“เกษตรกรผู้ปลูกมันแกวใน อ.บรบือ จ.มหาสารคาม มักประสบปัญหาเสี้ยนดิน ซึ่งเป็นมดชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ในดิน และเป็นศัตรูสำคัญของพืชหัว มีขนาดลำตัวเท่ามดแดง ลำตัวสีน้ำตาลแดง แต่สีเข้มกว่ามดแดง เข้าทำลายผลผลิตเป็นประจำ ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรมหาสารคาม สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 กรมวิชาการเกษตรจึงได้นำผลงานวิจัยและเทคโนโลยีการผลิตมันแกวคุณภาพดีได้มาตรฐานและปลอดภัยสู่การเพิ่มมูลค่าและสร้างอัตลักษณ์เด่นพื้นถิ่นจังหวัดมหาสารคาม มาใช้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันแกว พื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ปรากฏว่าทำให้ผลผลิตมันแกวมีคุณภาพ ขาว หวาน กรอบ อร่อย ปลอดภัยจากสารพิษ ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค สามารถเพิ่มมูลค่ามันแกวได้อย่างมีคุณภาพ ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันแกว” นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยถึง เทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาเสี้ยนดินทำลายหัวมันแกวนั้น เป็นการนำเอาเทคโน โลยีชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทย ผลงานวิจัยของสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร มาประยุกต์ด้วยการนำไส้เดือนฝอยมาคุลกเคล้ากับเนื้อมะพร้าวแก่คลุกกับไส้เดือนฝอย และนำมาใส่กระปุกเจาะรูไปฝังไว้ในดินบริเวณแปลงปลูกมันแกว เป็นกับดักอาหารเหยื่อล่อเสี้ยนดิน เมื่อมันแกวอายุประมาณ 45-60 วัน เสี้ยนดินได้เข้ามากินอาหารในกับดักอาหารเหยื่อล่อที่คลุกไส้เดือนฝอยไว้ ส่งผลให้เสี้ยนดินที่กินอาหารในกับดักตายภายใน 1 วัน ผลจากการนำไปใช้งานในแปลงของเกษตรกรที่ปลูกแบบทั่วไปพบว่า การฝังกับดักอาหารเหยื่อล่อจำนวน 4 จุด ต่อพื้นที่ 42 ตร.ม. สามารถลดความเสียหายของผลผลิตมันแกวได้ 35% เมื่อเทียบกับการที่ไม่มีการป้องกันกำจัด ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็นไร่ละ 3,989–4,080 กก. ในขณะที่ไม่ใช้ไส้เดือนฝอยเกษตรกรจะได้รับผลผลิตแค่เพียงไร่ละ 2,593–2,652 กก. คิดเป็น เงินที่ลดความเสียหายได้ถึงไร่ละ 2,268-5,016 บาท อธิบดีกรมวิชาการเกษตรยังเปิดเผยอีกว่า นอกจากนั้น การนำเทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตรมาผลิตมันแกวทั้งระบบ ได้แก่ การจัดการเตรียมแปลงปลูก ระยะปลูกที่เหมาะสม การใส่ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำ การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียมอัตราไร่ละ 1,000 กก. ช่วยเพิ่มผลผลิตมันแกวได้สูงถึงไร่ละ 7,776 กก.เพิ่มจากวิธีการเดิมของเกษตรกรที่ไม่ใช้ปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียม 16% คิดเป็นรายได้ที่เกษตรกรได้รับเพิ่มขึ้นมาอีกไร่ละ 10,232 บาท.ชาติชาย ศิริพัฒน์