ภายในวัดนิเวศธรรมประวัติ บางปะอิน นอกจากโบสถ์วิหารอาคาร กระทั่งพระพุทธรูป ผสมผสานศิลปะโกธิคของฝรั่งตั้งแต่สมัย ร.4 ร.5 ด้านหลังโบสถ์ยังมีเครื่องวัดแดดแบบฝรั่งตอนขึ้นกระเช้าจากฝั่งวังข้ามคลองไปฝั่งวัด มีเสียงจากผู้เฒ่า ให้แวะดูเครื่องวัดแดด ผมสงสัย ในวัดมีของดีๆให้ดูมากมาย เครื่องวัดแดดมีความหมายอะไรนักหนา?ใกล้ๆเครื่องวัดแดด มีอนุสาวรีย์ขนาดย่อม อ่านคำจารึกในแท่น ได้ความว่าเป็นเรื่องสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็เดาเอาตามประสา...สมเด็จฯกรมดำรง ท่านคงทำอะไร? ไว้ที่นี่มากอะไร? ผมก็นึกไปถึงรูป...ที่เป็นวัตถุ...มากกว่า ไม่ทันคิดไปสักนิดว่า เป็น “นามธรรม” การริเริ่ม ที่เป็นคุณูปการยิ่งใหญ่ไพศาล แก่คนไทยทั้งชาติใน “เก็บตกจากกรุงสยาม” (ไทยวัฒนาพานิช พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ.2545) คุณเอนก นาวิกมูล เขียนไว้ในเรื่อง ตาอินกับตานามาจากไหน? ตอนหนึ่งพ.ศ.2426 สมเด็จฯกรมดำรงราชานุภาพ ผนวชเป็นพระอยู่ที่วัดนิเวศธรรมประวัติ ทอดพระเนตรเห็นเด็กแถวนั้น เรียนหนังสือบ้าง ไปทำนาบ้าง ความรู้ตกๆหล่นๆ หลงๆลืมๆสมัยนั้นเด็กเรียนมูลบทบรรพกิจ (แจกลูก ก.ข. ก.กา ต่อด้วย ขึ้นตัวสะกด...แม่กง แม่กน ฯลฯ) สมเด็จฯทรงเห็นว่า เป็นการเรียนแบบโบราณ ทรงอยู่ในวัดที่มีแต่บรรยากาศศิลปะวิชาฝรั่ง จึงทรงคิดหาตำราเรียนแบบใหม่พ.ศ.2430 ในหลวงรัชกาลที่ 5 โปรดให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศึกษาธิการ จึงทรงริเริ่มแต่งแบบเรียนเร็ว ทรงทดลองสอนเด็กในวังวรดิศ สองปีต่อมาก็ตีพิมพ์เป็นเล่ม เมื่อนำทูลเกล้าฯถวาย ได้รับพระบรมราชานุญาตหนังสือแบบเรียนเร็ว สอนให้รู้จักพยัญชนะ สระ และการผสมเป็นคำ เป็นความ และเพื่อให้เด็กอ่านหนังสือได้คล่อง จึงมีบทหัดอ่านให้เขียนในลักษณะนิทานสอนใจ...หลายเรื่อง เรื่องหนึ่งเล่าขานถึงวันนี้ ตาอินกับตานาชื่อนี้ เรียกตามเนื้อเพลงสุนทราภรณ์ ซึ่งแต่งทีหลัง ผมจำได้ คุณศรีสุดาฯร้อง คุณเอนกว่า ฟังๆกันราวปี 2512ตาอินกะตานา หาปลาเอามากินกัน ได้ปลาทุกวัน รักกันก็ปันกันไป หาปลากันมานาน หาปลามาบานตะไท จนแม้ใครๆ รู้น้ำใจไมตรีปรีดาแต่แล้ววันหนึ่ง เคราะห์มาถึงขมึงทึงมา สองคนถึงคราแย่งหางปลาหัวปลากันเกรียวตาอินกะตานา โศกาอาวรณ์จริงเชียว ตาอยู่มาเดี๋ยวเดียวคว้าพุงเพียวๆไปกินเนื้อเพลงสั้นๆแค่นี้ แต่เรื่องเดิม ที่สมเด็จฯนิพนธ์ ขึ้นต้นเป็นเรื่องตานากับตาอิน ตอนแรกจับปลาอยู่ใกล้กัน ได้ปลาน้อยไม่พอกิน ตานาแยกไปหาปลาในทะเล ตาอินหาปลาน้ำตื้นวันหนึ่งตานาได้ปลาฉลามตัวใหญ่ มาบอกแบ่งข้างหางให้ตาอิน ตานาจะเอาข้างหัว ตาอินไม่ยอม เลยเถียงกัน จนตาอยู่เจ้าเล่ห์ ในนิทานมีสมญา “แขนคอก” เดินผ่านมาตาอยู่ทำทีเป็นเหนื่อยจากงานชำระความในศาล...แต่ทนอ้อนวอนไม่ไหว ขอสัญญา ตัดสินยังไงต้องทำตามนั้น พอได้สัญญา ตาอยู่ก็ตัดสินเอาปลาท่อนกลาง ซึ่งติดพุงมันๆ เอาไปบ้านเรื่องก็จบเหมือนเพลงสุนทราภรณ์...ตาอินกะตานา โศกาอาวรณ์จริงเชียว...แล้วทั้งสองก็รู้สำนึก รู้จักแบ่งปันช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ถ้าทะเลาะเบาะแว้งกัน ที่สุดก็จะเสียประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ...ทรงเป็นองค์ต้นแบบ แบบเรียนเร็ว...ต่อมามีผู้รู้รุ่นต่อมา ดัดแปลงแต่งต่อมาหลายคน ถึงเด็กรุ่นผม...เรียน ป. เตรียม พ.ศ.2496 เรียกแบบเรียนเร็วใหม่ ที่จำกันได้ ก็ตอน ป้ากะปู่กู้อีจู้ผมตั้งชื่อคอลัมน์ สุดทางที่บางปะอิน...แต่เนื้อหาตอนนี้ ควรเปลี่ยนเป็น เริ่มต้นที่บางปะอิน...เจ้านายสยามเริ่มปฏิรูปการศึกษาแบบใหม่...ที่บางปะอิน ให้คนไทยได้เรียนรู้กันจนมาถึงวันนี้.กิเลน ประลองเชิง