน้นไปที่ 5-6 รัฐมนตรีที่จับตาพิเศษ โดยเฉพาะนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เรื่องท่อส่งน้ำอีอีซี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เสียงสะท้อนว่ามีปัญหามนุษยสัมพันธ์ ได้ส่งสัญญาณไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ หลังจากนี้น่าจะปรับตัว “อนุพงษ์” โร่เคลียร์ใจ ส.ส.พปชร.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีกระแสข่าว พล.อ.อนุพงษ์อาการน่าเป็นห่วง มีรายงาน ส.ส.พปชร.ไม่พอใจจนเสนอให้ปรับ ครม.ให้ พล.อ.ประวิตร นั่ง รมว.มหาดไทยแทน ปรากฏบ่ายวันที่ 19 ก.ค.ที่รัฐสภา แกนนำพรรค พปชร.คนหนึ่งได้พา พล.อ.อนุพงษ์ไปนั่งเคลียร์ใจกับ ส.ส.พปชร.กว่า 1 ชั่วโมง เป็นครั้งแรกที่ พล.อ.อนุพงษ์มานั่งรับฟัง ส.ส.พปชร.อย่างใกล้ชิด โดยชี้แจงว่าที่ไม่ค่อยสนับสนุนโครงการของ ส.ส. เพราะมีข้อกฎหมายอยู่ ไม่สามารถทำให้ได้ทุกโครงการ จำเป็นต้องทำในภาพรวม แต่ ส.ส.อธิบายว่ารู้ว่ารัฐธรรมนูญห้ามไว้อย่างไร พล.อ.อนุพงษ์จึงขอให้ ส.ส.ช่วยอธิบายกับประชาชนให้ทำโครงการให้ถูกกฎหมาย พร้อมย้ำความสัมพันธ์ของ 3 ป.ว่ายังเหมือนเดิม ทั้งนี้ มีการประเมินว่ารัฐมนตรี ปชป.น่าเป็นห่วงมากกว่าจากปัญหาในพรรคมากกว่าสภาฯไม่อนุญาตม็อบใช้พื้นที่ที่รัฐสภา ว่าที่ ร.ต.ยุทธนา สำเภาเงิน โฆษกประจำสำนักงานเลขาธิการสภาฯ กล่าวถึงกรณีกลุ่มราษฎรขอใช้พื้นที่รัฐสภาจัดกิจกรรม “แคมป์ปิ้งฟังสภา จับตาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์” ระหว่างวันที่ 19-23 ก.ค. ที่ลานหน้ารัฐสภาว่า สำนักงานเลขาธิการสภาฯในฐานะผู้ว่าจ้างก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ยังไม่ได้รับมอบพื้นที่จากบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้างก่อสร้าง อีกทั้งระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการบริหารจัดการพื้นที่และอาคารรัฐสภา กำหนดไว้ว่าการใช้พื้นที่หรืออาคารรัฐสภาต้องเป็นไปเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ นิติบัญญัติหรือการบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา ยังไม่อาจอนุญาตให้ใช้พื้นที่ได้กลุ่มราษฎรไม่สนตั้งแคมปิ้งที่บริเวณลานกว้างหน้ารัฐสภา ฝั่งประตู ส.ส. ถนนทหาร ตั้งแต่ช่วงเช้า เครือข่ายม็อบราษฎร อาทิ กลุ่มทะลุฟ้า wevo ศิลปะปลดแอก คนรุ่นใหม่นนทบุรี ฯลฯทยอยเข้าจับจองพื้นที่จัดการชุมนุม “แคมป์ปิ้งฟังสภา จับตาอภิปรายไม่ไว้วางใจประยุทธ์” โดยเจ้าหน้าที่รัฐสภานำป้ายมาปิดคำว่า “ห้ามเข้าพื้นที่ยังไม่ส่งมอบ” แต่กลุ่มราษฎรยังคงเดินหน้านำแผงรั้วเหล็กมากันพื้นที่เป็นส่วนๆ ก่อนต่อไฟฟ้าติดตั้งเครื่องขยายเสียง ตั้งเต็นท์อำนวยการ โรงครัว โซนพักแรม และเต็นท์วางกล่องลงมติประชาชนจากแนวร่วมและอาสาสมัครต่างๆทั่วประเทศ มีแกนนำสำคัญของแต่ละกลุ่มมาอำนวยการในพื้นที่ อาทิ นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือปูน นายเอเลีย ฟอร์ฟี นายปิยรัตน์ จงเทพ หรือโตโต้ นายเจษฎา ศรีปลั่ง เป็นต้น ช่วงเย็นเริ่มคึกคัก แนวร่วมนำน้ำ อาหารมาสมทบทยอยขนกล่องโหวตมาส่ง ตั้งจอทีวีดูถ่ายทอดสดการอภิปราย พร้อมกับการแสดงดนตรีจาก “เอ้ The Voice และน้ำ คีตาญชลี” กลุ่ม Rap Against Dictatorship ทั้งนี้ ผู้ร่วมชุมนุมต้องลงทะเบียน QR code รับริสต์แบนด์ข้อมือเป็นสัญลักษณ์เพื่อรักษาความปลอดภัย