โลกยุค “ไร้พรมแดน” กลุ่มอาชญากรหรือกลุ่มมิจฉาชีพกระทำความผิดได้ทุกที่ ทุกเวลา ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นเสมือน “ดาบสองคม” ให้คนร้ายใช้สร้างความเสียหายให้พี่น้องประชาชนตำรวจมีงานมากขึ้น จะทำงานแบบเดิมๆไม่ได้ หากไม่เรียนรู้ไม่คิดปรับเปลี่ยนนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ไม่ต่อยอดงานตำรวจ ทำงานเพียงหน่วยเดียว ไม่ประสานความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ไม่ได้อีกแล้วพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เห็นถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นและมีแนวโน้มเป็นปัญหาใหญ่ของตำรวจ ได้สั่งให้ตำรวจรู้จักพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอและพัฒนาหน่วยงานต่อเนื่อง โดยเฉพาะความรู้งานสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมอบให้ กองบัญชาการสอบสวนกลาง เป็นต้นแบบพัฒนาระบบงานตำรวจ ให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. วางระบบพัฒนาคน พัฒนาระบบ เป็นโมเดลให้หน่วยอื่นๆผบช.ก.ที่เติบโตมาด้วยงาน ประสบการณ์การทำงานด้านสืบสวน ย่อมรู้ว่าอนาคตข้างหน้าของตำรวจไทย สมควรจะเดินหน้าไปในทิศทางไหน และพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยงานตำรวจได้อย่างไรที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลางตอบโจทย์การเป็นหน่วยตำรวจที่นำระบบด้านฐานข้อมูลเชื่อมโยงของระบบอาชญากรรม นำไปสู่การจับกุมคดีอาชญากรรมที่เป็นเครือข่ายระดับประเทศมานับไม่ถ้วน...แต่ บช.ก. ไม่เคยหยุดการพัฒนาศักยภาพของหน่วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปอท. และ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พร้อมคณะตำรวจสอบสวนกลางเดินทางไปประเทศสิงคโปร์หารือด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมกับ นายฮาว ควาง ฮวี ผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจสอบสวนกลางสิงคโปร์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมกำหนดทิศทางทำงานร่วมกันในอนาคตระหว่างทั้งสองประเทศพบว่าแม้ประเทศสิงคโปร์มีสถิติคดีอาชญากรรม ความรุนแรงอยู่ในระดับต่ำ แต่กลับมีคดีหลอกลวง ฉ้อโกงทางเทคโนโลยีสูงเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆทั่วโลก ซึ่งกำลังประสบปัญหาอยู่ในปัจจุบันเช่นเดียวกันทำให้ตำรวจสิงคโปร์มีการพัฒนาบุคลากร เน้นนำเอาคนรุ่นใหม่ไฟแรง มีความรู้ด้านเทคโนโลยีมาเป็น “ผู้นำหน่วย” มาพัฒนาหน่วย ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าสนใจของตำรวจสิงคโปร์ในการพัฒนาองค์กรในระยะยาวมีข้อมูลที่น่าสนใจของตำรวจสิงคโปร์ได้สร้างระบบบริหารจัดการคดี (Case Management) เป็นระบบเดียวที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลอาชญากรรมกับทุกสถานีตำรวจ ระบบการบริหารสั่งการคดี สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากหน่วย งานภาครัฐอื่นๆ เพื่อใช้ในการสืบสวนสอบสวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการริเริ่มพัฒนาจัดทำ ฐานข้อมูลอาชญากรรมขนาดใหญ่ (Big Data) มานานหลายปีผบช.ก.คาดหวังจะนำเอาเทคโนโลยี มาใช้ในการทำงาน ฝึกตำรวจให้รู้เท่าทัน การเปลี่ยนแปลง มีฐานข้อมูลอาชญากรรมที่สามารถนำมาวิเคราะห์ป้องกันได้อย่างดี เป็นมาตรฐานสากลพล.ต.ท.