เทศบาลตำบลไทรย้อย อำเภอเนิน มะปราง จังหวัดพิษณุโลก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในพื้นที่ เตรียมพร้อมใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น หรือ “กปท.” สำหรับสนับสนุนผ้าอ้อมผู้ใหญ่...แผ่นรองซับให้กับผู้ป่วยสูงอายุ...ผู้พิการ...ผู้ป่วยที่มีปัญหากลั้นขับถ่ายณัฐวุฒิ ใจดี รองปลัดเทศบาลตำบลไทรย้อย บอกว่า นี่คือสิทธิประโยชน์ใหม่ที่ สปสช.ได้เพิ่มสิทธิสนับสนุนผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับไม่เกิน 3 ชิ้นต่อคนต่อวัน ซึ่งทางเทศบาลมีฐานข้อมูลของผู้ป่วยกลุ่มนี้อยู่แล้วกรณีของ รพ.สต.ไทรย้อย และ รพ.สต.หนองขมิ้น มีการคัดกรอง ประเมินผู้ป่วยเป็นประจำทุกปี เพื่อตรวจสอบรายชื่อทั้ง “ผู้ป่วยเก่า” และ “ผู้ป่วยใหม่” ที่มีความจำเป็นต้องใช้ให้เป็นปัจจุบันเสมอ รพ.สต.ทั้ง 2 แห่งก็จะส่งข้อมูลให้กับเทศบาล ปีนี้คาดว่าผู้ป่วยจำเป็นที่มีความจำเป็นต้องใช้ประมาณ 28 คน“ตลอดสาม...สี่ปีที่ผ่านมา เทศบาลของเราใช้กองทุนสวัสดิการออมวันละบาท เพื่อนำมาสนับสนุนให้กับผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียงที่มีความจำเป็นต้องใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ทุกปีอยู่แล้ว แต่ก็เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นปีหนึ่งซื้อให้ได้ไม่เกินสองครั้ง ครั้งละสองชุดเท่านั้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวและคนดูแล”แน่นอนว่า ใครก็พอจะรู้อยู่ว่า “ผ้าอ้อมผู้ใหญ่” เป็นสินค้าที่มี “ราคาสูง” อภิชาติ รอดสมนพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เสริมว่า การเพิ่มสิทธิประโยชน์ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ คณะกรรมการ สปสช.เพิ่งอนุมัติไปเมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา“สิทธิประโยชน์นี้เป็นเรื่องของการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค คนไทยทุกสิทธิทุกเพศทุกวัยจะได้รับสิทธิประโยชน์นี้โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นผู้ใช้สิทธิบัตรทองเท่านั้น...คุณสมบัติผู้ที่จะได้รับผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับคือ ต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายหรือไปเข้าห้องน้ำเองได้ มีคะแนน ADL ต่ำกว่า 6”และ...ผู้ที่แพทย์วินิจฉัยว่า มีปัญหาการขับถ่าย ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะ... อุจจาระเองได้ ซึ่งหลังจากที่ สปสช.ประกาศสิทธิประโยชน์นี้ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก มีการสอบถามวิธีการขอรับสิทธิสำหรับแหล่งงบประมาณที่ใช้จัดซื้อจะใช้เงินจากกองทุนหลัก ประกันสุขภาพในระดับพื้นที่ (กปท.) ซึ่งเป็นกองทุนที่ สปสช.สมทบเงินร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ต่างๆ เช่น อบต. อบจ. เทศบาล จัดตั้งกองทุนนี้ในพื้นที่ขึ้นมา ขณะนี้ครอบคลุมกว่า 99% ของประเทศแล้วให้รู้ไว้ด้วยว่า แต่ละปี กปท.ได้รับงบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาทและมีงบที่ใช้ไม่หมด จึงสามารถนำงบประมาณคงเหลือมาใช้จัดซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับได้โดยไม่ต้องของบประมาณเพิ่มจากรัฐบาล“เคยมีการศึกษาว่า ถ้ารัฐช่วยอุดหนุนผ้าอ้อมและแผ่นรองซับจะช่วยประหยัดรายจ่ายครัวเรือนไปได้ประมาณ 20,000 บาท ยิ่งยุคนี้น้ำมันแพง ข้าวของแพง ก็ช่วยลดภาระประชาชนได้พอสมควร ปีนี้เนื่องจากผ่านไปครึ่งปีงบประมาณแล้ว ก็น่าจะใช้เงินจัดซื้อผ้าอ้อมและแผ่นรองซับประมาณ 200 ล้านบาท”ส่วนในปีต่อๆไปเต็มปีงบประมาณก็น่าจะใช้ประมาณ 400–500 ล้านบาท คิดเป็นเพียง 10% ของงบ กปท.ทั้งหมดเท่านั้น อนุทิน ชาญวีรกูลอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมาได้มีมติเห็นชอบ บรรจุ “ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แผ่นรองซับการขับถ่าย” ให้เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) สำหรับคนไทยทุกคน โดยมีผลตั้งแต่ 2 พ.ค.2565 เป็นต้นไปประเมินกันว่า...