ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้ารับเทศกาลสงกรานต์ ที่ถ้าใครติดตามมาตั้งแต่ภาคก่อนๆ ก็คงไม่พลาดชมภาคต่อที่ลงโรงฉายแล้ว เรื่อง “แฟนทาสติค บีสต์ : เดอะ ซีเคร็ตส์ ออฟ ดัมเบิลดอร์” (Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore) หรือ “สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์” ที่ยังใช้บริการกำกับของ เดวิด เยทส์ มาอย่างต่อเนื่องจาก 2 ภาคก่อนหน้าก็คือ “Fantastic Beasts and Where to Find Them” และ “Fantastic Beasts : The Crimes of Grindelwald” โดยผู้เขียนบทในหนังตระกูล “แฟนทาสติค บีสต์” ซึ่งเป็นตอนแยกของ “แฮร์รี่ พ็อตเตอร์” ก็คือ เจ.เค.โรวลิง แต่ใน “สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์” เจ.เค. ได้ สตีฟ โคลฟส์ มาร่วมเขียนบทด้วยทัพนักแสดงภาคใหม่ก็มาเกือบครบหน้า ยกเว้น จอห์นนี่ เด็ปป์ เจ้าของบท “เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์” ซึ่งเด็ปป์ต้องถอนตัวไปจากภาค 3 ซึ่งบท กรินเดลวัลด์ ก็เลยตกเป็นของ แมดส์ มิคเคลเซน นักแสดงชาวเดนมาร์ก “ดาวร้าย” ขาประจำในหนังหลายเรื่อง ส่วนในภาค 3 ผู้ชมจะเห็นการแบ่งฝ่ายชัดเจน ฝ่ายธรรมะก็มี อัลบัส ดัมเบิลดอร์ (จู๊ด ลอว์) เป็นหัวขบวน ผู้นำฝ่ายอธรรมก็คือ กรินเดลวัลด์ (แมดส์ มิคเคลเซน) ผู้หมายจะครองโลกเวทมนตร์และโค่นล้มเหล่ามักเกิลให้สิ้นสูญ และนั่นทำให้จอมเวทฝ่ายดีต้องต่อกรกับจอมเวทฝ่ายร้ายอย่างดุเดือดหลังจากได้ร่วมขบวนฟังเหล่าดาราบอกเล่าความคิดและการทำงานใน “สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์” แบบทางไกลจากลอนดอน “ไทยรัฐ” เลยนำบางส่วนการพูดคุยของ 3 นักแสดง และผู้กำกับมาเผยแพร่จู๊ด ลอว์ บอกเล่าถึงบท อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ว่า“ในหนังเรื่องนี้ เขาเผชิญกับอดีต เผชิญหน้ากับตัวเอง ความรู้สึกผิดของตน ถ้ามีคุณสมบัติใดที่ผมจะเชื่อมโยงกับเขา ก็คือความซุกซน อารมณ์ขัน ความเชื่อมั่นที่เขามีต่อคนอื่น เขามองเห็นด้านบวก คุณจะเห็นว่าดัมเบิลดอร์เชื่อมั่นใน เดรโก มัลฟอย (ในแฮร์รี่ พ็อตเตอร์) อย่างไร เชื่อในทอม ริดเดิ้ล (ในแฮร์รี่ พ็อตเตอร์) ยังไง เขามองเห็นข้อดีหรือสิ่งที่เป็นไปได้ ซึ่งผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่เขามีมาตลอด” ขณะที่ เอ็ดดี้ เรดเมย์น ผู้รับบท นิวท์ เอ่ยถึงความสัมพันธ์ของนิวท์และดัมเบิลดอร์ว่า “ผมชอบตรงที่มันมีความซับซ้อนในระดับปรมาจารย์และผู้ฝึกหัด แต่มันมีวิวัฒนาการตลอดทั้งเรื่องจนเกือบเหมือนจะเป็นพี่ชาย-น้องชาย แล้วมีช่วงหนึ่งที่นิวท์เห็นจุดอ่อนในดัมเบิลดอร์ และพยายามถ่ายทอดช่วงเวลาแห่งปัญญาให้เขา ผมว่านั่นคือความก้าวหน้านะ สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับ นิวท์ก็คือโดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นคนเก็บตัวและสบายใจที่จะอยู่กับสัตว์วิเศษในโลกของเขาเอง แต่ดัมเบิลดอร์เห็นคุณสมบัติในตัวนิวท์ ว่ามีศักยภาพเป็นผู้นำ แม้ว่าจะเป็นวิธีที่แปลกใหม่ ผมว่ามันเหมือนกับหนังโลกเวทมนตร์ของกลุ่มคนนอกที่ไม่ธรรมดามารวมตัวกันและก็มีผู้นำที่แหกคอกด้วย”ส่วน แมดส์ มิคเคลเซน ผู้สวมบทเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ พ่อมดแห่งความมืดที่ทรงพลังที่สุดคนหนึ่ง เผยว่า“ผมมาช้ากว่าคนอื่นๆในกลุ่มนิดหน่อยนะ 2 ภาคแรกผมว่าพวกเขานำผ่านไปครึ่งทางแล้ว เหมือนผมเพิ่งเข้ามาปาร์ตี้ ทีมงานก็เยี่ยม เดวิด (ผู้กำกับ) ก็เยี่ยม ถ้าเปรียบเป็นครอบครัว พวกเขาก็คือเจ้าพ่อ ทำงานแบบนี้มาช่ำชองแล้ว ผมเลยรู้สึกเหมือนอยู่บ้านทันที อีกอย่าง กรินเดลวัลด์มีความเชื่อมโยงกับดัมเบิลดอร์มาก ผมกับจู๊ดก็คุยกันอยู่บ้างถึงความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งคู่ ว่าภารกิจหรือเป้าหมายของเขาคืออะไร พวกเขาเริ่มมีภารกิจเดียวกัน อะไรอย่างนี้นะ”ด้านผู้กำกับ เดวิด เยทส์ เผยว่า “เมื่อคุณสร้างหนังมันเป็นองค์กรด้านโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ เราอาจได้สัมผัสกับประสบการณ์กับคนที่คุณเคารพและชื่นชม แต่ใครที่สามารถรับความเครียดจากสิ่งเหล่านี้ได้ ผมคิดว่าด้วยศักดิ์ศรีและอารมณ์ขันที่แท้จริงเป็นสิ่งสำคัญ พวกเขามีคุณสมบัติที่ผมพบในคนจำนวนมากที่ผมทำงานด้วย ทั้งต่อหน้าและหลังกล้อง ในหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว เกี่ยวกับความกล้าหาญในการทำสิ่งที่ถูกต้อง เกี่ยวกับความรัก สำหรับดัมเบิลดอร์มันเป็นเรื่องของการเลือกระหว่างความรักที่เขามีและอาจจะยังมี และการทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อสิ่งที่ดีกว่า มันเกี่ยวกับตัวเลือกที่คุณเลือกสำหรับตัวละครทั้งหมด”และนั่นคือถ้อยความของผู้กำกับที่ถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ โดยเฉพาะโลกของหนังแนวเวทมนตร์ได้กล่าวทิ้งท้าย.(เรื่อง: ศุภางค์ภัค เศารยะพงศ์)