จิรภพ นำตำรวจสอบสวนกลางแลกเปลี่ยนความรู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสากล “Interpol” ที่รับผิดชอบคดีอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อกำหนดทิศทางการทำงานร่วมกันให้ดียิ่งขึ้น และต่อไปจะมีการอบรมสัมมนาความรู้แลกเปลี่ยนการทำงานร่วมกันในอนาคตอนาคตอันใกล้ตำรวจไทยทำงานร่วมกันด้านการสืบสวนทางด้านไซเบอร์กับตำรวจสากลหลังประชุมหารือ พล.ต.ท.จิรภพ นำคณะตำรวจสอบสวนกลางเข้าเยี่ยมชม ดูงานระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยอาจนำมาใช้เพื่อต่อยอดหรือเป็นต้นแบบ “Role Model” ในการพัฒนาเครื่องไม้เครื่องมือของตำรวจไทยเพื่อให้สามารถป้องกันปราบปรามอาชญากรรมได้ดียิ่งขึ้นในอนาคตพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “คณะเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางได้เดินทางไปประเทศสิงคโปร์เพื่อพบปะพูดคุยกับนายฮาว ควาง ฮวี ผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจสอบสวนกลางสิงคโปร์ แลกเปลี่ยนทัศนคติ ข้อมูลสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ในการป้องกันปราบ ปรามอาชญากรรมให้แก่ทั้งสองประเทศ รวมถึงกำหนดทิศทางในการทำงานร่วมกันในอนาคต ถึงแม้ว่าประเทศสิงคโปร์จะถือเป็นประเทศที่ปลอดภัย มีสถิติคดีอาชญากรรมอยู่ในระดับต่ำ โดย เฉพาะ “คดีอุกฉกรรจ์” แต่อย่างไร ก็ตาม กว่าร้อยละ 50 ของคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดในประเทศเป็นคดีที่เกี่ยวกับการ “ฉ้อโกง–หลอกลวง” เกิดความเสียหายเป็นมูลค่าทาง การเงินนับพันล้านบาท ไม่ต่างกับประเทศอื่นๆหลายคดีก็คงมีส่วนพัวพันกับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นคนไทยเป็นผู้เสียหาย เป็นคนร้ายหรือบริษัทไทยไปเกี่ยวข้อง” “แนวโน้มต่อไปเราคงได้เห็นตำรวจไทยกับตำรวจสิงคโปร์จับมือกันทำงานอย่างเข้มแข็ง และยกระดับศักยภาพการทำงานขององค์กรไปด้วยกัน โดยเฉพาะ “อาชญากรรมไซเบอร์” ซึ่งกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกยุคออนไลน์ เราได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลที่รับผิดชอบคดี “อาชญากรรมไซเบอร์” ณ Interpol Global Complex for Innovation (IGCI) ด้วย โดยหารือในประเด็นการพัฒนาบุคลากรของ บช.ก. จะมีการจัดการฝึกอบรมร่วมกันระหว่างสองหน่วยงาน บช.ก.ให้ความสำคัญกับข้อมูลเป็นอย่างมาก ยิ่งข้อมูลมากเท่าใดก็ยิ่งทำให้การสืบสวนปราบปรามได้มากขึ้นเท่านั้น เชื่อว่าต่อไปเรากับสิงคโปร์จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านอาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ข้อมูลข่าวกรองโดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับการ “ฉ้อโกงออนไลน์” และ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” รวมถึงสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจไทยในอีกหลากหลายมิติ”อีกหนึ่งการพัฒนายกระดับ ฐานข้อมูลอาชญากรรม การเชื่อมโยงข้อมูลกับตำรวจต่างประเทศ ของตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อพัฒนาต่อยอดความสามารถของตำรวจไทยให้ก้าวทันเทคโนโลยี นำมาปรับใช้ในการสืบสวนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ตำรวจสอบสวนกลางคิดแบบคนรุ่นใหม่ ยกระดับมาตรฐานการทำงานของหน่วยสู่ระดับสากลเป้าหมายสูงสุดเพื่อความผาสุกของพี่น้องคนไทย.ทีมข่าวอาชญากรรม