โค้งสุดท้ายเลือกตั้งท้องถิ่น หลังจากรอคอยกันมานาน นับแต่ คสช.เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ การเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นเปลี่ยนไปสู่ระบบแต่งตั้งจนล่าสุดเหลืออีกเพียง 2 แห่ง ที่ต้องเริ่มต้นใหม่คือ การเลือกนายกพัทยา และการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นแบบพิเศษแตกต่างจากทั่วไปเนื่องจากไม่ได้เลือกกันมานาน พอเสียงปี่กลองดังกระหึ่ม ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมากทั้งคนที่ต้องการไปใช้สิทธิ และต้องการเป็นตัวแทน“พัทยา” เอาแบบสรุปไปบ้านใหญ่ยังเป็นตัวยืน เนื่องจากกุมสภาพความได้เปรียบในเรื่องฐานเสียงและการครองอำนาจมาอย่างยาวนานอยู่ที่ว่าจะรักษา “อำนาจ” ต่อไปได้อีกหรือไม่เท่านั้นสนาม กทม.ถือว่าเป็นสนามใหญ่ระดับชาติ เนื่องจากมีพรรคการเมืองและบุคคลการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องมากดีอยู่อย่างก็คือ ฟังจากเสียงโพลที่สำรวจกันมาหลายสำนัก ปรากฏว่า ประชาชนให้ความสนใจและกระตือรือร้นที่จะไปลงคะแนนเลือกตั้ง 80 กว่า% ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีทางการเมืองอีกทั้งผู้สมัครโดยรวมระดับตัวเต็งๆที่เป็นข่าว และได้รับความนิยมก็มีความรู้ความสามารถพร้อมที่จะเข้ามาบริหารงานท้องถิ่นระดับนี้มีทั้งสังกัดพรรค อิสระ และซ่อนเร้นอำพรางอันนั้นเป็นเรื่องของแต่ละคนที่มุ่งหวังไปสู่ชัยชนะด้วยวิธีที่ต่างกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกหากไม่ผิดปกติโพลหลายสำนักได้สำรวจความเห็นของคนกรุงเทพฯมาอย่างต่อเนื่อง ปรากฏว่า มีชื่อเดียวที่ได้รับความนิยมไม่เปลี่ยนแปลง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้สมัครอิสระอันดับที่ 1คนนี้ออกตัวก่อนเพื่อนว่าจะลงสมัคร จึงเป็นที่สนใจและติดตามมาตลอด เมื่อลงสมัครประกาศนโยบายและหาเสียงอย่างเอาการเอางานมีวิสัยทัศน์และความรู้ความสามารถจนได้รับการยอมรับแม้จะถูกเสียดสีบ้างในเรื่องที่สมัครในนามอิสระ แต่รู้กันดีว่าเขามีสีเสื้อสังกัดแต่ไม่ยอมเปิดเผยให้ชัดเจนดีที่ว่าด้วยคุณสมบัติครบเครื่องในตัวเองแรงเสียดทานทางการเมืองก็มิอาจทำลายหรือทำให้เกิดความคลอนแคลนในความนิยมให้เจือจางลงไปแม้จะพูดกันว่า โพลที่สำรวจกันทุกวันมาที่ 1 ตลอด แต่เวลาลงคะแนนอาจสอบตกก็ได้ แต่ดูแล้วชื่อนี้คงไม่พลาดเป้าเพราะแม้ผู้สมัครคนอื่นจะน่าสนใจหลายคน มีความรู้ ความสามารถใกล้เคียงกัน แต่เมื่อลงสนามจริงนับแต่วันลงสมัครไม่มีคนไหนที่สร้างความโดดเด่นเหนือกว่าได้วันนี้แม้จะยังไม่มีการหย่อนบัตร แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนเหลี่ยมไหนไม่มีโอกาสที่จะพลาดเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ไปได้.“สายล่อฟ้า”