สมุนไพรไทยเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทยที่ไม่เหมือนชาติใดในโลก โดยเฉพาะสมุนไพรพื้นบ้าน ที่นอกจากจะให้รสชาติกลมกล่อม เผ็ด ร้อน หอม ฉุน ครบเครื่องแล้ว ยังมีสรรพคุณในทางยาอีกนับไม่ถ้วนล่าสุด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบันวิจัยสมุนไพร ได้ทำการศึกษาสมุนไพรสำคัญของภาคตะวันออกของประเทศไทยจำนวน 2 ชนิด ประกอบด้วย พริกไทย พันธุ์ปรางถี่ และคุชชิ่ง และ กระวาน ซึ่งเป็นพืชที่ใช้เป็นองค์ประกอบทั้งในอาหารและยาหลายชนิด โดยเฉพาะพริกไทย มีแหล่งปลูกประมาณ 95% ของพื้นที่ปลูกทั่วประเทศ อยู่ที่จังหวัดจันทบุรี สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกให้กับประเทศปีละจำนวนมากเป็นสินค้าขึ้นชื่อและเป็นพืชเศรษฐกิจของภาคตะวันออกของประเทศ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยา ศาสตร์การแพทย์ บอกว่า การศึกษาวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย การศึกษาเพื่อแยกสายพันธุ์ของพริกไทย และการศึกษาความหลากหลายของกระวานในพื้นที่ต่างๆ ของภาคตะวันออก โดยใช้เทคนิคทางชีววิทยาระดับโมเลกุลในการศึกษาลักษณะทางพันธุกรรมของพืชสมุนไพร “การศึกษาวิจัยจะทำทั้งในเรื่องของ genome sequencing และ DNA barcode เพื่อบ่งบอกลักษณะเฉพาะของสายพันธุ์พืชแต่ละชนิด รวมถึงการจัดทำเป็นข้อมูลของพืชประจำถิ่น โดยทางสถาบันวิจัยสมุนไพรได้ติดต่อกับแหล่งวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่พริกไทย ตำบลแก่งหางแมว อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี ซึ่งถือเป็นกลุ่มปลูกพริกไทยแห่งแรกของประเทศไทยที่มีความเข้มแข็งและประสบความสำเร็จในการดำเนินงานเป็นอย่างดี โดยทางวิสาหกิจชุมชนจะช่วยในการเก็บตัวอย่างให้กรมนำมาศึกษาวิจัย” อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้ข้อมูล สำหรับระยะเวลาในการศึกษาวิจัย คุณหมอศุภกิจบอกว่า เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยทีมนักวิจัยได้จัดเตรียมข้อมูล คัดเลือกพืช และติดต่อสถานที่ลงเก็บข้อมูลตัวอย่างที่พร้อมในการศึกษาวิจัย จากนั้นในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคมจะดำเนินการศึกษาเปรียบเทียบข้อมูลทางพันธุกรรมกับข้อมูลลักษณะทางพฤกษศาสตร์ และทางด้านเคมี คาดว่าประมาณต้นปี 2566 จะสามารถสรุปผลการวิจัยและประชุมสรุปข้อมูลทางด้านพันธุ กรรมของพืชทั้งสองชนิดให้กับชุมชนและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไปอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังบอกอีกว่า การศึกษานี้ จะทำให้ทราบความจำเพาะของพืชสมุน ไพรแต่ละชนิดไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของข้อมูลทั้งทางด้านพฤกษศาสตร์ ด้านเคมี และข้อมูลพันธุกรรมของพืช สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาพันธุ์พืช เพิ่มปริมาณในการผลิต รวมถึงเป็นการสร้างแหล่งพืช GI ที่มีคุณภาพ มีข้อมูลยืนยันของแหล่งพืช และยังเพิ่มมูลค่าในการส่งออกของพืชสมุนไพรมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการอนุรักษ์พันธุ์พืชที่สำคัญและหายากของแต่ละพื้นที่อีกด้วย ซึ่งหลังจากศึกษาพันธุ์พืชสองชนิดแล้ว ในอนาคตจะมีการศึกษาพืชสมุนไพรอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ชะมวงเปราะหอม เร่ว อีกด้วย สำหรับ “กระวาน” เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่ใช้ในการประกอบอาหารไทยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริก แกงมัสมั่น หรือแกงกะหรี่ และด้วยกลิ่นหอมที่เป็น เอกลักษณ์บวกกับสรรพคุณในการรักษาโรค ทำให้กระวานกลายเป็นสมุนไพรที่โด่งดังทั้งในไทยและต่างประเทศ ต้นกระวานสามารถนำทุกๆส่วนมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นราก ลำต้น หน่อ เปลือก แก่นของลำต้น ใบ ผลแก่เมล็ด หรือเหง้าอ่อน และยังเป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลรักษามาก เจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีความชื้นสูง สามารถปลูกเป็นพืชแซมไม้ผล หรือไม้ยืนต้นเพื่อให้ร่มเงาได้ สรรพคุณทางยาของกระวาน คือแก้ธาตุพิการ อุจจาระพิการ บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ขับเลือด ฟอกโลหิต ขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย แก้ลม รักษาโรครำมะนาด ใช้ขับพยาธิในเนื้อให้ออกทางผิวหนัง ใช้ทาแก้งูสวัด ใช้รักษาโรคโลหิตเป็นพิษ รักษาโรคผิวหนัง บำรุงโลหิต แก้ลมสันนิบาต ขับเสมหะ แก้ไข้เซื่องซึม ช่วยทำให้ฟื้นไข้เร็วขึ้น แก้ลม จุกเสียด บำรุงกำลังใช้แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม และแก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง ผลกระวานสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ใช้เป็นหนึ่งในส่วนประกอบของพิกัดยาไทยช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ส่วน พริกไทย ที่นิยมปลูกมี 6 สายพันธุ์ คือพริกไทยพันธุ์ใบหนา พริกไทยพันธุ์บ้านแก้ว พริกไทยพันธุ์ปรางถี่ธรรมดา พริกไทยพันธุ์ปรางถี่หยิก พริกไทยพันธุ์ควายขวิด และพริกไทยสายพันธุ์คุชชิ่งสรรพคุณทางยาของพริกไทยช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ป้องกันมะเร็ง กระตุ้นประสาท ช่วยเจริญอาหาร ช่วยผ่อนคลาย ทำให้นอนหลับสบาย เพิ่มความอบอุ่นของร่างกาย ช่วยขับเสมหะ แก้ปวดฟัน แก้ไอ ลดไข้ บำรุงเลือด ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับปัสสาวะ แก้ระดูขาว ลดการอักเสบ เป็นยาอายุวัฒนะ ฯลฯ ถือเป็นราชาแห่งเครื่องเทศที่มีโอกาสสูงในการพัฒนาต่อยอดเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนของการปรุงอาหารและเป็นยาในอนาคต.