ผู้ได้รับสิทธิประโยชน์ปัจจุบันมีจำนวน 53,356 ราย โดยสนับสนุนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แผ่นรองซับขับถ่าย จำนวนไม่เกิน 3 ชิ้นต่อคนต่อวัน ตามคำแนะนำของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขปี 2565 ต้นทุนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แผ่นรองซับการขับถ่าย อยู่ที่ 9.5 บาทต่อชิ้น หากใช้ 3 ชิ้นต่อคนต่อวัน และใช้ 153 วันของปีงบประมาณที่เหลืออยู่ คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 232.66 ล้านบาทสิทธิประโยชน์นี้จะช่วยให้ผู้ที่อยู่ในภาวะติดบ้าน ติดเตียง กลุ่มที่มีปัญหาการกลั้นอุจจาระ ปัสสาวะไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วยกลุ่มต่างๆที่มีปัญหาการขับถ่ายโดยไม่จำกัดอายุ นอกจากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนในด้านสุขภาพได้ จเด็จ ธรรมธัชอารีนพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) บอกว่า สิทธิประโยชน์นี้เป็นข้อเสนอจากการรับฟังความเห็นและมีการนำเสนออย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นวัสดุที่จำเป็นสำหรับการดูแลผู้ป่วยในด้านสุขอนามัยการขับถ่าย และเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายครอบครัวที่ผ่านมา สปสช.ได้พยายามผลักดันอย่างต่อเนื่อง...ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ จนกระทั่งสำเร็จและได้บรรจุเป็นสิทธิประโยชน์บัตรทองในวันนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการดูแลผู้มีสิทธิบัตรทองภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติผู้ที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมการใช้สิทธิบัตรทอง ได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ ทั้งไลน์ สปสช. (ไลน์ไอดี @nhso) หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (https://www.facebook.com/NHSO.Thailand)อย่างไรก็ดี ในส่วนของวิธีการขอรับผ้าอ้อมและแผ่นรองซับนั้น ผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้มีปัญหาการขับถ่าย ไม่สามารถขอรับด้วยตัวเองได้ ผู้ที่จะขอจัดสรรงบจาก กปท.ได้ต้องเป็นตัวองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์บริการผู้สูงอายุ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ โรงพยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ศูนย์บริการสาธารณสุข ย้ำว่า...หน่วยงานที่กล่าวมาข้างต้นนี้จึงจะสามารถเขียนโครงการของบประมาณได้ แต่โดยปกติ “เจ้าหน้าที่สาธารณสุข” หรือ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” จะมีการสำรวจจำนวนผู้ป่วยติดเตียง ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง มีการจัดบริการดูแลแบบระยะยาว ผู้ป่วยแต่ละรายมีแผนการดูแลอยู่แล้วดังนั้น ผู้ที่อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่อยู่แล้วจึงแทบไม่ต้องทำอะไร บุคลากรที่ดูแลเรื่องระบบการดูแลผู้ป่วยระยะยาวในแต่ละพื้นที่ จะดำเนินการของบประมาณและจัดซื้อให้แก่ผู้ป่วยเองนพ.อภิชาติ บอกอีกว่า ในพื้นที่ต่างจังหวัดไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนมากก็จะรู้กันว่า บ้านไหนที่มีผู้ป่วยติดเตียง มีภาวะพึ่งพิง แต่ในพื้นที่ กทม.เนื่องจากมีประชากรจำนวนมาก มีการโยกย้ายถิ่น มีความซับซ้อนทางสังคมสูง ข้อมูลต่างๆ อาจจะตกหล่นบ้าง แนะนำให้ผู้ป่วย ญาติไปแจ้งข้อมูลผู้ป่วยแก่ศูนย์บริการสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่สิทธิประโยชน์นี้จะเป็นการจัดการพื้นที่ใครพื้นที่มัน ไม่สามารถขอรับสิทธิข้ามพื้นที่ได้ เช่น ตำบล A ไม่ได้ทำโครงการขอจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ ประชาชนในพื้นที่เลยไปขอใช้สิทธิจากตำบล B แบบนี้ไม่ได้ ข้อแนะนำคือ ให้ผู้ป่วยรวมกลุ่มกันและเข้าไปพูดคุยกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆเพื่อชักจูงให้เขียนโครงการของบประมาณ หรือแจ้งข้อมูลมาที่ สปสช.เขตพื้นที่หรือ สปสช.ส่วนกลาง เพื่อที่ สปสช.จะได้ประสานงานโน้มน้าวให้พื้นที่นั้นๆนำงบประมาณของ กปท. มาใช้สุดท้ายแล้ว...การแจกผ้าอ้อมและแผ่นรองซับเป็นเพียงการสนับ สนุนส่วนหนึ่ง หัวใจสำคัญคือ เราต้องการให้มีการจัดบริการดูแลแบบองค์รวมแก่ผู้ป่วยติดเตียง ผู้มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่...เป็นเพียงส่วนเสริมให้ดูแลได้มีคุณภาพมากขึ้น เพิ่มศักยภาพ...“สิทธิบัตรทอง” 30 บาทรักษาที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ.